บทนำและชมโฉม ] [ ครวญตามเวลา ] ครวญตามวัน เดือน ฤดู ปี ] ชมไม้ ชมอาภรณ์ ] ชมสัตว์ บทส่งท้าย ]

๒๒ ย่ำฆ้องเจ้าพี่เอ๋ย     พี่ย่อมเคยเชยพักตรา 
จุดไฟให้บูชา     พระพุทธเจ้าเจ้าเคยเตือน ฯ 
      จตุรารุณเรื่องเรื้อง     เพลา 
เรียมย่อมชมพัตรา     นั่งน้อม 
จุดไฟให้บูชา     นบนอบ 
พระพุทธเจ้าเจ้าหย้อม     นั่งเฝ้าคอยเตือน ฯ
 

 

๒๓ โมงเช้าแล้วเจ้าพี่     เจ้าถ้วนถี่ดีการเรือน
หญิงใดไม่มีเหมือน     ใช้สอยดีพี่เคยชม ฯ 
      โมงหนึ่งคนึงเจ้าเร่ง     สติเฟือน 
เจ้าถ้วนถี่การเรือน     สั่งชี้ 
หญิงใดไม่มีเหมือน     นางเนตร 
รู้นพครบการผี้     ช่วยต้องใจชม ฯ
  

 

๒๔ สองโมงเช้าหึ่งหึ่ง     พี่ตลึงกอดเข่าเหงา 
เวลามาทันเรา     พี่กับเจ้าไม่เห็นเลย ฯ 
      สองโมงหุ่ยหุ่ยเข้า     เรียมคนึง 
พี่กอดเข่าเหงาตลึง     โศกเศร้า
เวลาเท่าทันถึง     จำพราก
กรรมพี่กับกรรมเจ้า     หากให้เห็นกัน ฯ

   

 

๒๕ เพลาสามโมงเช้า     เจ้าแต่งองค์ทรงน้อยงาม
พูดจาว่าถ้อยความ     ตามมีกิจนิตย์เนืองมา ฯ
      ไตรยานาฬิกาเช้า     โฉมยง
ตกแต่งอรองค์ทรง     แน่งน้อย
พูดจาว่าความจง     ภักดิ์เลิศ
มีกิจพิดทูลถ้อย     แก่เรื้ยมเสมอมา ฯ

   

 

๒๖ เจ้าพี่สี่โมงเช้า     ดูกับเข้าแลของหวาน
เสร็จเจ้าเอามากราน     หมอบพัดวีพี่เกษมสันต์ ฯ
      สี่โมงเช้าเจ้าพี่หย้อม     ดูการ
เครื่องเข้าเล่าของหวาน     แต่งไว้
เสร็จเจ้าเข้ามากราน     กรายแซ่
โบกปัดพัดวีให้     พี่นี้สำราญ ฯ

   

๒๗ เพลาห้าโมงเช้า     เรียมกินเข้าเจ้ามาคัล
ว่องไวใช้สอยขยัน     หานางใดไม่เหมือนเลย ฯ
      ห้าโมงยามเมื่อเช้า     เชยอร
กินเข้าชมนวลสมร     หมอบเฝ้า
ว่องไวใช้สอยขยัน     นางอื่น
หาสตรีเปรียบเจ้า     ห่อนได้เหมือนเลย ฯ

   

๒๘ ย่ำเที่ยงเข้าหึ่งหึ่ง     เคยเคล้าคลึงรึงกายา
เสน่ห์สนิทนิทรามา     บัดนี้พี่เห็นเลย ฯ
      ย่ำเที่ยงหึ่งหึ่งก้อง     นาฬิกา
เคยเกลือกคลึงกายา     ไขว่ข้าง
สมสนิทนิทราสา     ทรภาพ
ไกลพี่เปลี่ยวอ้างว้าง     คลาศเคล้าฤาเห็น ฯ

   

๒๙ บ่ายโมงพี่โกรงกลุ้ม     จิตคลั่งคลุ้มสุมดวงแด
เจ้าพี่พี่จะแปร     หน้าไปต่อรอใครเลย
      บ่ายโมงทุกข์พี่กลุ้ม     คอยแล
จิตคลั่งทรวงดวงแด     สลัดหลิ้ม
แก้วพี่จะปรวนแปร     สมสู่
หญิงอื่นฤาจักยิ้ม     ต่อด้วยใครเลย ฯ

 

๓๐ ตีฆ้องสองโมงบ่าย     ทุกข์พี่ชายฟายน้ำต
ร้อนรนบ่นครวญหา     ไกลพี่แล้วแก้วกลอยใจ ฯ
      ตีสองโมงบ่ายก้อง     แครงมา
พี่ชายฟายน้ำตา     ร่ำร้อง
ร้อนรนบ่นถามหา     สายสวาท
พี่ห่างแก้วแล้วน้อง     แน่งน้อยนงคราญ ฯ

   

๓๑ เพลาสามโมงเย็น     เพื่อนเรียมเห็นเป็นทุกข์ทน
เขาถามความกังวล     จะบอกไปไป่ได้เลย ฯ
      เพลาสุริยบ่ายเบื้อง     เวหน
เพื่อนเห็นเป็นทุกข์ทน     บ่นบ้า 
ถี่ถามความกังวล     ทนเทวษ 
บอกบ่ได้เลยน่า     เฝื่อนเลี้ยวเดินหนี ฯ 
 

     

  
๓๒ เจ้าพี่สี่โมงเย็น     เร่งเป็นเข็ญเห็นสาวศรี 
อื่นมาหายินดี     มิได้เลยเคยชมนาง ฯ 
      เพลาสุริยอ่อนเรื้อย     รังสี 
พิศเพ่งเลงสาวศรี     เชื่องใช้ 
สาวอื่นพูดพาที     นบนอบ 
ไม่ชื่นจริงยิ่งได้     เดือดร้อนคลึงนาง ฯ

   

๓๓ เพลาห้าโมงเย็น     เรียมลำเค็ญด้วยโฉมตรู 
นางเดียวเที่ยวแลดู     แก้วพี่อยู่ห่างหนใด ฯ 
      บ่ายชายมาหึ่งซ้ำ     ตาฟู 
ทุกข์เพื่อเฉิดโฉมตรู     โศกสร้อย 
นางเดียวเที่ยวทางดู     แดนโลก 
แก้วพี่นางสาวน้อย     อยู่แคว้นแดนใด ฯ

   

๓๔ ย่ำฆ้องค่ำแล้วเจ้า     เพลาเล่าเข้าสนธยา 
จุดเทียนเวียนส่องหา     เจ้าแห่งใดไม่เห็นเลย ฯ 
      ราตรีรวีเลื่อนเลี้ยว     ลับตา 
มัวมืดมนสนธยา     ค่ำแล้ว 
ถือเทียนเวียนส่องหา     นางทั่ว 
อยู่แห่งใดน้องแก้ว     ห่อนได้เห็นเลย ฯ

   

๓๕ ทุ่มหนึ่งย่อมคลึงเคล้า     เนื้อพี่เจ้าเข้าแนบเนียน 
สาวลม่อมย่อมจุดเทียน     ถือเทียนไว้ให้สูบยา ฯ 
      ทุ่มหนึ่งพี่ยอมเคล้า     คลึงเศียร 
จูบกอดอรนอนเนียน     แนบไว้ 
สาวลม่อมย่อมจุดเทียน     ยาวยื่น 
เจ้าจับเทียนไว้ให้     พี่นี้สูบยา ฯ

   

๓๖ สองทุ่มรุมอกพี่     ฆ้องเขาตีพี่เจ็บตาง 
กลุ่มใดไห้ครวญคราง     โหยไห้พลางนางฤาเห็น ฯ 
      สองทุ่มค่อนอกเข้า     ผางผาง 
ฆ้องตีพี่เจ็บตาง     ปุ่มฆ้อง 
กลุ้มใจไห้ครวญคราง     หาอยู่ 
โหยไห้ช้างนางน้อง     พี่นี้ฤาเห็น ฯ

   

๓๗ ยามหนึ่งคนึงเคยเคล้า     จูบกอดเจ้าเฝ้าชมกัน 
เวรามาตามทัน     ให้ไกลข้างร้างแรมสอง ฯ 
      ยามหนึ่งคลึงสวาทหน้า     นวลจันทร์ 
จูบกอดพลอดชมกัน     เกลือกเคล้า 
เวราติดตามทัน     ทำโทษ
ไกลค่างห่างชมเจ้า     เริศร้างแรมสอง 
 

 

๓๘ ราตรีสี่ทุ่มแล้ว     โอ้นางแก้วแคล้วคลาศไป 
หมอนกอดทอดฤทัย     หายใจใหญ่ให้รำคาญ ฯ 
      ราตรีสี่ทุ่มแล้ว     ลับไกล 
น้องแก้วแคล้วเรียมไป     ขาดพร้อง 
กอดหมอนทอดฤทัย     ทบท่าว
ลมแล่นพัดขัดข้อง     สวาทได้รำคาญ ฯ

   

๓๙ เพลาห้าหึ่งทุ่ม     คือเพลิงรุมสุมกลางใจ 
ร้อนเรียมเทียมร้อนไฟ     อีกหนามรุมกลุ้มเสียบทรวง ฯ 
     เพลาห้าทุ่มพี่     คนึงใน 
เพลิงผ่าวเผาดวงใจ     คลั่งคลุ้ม 
ร้อนเรียมเทียบร้อนไฟ     ลนล่าว 
อีกหนามหนามากลุ้ม     เสียบไส้ในทรวง ฯ

   

๔๐ ย่ำฆ้องสองยามเข้า     พี่ไกลเจ้าเหงาตลึง 
นิทราผ้าคลุมขึง     หญิงใดวอนห่อนเจรจา ฯ
      สองยามย่ำฆ้องพี่     รำพึง
ไกลเจ้าเหงาเงียบตลึง     ยิ่งไข้
นิทราผ้าคลุมขึง     ไสยาศน์
หญิงอื่นวอนห่อนได้     กล่าวเกลี้ยงพาที ฯ

   

๔๑ เจ็ดทุ่มรุมความทุกข์     ไม่เป็นสุขขุกคำนึง
ว้าวุ่นครุ่นคิดถึง     แต่นวลเจ้าทุกเพรางายฯ
      เจ็ดทุ่มรุมรึงร้อน     รำพึง
สุขบมีคำนึง     ก่อนกี้
ว้าวุ่นครุ่นครวญถึง     สังวาส
คิดแค้นวรนุชนี้     ค่ำเช้าเพรางาย ฯ

   

๔๒ แปดทุ่มกลุ้มทุกข์ชาย     ลเมอลมายคล้ายเหมือนมา
เรียมตื่นฟื้นกายา     เที่ยวหาไหนไม่พบเลย ฯ
      แปดทุ่มกลุ้มเทวษสร้อย     โศกา
นอนลเมอเหมือนมา     แนบใกล้
เรียมฟื้นตื่นกายา     แลเปล่า
หาที่ไหนไป่ได้     สบน้องเรียมเลย ฯ

   

๔๓ สามยามความรักกัน     เร่งโศกศัลย์หวั่นใจถึง
ยามค่ำร่ำรำพึง     ถึงสามยามตามกรุณา
      สามยามความเสน่ห์เคล้า     เคยคลึง
โศกศัลย์หวั่นใจถึง     ทุ่มนี้
พลบค่ำร่ำรำพึง     คนึงเนื่อง
ถึงสามยามแล้วถี้     พี่เอื้อเอ็นดู ฯ

   

๔๔ สิบทุ่มเจ้าพี่เอ๋ย     เมื่อไรเลยจะพบพาน
งามนักพักตร์เบิกบาน     จะหาได้แต่ใดมา ฯ
      สิบทุ่มนางแน่งน้อย     นงคราญ 
กี่เมื่อจะพบพาน     คู่เคล้า 
งามนักพักตร์เบิกบาน     เรียมร่อ 
เรียมจักเที่ยวหาเจ้า     ห่อนได้มาเลย ฯ

     

๔๕ ตีสิบเอ็ดเสร็จครวญหา     แต่เช้ามาคุ้มราตรี 
จวบจนพระสุริย์ศรี     เสร็จรถทองส่องสกล ฯ
      สิบเอ็ดเสร็จคร่ำไห้     หาศร 
ในทิวาราตรี     แหล่งหล้า 
จวบจวนพระสุริย์ศรี     ล่าเลื่อน
เสร็จรถทองท่องฟ้า     ส่องแคว้นแดนดิน ฯ

   

๔๖ แสงทองเรืองรองราง     ขึ้นกระจ่างสว่างเวหา
รุ่งแล้วแก้วกัลยา     สุดเสน่หาไม่มาเลย 
      แสงเงินแสงนากผุ้ง     แสงทอง
แสงสว่างเรืองรังรอง     อร่ามฟ้า 
รุ่งแล้วแคล้วเคยสอง     สังวาส 
โอ้สายสุดสวาทข้า     ห่อนได้เห็นเลย ฯ 

1