เดือนห้า ] เดือนหก ] เดือนเจ็ด ] เดือนแปด ] เดือนเก้า ] เดือนสิบ ] เดือนสิบเอ็ด ] เดือนสิบสอง ] เดือนอ้าย ] เดือนยี่ ] [ เดือนสาม ] เดือนสี่และบทส่งท้าย ]

     ถึงเดือนสามความโศกไม่เลื่อมสูญ

จันทร์จำรูญแสงงามยามปฐม

ดารารายพรายพร่างน้ำค้างพรม

พี่นั่งชมจันทร์เพ็งเปล่งโพยม

ดูแวววับเวหาล้วนดาเรศ

เหมือนดวงเนตรนุชนางสำอางโฉม

ดูกระพริบริบแดงดังแสงโคม

ลอยโพยมล้อมจันทร์พรรณราย

พี่นั่งชมตรมตรึกดึกสงัด

น้ำค้างหยัดเยือกเย็นกระเซ็นสาย

บุปผาเผยกลีบก้านบานกระจาย

ต้องพระพายหอมกระถินดังกลิ่นนาง

พี่เคลิ้มคลั่งนั่งอยู่ดูมะลิ

ลืมสติหลงพลอดกอดกระถาง

ฟังเป็นเสียงสายสมรวอนให้วาง

จึงปลอบนางทางว่าด้วยอาลัย

พี่นั่งคอยนอนคอยน้อยไปหรือ

ขอถูกมือยอดรักอย่าผลักไส

พอรู้สึกนึกเขินเดินออกไป

ถ้าแม้นใครเห็นฉันแล้วขันจริง

ราวกับถูกยาแฝดสักแปดโถ

จะซูบโซเสียศรีดังผีสิง

พระอภัยหลงรูปวาดหวาดประวิง

เรากลับยิ่งกว่าพระอภัยไป

ถ้ามิได้นวลหงส์ฉันคงม้วย

ใครจะช่วยดับเข็ญเห็นไม่ไหว

หรือจะเหมือนมดแดงน่าแคลงใจ

ให้สงสัยวิญญาณ์เป็นอาจิณ

ดูตำราว่าพฤหัสเป็นปัตนิ

ตามลัทธิว่าคู่อยู่ทักษิณ

ช่างพูดจาตาดำดังน้ำนิล

ก็สมสิ้นเหมือนตำราสารพัน

เออก็ขัดด้วยอะไรไฉนหนอ

แต่รีรอรักนุชสุดกระสัน

เห็นที่อื่นดื่นดาดไม่ขาดวัน

จะรักกันก็ประเดี๋ยวเมื่อเกี้ยวพาน

เหมือนแสบท้องต้องขืนกลืนข้าวตาก

ระคายปากไม่ละมุนเหมือนวุ้นหวาน

เหมือนอดข้าวกินมันยากกันดาร

กว่าจะพานพบของที่ต้องใจ

กระแจะจันทน์คันธาบุปผาสด

ไม่เหมือนรสมิ่งมิตรพิสมัย

ประเวณีมีจบภพไตร

ไม่ว่าใครทุกตัวทั่วโลกา ฯ

1