ความพร้อมในการทำข่าวจะมีส่วนประกอบอยู่หลายอย่าง อย่างแรกสุดก็ต้องเตรียมประเด็นข่าวที่จะไปค้นหารายละเอียด ประเด็นข่าวได้มาจากไหน นี่ก็เป็นคำถาม ? ครับ ประเด็นข่าวอาจได้มาจากข่าวสารที่มีอยู่แล้ว ได้จากการตั้งข้อสงสัยของเราเองต่อความเคลื่อนไหวที่เราได ้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง หรือได้อ่านพบ ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ อาจไม่ได้เป็นข่าว หรือเป็นข่าวแต่ไม่ได้รับความสนใจจากสื่ออื่น นอกจากนี้แล้วประเด็นข่าวอาจได้มาจากฤดูกาลของข่าว หรือเทศกาลอะไรทำนองนั้น

เมื่อมีประเด็นที่จะให้ทำแล้ว ต้องเตรียมความพร้อมด้านความรู้เกี่ยวกับข่าวที่ทำ ความจริงแล้วการพัฒนาบุคลากรคงขึ้นอยู่กับแต่โรงพิมพ์ สำหรับที่โรงพิมพ์ที่ทำงานด้วย เราจะคัดคนเข้ามาทำข่าว และช่วงระหว่างทดลองงาน ส่วนใหญ่จะปล่อยให้จมอยู่กับข้อมูลในห้องสมุด เพราะตอนรับคนเข้าทำงาน เรารู้ว่าต้องการรับคนมาทำข่าวในหมวดหมู่ไหน ก็จะให้เขารับรู้ข้อมูลหรือข่าวเก่า เพื่อจะตามทางได้ถูกต้อง ถ้านักข่าว"ทำการบ้าน"ไม่ดีพอ ก็จะทำให้งานที่ได้มาไม่มีคุณภาพ หรือด้อยคุณภาพ และมักจะเป็นเช่นนั้นเสมอ หากหัวหน้าข่าว หรือผู้บริหารงานข่าวปล่อยปละละเลย ไม่เอาใจใส่"เด็กใหม่"ให้ดีพอ

บางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วทำไมจึงให้คนใหม่ออกไปทำข่าวด้วย? ความเรื่องนี้มีว่า ส่วนใหญ่จะให้ตามนักข่าวเก่าไปก่อน เพื่อเรียนรู้การออกสัมผัสกับชีวิตจริงของนักข่าว ออกพบปะผู้คน ออกงานสังคม หรือออกไปร่วมในกิจกรรมต่างๆ ถ้ามีเห็นว่าพอจะทำข่าวบางประเภทได้ ก็ต้องปล่ยอให้ไปทำดู

กรณีที่ว่านี้ หัวหน้าข่าว หรือผู้บริหารงานข่าว ความจริงแล้วเขารู้อยู่แล้วว่า อะไรเป็นอะไร ฉะนั้น นักข่าวใหม่มักจะถูก"ย้อนรอย"ถ้าไม่มีข้อมูลอะไรใหม่กลับมา เหตุการณ์แบบนี้มักจะเกิดขึ้นเสมอกับนักข่าวใหม่

นักข่าวเก่า หรือหัวหน้าแกล้งรึ? เปล่าเลยครับ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะนักข่าวเก่า มักจะมีข้อมูลหรือทราบเรื่องต่างๆพอสมควรอยู่แล้ว เวลาส่งเด็กให้ไปตาม อาจไม่ได้บอกทุกอย่างที่ตนรู้ไปทั้งหมด และเด็กเมื่อออกไปทำข่าว ก็นึกว่าสิ่งที่ได้มาเป็นข่าวใหม่ ความจริงแล้วอาจเป็นข้อมูลเดิมๆ ไม่มีอะไรคืบไปข้างหน้า หรืออาจจะมีความคืบหน้าอยู่บ้าง แต่มีเนื้อหาไม่หนักแน่นพอที่จะตีพิมพ์เป็นข่าวคืบหน้า

นักข่าวใหม่นั้น ก็ใข่ว่า จะจมปลักอยู่กับข้อมูลในห้องสมุดเป็นเดือนๆ หากเห็นว่า มีไหวพริบปฏิภาณดีพอใช้ อาจถูกส่งให้ไปประจำพื้นที่เลย เป็นต้นว่า อาจส่งไปฝังตัวอยู่กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมรับคำบัญชาว่า คุณต้องซื้อขายหุ้นเป็น ถ้าซื้อหุ้นขายหุ้นไม่เป็น ก็ด้อยความสามารถเกินไปที่จะทำข่าวสายนี้ เป็นต้น

นักข่าวใหม่บางคนอาจจะโชคดี ได้รับภารกิจที่ระทึกใจตั้งแต่ช่วงแรกๆที่เช้าไปทำงาน บ่อยครั้ง"โต๊ข่าว"อาจคัดเลือกนักข่าวใหม่ ปะปนเป็นเด็กสมัครเข้าทำงานในองค์กรเป้าหมาย เพื่อสืบค้นข้อมูล หรือ(แกล้ง)สมัครเพื่อทำงานในกิจการเป้าหมาย หรือสมัครเป็นสมาชิกค้าขายให้องค์กรนั้นเป็นต้น บางคนต้องเข้าอบรมจนจบหลักสูตรเขาก็มี

แต่เท่าที่ส่งไปก็ไม่มีใครไปแล้วไปเลย แต่จะกลับมาพร้อมข้อมูล ข้อเท็จจริง พร้อมหลักฐานที่เป็นเอกสารต่างๆ เพื่อนำมาเผยแพร่ตีพิมพ์ให้สาธารณะได้รับรู้ได้รับทราบ ก็นี้แบบนี้ใช้นักข่าวใหม่ก็เพราะ ไม่เป็นที่สงสัยขององค์กรเป้าหมายนั่นเอง นักข่าว(ใหม่)ก็อาจรู้สึกสนุกไปด้วย(ถ้าไม่ปอดแหกไปเสียก่อน)

เบื้องต้นบอกไปแล้ว การเตรียมความพร้อมที่ดี จะต้องเริ่มต้นที่มีประเด็นทำข่าวที่ชัดเจน รู้เรื่องราวที่ตนจะไปทำข่าวและดีพอ นอกเหนือไปจากนี้จะต้องมีการตระเตรียมคำถามที่ดีด้วย และคำถามที่ดี มักจะเป็นคำถามที่ทำให้คำตอบตรงประเด็นที่เราต้องการสืบค้น หรือหาข้อเท็จจริงนั่นเอง ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นผู้ฟังและเป็นผู้ถามที่ไม่ดี กลับมาแล้วอ่านเขียนข่าวไม่ได้เลย หรือเขียนออกมาไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน สิ่งนี้ก็ต้องระวังเอาไว้มากเสียด้วย

ความจริงแล้วการได้พูดคุยหรือสัมภาษณ์นักข่าว นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของงาน เพราะส่วนที่จะทำให้ภาระกิจเสร็จสิ้นคือ พิมพ์ข่าวส่ง และผลงานได้รับการเผยแพร่นั่นเอง

เบื้องต้นก็เตรียมตัวกันเพียงเท่านี้ก็พอ แต่ถ้าทำให้สมบูรณ์ดังชีวิตจริงของนักข่าวแล้ว การทำข่าว ไม่ได้หมายถึงถามคนเพียงคนเดียว เพราะถ้ามีความสืบเนื่องเกี่ยวพันกับบุคคลอื่น หรือองค์กรอื่น ก็ต้องตามกันมาให้ครบ รวมถึงเสาะหาข้อมูลที่เป็นเหตุเป็นผลมาประกอบกับข่าวที่จะนำเสนอด้วย เบื้องต้นคงว่ากันเท่านี้คงจะพอเพียง