เดือนห้า ] เดือนหก ] เดือนเจ็ด ] เดือนแปด ] เดือนเก้า ] เดือนสิบ ] เดือนสิบเอ็ด ] เดือนสิบสอง ] เดือนอ้าย ] เดือนยี่ ] เดือนสาม ] [ เดือนสี่และบทส่งท้าย ]

     ถึงเดือนสี่ปีสุดจะตรุษใหม่

ยังไม่ได้นุชนาฏที่ปรารถนา

ฟังเสียงปืนยืนยัดอัฏฏะนา

รอบมหานัคเรศนิเวศน์วัง

ถ้าความทุกข์เราดังเหมือนยังปืน

พิภพพื้นก็จะไหวเหมือนใจหวัง

นวลหงส์คงจะรู้ถึงหูดัง

จะนอนฟังทุกข์พี่ไม่มีเว้น

ทุกวันคืนเดือนปีไม่มีหยุด

พี่แสนสุดทุกข์ใจใครจะเห็น

ในทรวงซ้ำเหมือนเขาเชือดเลือดกระเด็น

ใครจะเห็นเช่นข้าทั้งธานี

ความรักนุชสุดหลงพะวงจิต

จนลืมคิดญาติกาน่าบัดสี

ลืมบิดรมารดาทั้งตาปี

เหมือนไม่มีกตัญญูดูเถิดเรา

พอใจรักแม่เลี้ยงว่าเสียงเพราะ

เฝ้าฉอเลาะก็ไม่ได้อะไรเขา

รักคนอื่นลืมตัวจนมัวเมา

อุตส่าห์เฝ้าไม่ไปข้างไหนเลย

จะได้หรือมิได้ให้รู้แน่

เห็นจะแก่เสียเปล่าแล้วเราเอ๋ย

สงสารใจใจคิดจะชิดเชย

สงสารตัวตัวเอ๋ยจะเอกา

สงสารมือมือหมายจะก่ายกอด

สงสารปากปากพลอดให้หนักหนา

สงสารอกอกโอ้อนิจจา

ใครจะมาแอบอกให้อุ่นใจ

สงสารหลังหลังหมายจะให้จุด

สงสารสุดเวทนาน้ำตาไหล

สงสารตาตาพี่แต่นี้ไป

จะดูใครต่างเจ้าจะเปล่าตา

โอ้อกเรามีกรรมทำไฉน

จึงจะได้แนบชิดขนิษฐา

ได้แต่ชื่อไว้ชมตรมอุรา

ถึงได้ผ้าไว้ห่มก็ตรมใจ

ถึงได้แหวนไว้ชมก็ตรมจิต

ไม่เหมือนได้มิ่งมิตรพิสมัย

ได้ของอื่นหมื่นแสนในแดนไตร

ไม่เหมือนได้นิ่มน้องประคองนอน

จะว่าโศกโศกอะไรที่ในโลก

ไม่เท่าโศกใจเหมือนหนักรักสมร

จะว่าหนักหนักอะไรในดินดอน

ถึงสิงขรก็ไม่หนักเหมือนรักกัน

จะว่าเจ็บเจ็บแผลพอแก้หาย

ถ้าเจ็บกายแล้วชีวาจะอาสัญ

แต่เจ็บแค้นนี่แลแสนจะเจ็บครัน

สุดจะกลั้นสุดจะกลืนขืนอารมณ์

จะว่าขมขมอะไรในพิภพ

ไม่อาจลบบอระเพ็ดที่เข็ดขม

ถึงดาบคมก็ไม่สู้คารมคน

จะว่าลมลมปากนี้มากแรง

จะว่าเมาเมาอะไรก็ไม่หนัก

อันเมารักเช่นนี้มีทุกแห่ง

เกิดยุ่งยิ่งชิงกันถึงฟันแทง

ใครพลาดแพลงล้มตายวายชีวา

บ้างชกต่อยกันบอบลอบตีหัว

เขาจับตัวใส่คุกทุกข์หนักหนา

อันโกรธขึ้งหึงกันทุกวันมา

เพราะตัณหาตัวเดียวมันเรี่ยวแรง

จนพระเณรเถรตู้อยู่ไม่ได้

สึกออกไปซัดเพลาะเที่ยวเสาะแสวง

บ้างร้อนตัวกลัวจะอดเหมือนมดแดง

นอนตะแคงคว่ำหงายวุ่นวายใจ

บ้างก็แต่งเพลงยาวไปน้าวโน้ม

ว่ารักโฉมมิ่งมิตรพิสมัย

พอลงเอยให้แม่สื่อถือเอาไป

แต่ละใบราคาถึงตำลึงทอง

บ้างถูกแม่สื่อหลอกปอกเอาหมด

เจ็บอกอดอับอายเสียดายของ

ถ้าแม่สื่อซื่อตรงคงได้ครอง

เป็นหอห้องเรือนเรือตามเชื้อวงศ์

บ้างรักเขาข้างเดียวลงเคี่ยวเข็ญ

บ้างก็เป็นสังฆการีสึกชีสงฆ์

วิสัยพระทุกวัดขัดทุกองค์

ถ้าลาภตรงมาหาเปลื้องผ้าไตร

บ้างก็ถูกลมหลอกออกมาเก้อ

ชักสะพานแหงนเถ่อน้ำตาไหล

ไม่ได้เมียเสียของร้องเอาใคร

กลับบวชใหม่สวดมนต์ไปจนตาย

เขาว่าพระคราวนั้นก็ขันอยู่

บวชเณรรู้ไว้เป็นศิษย์ดังจิตหมาย

ท่านจับสึกสักหน้าพากันอาย

พวกหญิงชายลือดังทั้งพิภพ

เพราะโลกีย์ฟั่นเผือเหลือสละ

แต่เป็นพระแล้วยังคิดผิดขนบ

นี่หรือคฤหัสถ์จะไม่โลภละโมบมบ

ให้ปรารถเรื่องผู้หญิงประวิงวน

จะพรรณนาว่าไปไหนจะหมด

เหลือกำหนดนับไม่เสร็จเหมือนเม็ดฝน

มิใช่ฉันหยาบช้าแกล้งว่าคน

อย่าร้อนรนร้าวรานรำคาญเคือง

ฉันคนชั่วตัวโศกเป็นโรครัก

อกจะหักเสียด้วยตรอมจนผอมเหลือง

สวาทหวังตั้งจิตเป็นนิตย์เนือง

จึงแต่งเรื่องรักไว้ให้คนฟัง

ไว้อ่านเล่นเป็นที่ประกันทุกข์

ให้ผาสุกตามประสาที่บ้าหลัง

ท่านทั้งหลายชายหญิงอย่าชิงชัง

ฉันต่อตั้งแต่งความตามทำนอง

อันเรื่องราวตัณหานี้สาหัส

ถ้าใครตัดเสียได้ฉันให้ถอง

อุตส่าห์หัดวิชาหาเงินทอง

ก็เพราะของสิ่งเดียวมันเกี่ยวกวน

ถึงยากจนซนหาประสายาก

ที่มีมากตั้งกองครองสงวน

บ้างก็ชอบชาววังรังกระบวน

เนื้อก็นวลเสียงก็หวานขานก็เพราะ

ที่เต็มอัดกลัดมันกลั้นไม่หยุด

ก็รีบรุดเร็วรัดไปวัดเกาะ

เป็นเงินแดงแย่งยุดฉุดเอาเพลาะ

เถียงทะเลาะวุ่นวายไม่อายกัน

เพราะโลกีย์เจ้ากรรมแกทำเข็ญ

เผอิญเป็นทั่วโลกให้โศกศัลย์

ถึงเทวบุตรภุชงค์พงศ์สุบรรณ

ก็เหมือนกันกับเราที่เศร้าใจ

ถ้ารักกันลั่นเปรี้ยงดังเสียงฟ้า

หูจะชาเสียด้วยดังฟังไม่ไหว

แต่เงียบเงียบสิยังอึงคะนึงไป

ราวกับไฟไหม้ฟางสว่างโพลง

ถ้าคนอื่นตรึกตรองก็ต้องที่

แต่เรานี้วุ่นวายแทบตายโหง

ก็มิได้สายสมรนอนคลุมโปง

ยังดังโด่งพลอยเขาน่าเศร้าใจ

แต่นั่งตรึกนอนตรึกนึกถึงน้อง

แม้นจะรองชลนาสักห้าไห

ถ้าใครแย่งแกล้งพาขวัญตาไป

คงจะใส่เสียให้ยับไม่นับชิ้น

จะถากเชือดเลือดเนื้อเอาเกลือประ

สับศรีษะเสียให้สมอารมณ์ถวิล

จะทิ้งให้กาแร้งมันแย่งกิน

จึงจะสิ้นความแค้นแน่นอุรา

เอ๊ะอะไรใจจิตคิดฉะนี้

ไม่ควรที่โกรธขึ้งด้วยหึงสา

จะเป็นเวรเปล่าเปล่าไม่เข้ายา

จิตหนาอย่าอำมะหิตให้ผิดคน

เมื่อรักเขาเล่าก็รักอยู่นิ่งนิ่ง

ถึงใครชิงนางงามตามกุศล

ถ้าคู่แท้แลจะไปข้างไหนพ้น

อย่าร้อนรนไปนักจงหักใจ

ครั้นคิดให้หายหึงไม่ขึ้งโกรธ

ค่อยปราโมทย์ยิ้มย่องสนองไข

ที่จริงจิตฉันไม่กล้าจะฆ่าใคร

ตั้งหม้อใหญ่ไว้กระนั้นดีฉันเอง

แต่ความรักรักจริงไม่ทิ้งรัก

ยังไม่หักได้ก่อนลงนอนเขลง

น่าหัวร่อหนอเราไม่เข้าเพลง

พูดเอาเองเออเองออกวุ่นวาย

ด้วยความรักหนักแน่นแสนจะคลั่ง

เหลือกำลังที่จะหักให้รักหาย

ถ้าสมรักนั่นแลฉันพลันสบาย

ไม่เหมือนหมายแล้วเห็นไม่เป็นคน

ทำกระไรโฉมเฉลาจะเข้าใกล้

ฉันจะได้ฝากรักเสียสักหน

ขอเป็นข้านางงามไปตามจน

จะสู้ทนทุบถองให้น้องใช้

ยิ่งรำพันปั่นป่วนรัญจวนจิต

ถ้าแม้นผิดที่นี้แล้วที่ไหน

เหมือนหมายไม้กลางป่าพนาลัย

สุดจะหมายที่จะมุ่งผดุงปอง

จะเอาจริงอย่างไรไม่ได้แน่

ให้มีแต่ทรัพย์นึกไม่ตรึกถอง

ถ้านึกได้เหมือนนึกที่ตรึกตรอง

จะนอนร้องละครเล่นให้เย็นใจ

นึกนึกแล้วก็เปล่าเรายิ่งวุ่น

เจ้าประคุณน้ำตาพากันไหล

ท่านเจ้าจอมหม่อมจิตนี้คิดไป

แสนอาลัยเพียงกายจะวายชนม์

เต็มกระเดือกเสือกกระแด่วอยู่แล้วหนอ

จะสู่ขอสารพัดจะขัดสน

จะกระโจมโถมเอาเราก็จน

ครั้นจะทนอยู่เล่าเราก็ทุกข์

ไม่ได้ตามความรักเลยสักท่า

ทุกทิวาราตรีไม่มีสุข

เฝ้ารบรบเร้าเร้าจนเขาลุก

โอ้แม่ตุ๊กตางาไม่ปรานี

จำจะแต่งเพลงยาวไปน้าวโน้ม

ว่ารักโฉมนพคุณจำรูญศรี

งามละม่อมพร้อมสิ้นทั้งอินทรีย์

ตั้งแต่พี่ได้เห็นไม่เว้นคะนึงฯ

     จึงสอดส่งศุภอธรรถมาบัดนี้

ว่าสุดที่เจรจามาไม่ถึง

แสนอาวรณ์ร้อนจิตดังกฤชตรึง

ประดุจหนึ่งชีวันจะบรรลัย

ไม่มีสุขทุกข์เท่าคีรีศรี

เพราะไม่มีฝั่งฝาที่อาศัย

ให้เปลี่ยวเปล่าเช้าเย็นไม่เห็นใคร

ที่จะได้ชมชื่นทุกคืนวัน

เห็นแต่น้องต้องใจพี่หมายพึ่ง

อย่าสูญซึ่งไมตรีของดีฉัน

อันตัวเรียมเหมือนกระต่ายที่หมายจันทร์

ถึงกระนั้นสุดแท้แต่ปรานี

เอ็นดูด้วยช่วยดับระงับทุกข์

ให้เป็นสุขปรีดิ์เปรมเกษมศรี

อันความรักหนักแน่นแสนทวี

ไม่รู้ที่เปรียบปานสถานใด

ทรามประโลมโฉมงามอย่าคร้ามจิต

จงร่วมคิดร่วมรักอย่าผลักไส

ถึงสุดสิ้นดินฟ้าอย่าสูญใจ

อย่าตัดไมตรีเรียมให้เตรียมตรอม

ถ้าได้ชมนิ่มน้องประคองขวัญ

เหมือนได้นางในสวรรค์มาแนบถนอม

มิให้ริ้นเลือดไรมาไต่ตอม

พี่จะกล่อมให้นอนกับหมอนอิง

ทุกวันคืนตื่นหลับจะรับขวัญ

ไม่ผายผันห่างห้องแม่น้องหญิง

จะม้วยด้วยเยาวยอดไม่ทอดทิ้ง

เป็นความจริงแก้วตาอย่าตัดรอน

ขอให้พี่ได้สมอารมณ์รัก

พิศพักตร์ภิญโญสโมสร

จงเล็งเห็นพี่ยาที่อาวรณ์

อย่าควรข้อนคิดแหนงแคลงอารมณ์

เป็นบุญนำจำเพาะเสาะมาพบ

ก็ควรคบเคียงชิดสนิทสนม

อย่าเบือนบิดคิดหนีให้พี่ตรม

แม่ทรามชมจงมาเมตตาเอยฯ

     ครั้นแต่งสารเสร็จส่งถึงนงสักษณ์

แม่ยอดรักรู้แจ้งก็แกล้งเฉย

ยิ่งเศร้าสร้อยน้อยใจกระไรเลย

ไม่ได้เชยน้องแก้วแล้วกระมัง

ยิ่งคิดไปใจหายไม่วายรัก

รำพันนักก็จะว่าเป็นบ้าหลัง

ที่ท่านชอบน้ำใจจะใคร่ฟัง

ที่ท่านชังท่าจะด่าเป็นบ้ากาม

ใครอย่าดูเยี่ยงข้าหนาพ่อแม่

ลำบากแท้ยิ่งกว่าหลงเข้าดงหนาม

ถ้าใครรักประโลมลูบแต่รูปงาม

บังเกิดความทุกข์นานรำคาญใจ

ถ้ารักเขาเขาชังไม่หวังรัก

ก็ทุกข์นักทุกหนาเลือดตาไหล

ถ้าถ้อยทีถ้อยรักขี้มักไว

คงจะได้เชยชิดสนิทกัน

งามมิงามฉันไม่ว่าถ้าควรคู่

อุตส่าห์สู้โอบอ้อมถนอมขวัญ

เขมรลาวชาวพม่าแลรามัญ

ถ้ารักฉันฉันก็รักไม่พักวอน

ที่กลางแห่งท่านก็ถือทำหือหา

ต่างภาษาแล้วไม่ขอสโมสร

บ้าเลือกไปเลือกมาปาเอามอญ

ต้องง้องอนอิงแอบเขาแทบตาย

ที่ไม่เลือกได้ดีก็มีถม

ภิรมย์สมนุชนาฏไม่ขาดสาย

ไม่ขัดสนพ้นที่จะอภิปราย

ท่านทั้งหลายฟังรู้อยู่แก่ใจ

ว่าด้วยเรื่องตัณหาแล้วน่าเกลียด

ฉันขี้เกียจอธิบายน้ำลายไหล

สำหรับโลกโศกศัลย์ทุกวันไป

กว่าจะได้พระนิพพานสำราญครัน

จะเวียนว่ายตายเกิดกำเนิดนับ สักกี่กัปป์จึงจะสิ้นที่โศกศัลย์
กิเลศเก่าเมามัวเข้าพัวพัน รัดกระสันฝูงสัตว์อยู่รัดรึง

ทำกระไรจะได้รอดตลอดล่วง

ให้พ้นห่วงตัณหาราคาขึง

ฉันก็นึกเหนื่อยหน่ายหายคะนึง

ให้คิดถึงชีวิตอนิจจัง

เรื่องก็จบครบปีเดือนสี่สิ้น

ใครอย่าได้นินทาว่าลับหลัง

เอาเรื่องรักชักเหตุเทศน์ให้ฟัง

ก็เอวังหมดทีเท่านี้เอยฯ

1