เรื่องของงานข่าวหนังสือพิมพ์
เขียนข่าวอย่างไร

เรื่องเขียนข่าวคงจะไม่มีปัญหา หากฝึกฝน และเขียนหนังสืออย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าไม่ฝึกฝน เอาไว้เลย คงจะเป็นปัญหาแน่ เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นกันอย่างไร ซึ่งในเบื้องต้นนี้ ขอแนะนำว่า ถ้าเราไม่ได้เรียนมาด้านนี้โดยตรง หรือเรียนมา แต่อยากจะฝึกฝนวิธีเขียนข่าว ก็ต้องหา หนังสือพิมพ์ ที่เราเชื่อว่าได้มาตรฐาน เอามาเป็นต้นแบบ สัก 2-3 ฉบับ จากนั้นให้อ่านข่าว แล้วพิจารณาไปด้วยว่า เขาเริ่มต้น และเล่าเรื่องข่าว แล้วไปจบอย่างไร

ตรงนี้รับรองช่วยได้แน่ เพราะหนังสือพิมพ์ที่ได้มาตรฐาน เขาจะมีแบบฉบับ อย่างที่เรียกว่า สไตล์ บู๊ค เป็นต้นว่า มีหัวข่าว มีสรุปประเด็นข่าว ตามด้วยเนื้อหาข่าว และบางครั้ง อาจจะมี "โปรย"ด้วย โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยไม่ค่อยนิยม เว้นแต่ โปรยเวลามี บทสัมภาษณ์ หรือสัมภาษณ์พิเศษ

นักข่าวบางโรงพิมพ์ ไม่ต้องเขียนข่าวก็มี จะว่าไม่เขียนเลยก็ไม่เชิง เพราะอย่างน้อยๆ ก็จะจดข่าวคร่าว ๆ เพื่ออ่านส่งทางโทรศัพท์ บางโรงพิมพ์นักข่าวก็ต้องกลับไปเขียนข่าวเอง ซึ่งในการเขียนข่าวนั้น มักจะไม่ต้องพาดหัว ส่งเฉพาะในส่วนของประเด็นหรือไต้เติ้ลข่าวสัก 2-3 บรรทัด ตามด้วยเนื้อหาของข่าว จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของโต๊ะข่าว หัวหน้าข่าว หรือ ผู้บริหารงานข่าว จะไปดำเนินการต่อ

เราจะเขียนข่าวอย่างไร ? ตรงนี้บอกได้ว่า ปกติเวลาเราออกไปหาข่าว เราย่อมทราบอยู่แล้วว่า ประเด็นข่าวมีอย่างไร เราต้องการคำตอบเกี่ยวกับเรื่องอะไร จะไปถามใคร องค์ประกอบ ข่าว เป็นอย่างไร เวลาจะเขียนเราก็เขียนไปตามนั้น ปกติแล้วในภาคปฏิบัติ นักข่าวมักจะปรึกษา หัวหน้า หรือผู้บริหารงานข่าวก่อน อาจจะเล่าเรื่องข่าวที่ได้มา หัวหน้า หรือ ผู้บริหารงานข่าว เขามักจะตัดสินใจให้ว่า ข่าวนั้นจะให้ส่งเพื่อตีพิมพ์ในลำดับต่อไปหรือไม่ ถ้าตกลง เขาก็อาจให้ คำปรึกษาแล้วว่า ควรจะเขียนประเด็นใดนำ ประเด็นใดรอง หากข่าวที่ได้มามีประเด็นซ้อน หรือ มีประเด็นปลีกย่อย แต่ถ้าไม่บอกอะไรเลย เราก็ต้องยึดเอาตามประเด็นเดิม ที่ตั้งเอาไว้ ตั้งแต่ต้น ก่อนออกไปทำข่าว

หลักในการรายงานข่าวหรือเขียนข่าวนั้น ก็เหมือนหลักในการสร้างประโยคในภาษานั่นละครับ คือ ต้องมีประธานของประโยค ตรงนี้ก็คือใครเป็นคนให้ข่าว ถ้ามีตัวบุคคล ก็ต้องลงชื่อตัวบุคคล ลงไปด้วย เพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับข่าวชิ้นนี้ ถ้ามีความจำเป็นอย่างที่สุด หรือ เพื่อรักษาจริยธรรมข่าว ก็อาจจะปกปิดผู้ให้ข่าว แล้วเขียนว่า"แหล่งข่าว"แทน ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ถ้าเป็นไปได้ ไม่ควรเขียนว่า องค์กรเป็นผู้เปิดเผยข่าว อาทิ กระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า เป็นต้น ถ้าจำเป็น ก็เขียนว่า แหล่งข่าวจาก กระทรวงการต่างประเทศ ยังจะดูดีกว่า และน่าจะเป็นจริงมากกว่า

สมัยนี้เป็นที่นิยมที่จะเขียนข่าว โดยให้ข้อมูลประกอบ และตำราทางด้านนี้ก็ควรจะปรับปรุง ให้ทันสมัยด้วย ไม่ควรดูครอบคลุมเฉพาะ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร เท่านั้น โลกสมัยนี้ เป็นโลกยุคข้อมูลข่าวสาร ถ้าไม่เติมข้อมูลเดิมเข้าไปด้วย ก็ดูเหมือนจะขาดอะไร ไปอย่าง และสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลยก็คือ เนื้อหาที่สำคัญต้องอยู่ช่วงต้นๆ ท้ายข่าว ต้องพร้อม ที่จะถูกหั่นทิ้งเวลาจัดหน้า สูตรนี้ยังใช้ได้ดีในปัจจุบัน เพราะถึงแม้จะวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าจะให้พิมพ์ข่าวกี่หน้า กี่บรรทัด สุดท้ายก็มักจะไม่ค่อยพอดีต้องตัดข่าวทิ้ง แล้วนิยม พิมพ ์ ข่าวเกินทิ้งไว้ด้วย

เท่าที่มีประสบการณ์มา และอ่านข่าวนักข่าวมาหลายสิบปี นักข่าวมักจะเผลอเลอเรื่อง ชื่อ นามสกุลบุคคล ตำแหน่งที่ถูกต้อง จำนวนตัวเลขรวมไม่ตรงกับผลรวม ตรงนี้หมายถึง บอกจำนวนตัวเลขรวมเอาไว้ แล้วในข่าวจะแบ่งซอยตัวเลข เมื่อเอามารวมแล้วไม่ตรงกัน และส่วนใหญ่ไม่ตรงกันเนื่องจาก ขาดองค์ประกอบไป หนึ่ง หรือ สอง ข้อ หรือในข่าวบอกว่ามี 7 ประการ แต่เวลาเขียนตกไป หนึ่งประการ เป็นต้น

เวลาส่งข่าว หรือ ส่งงาน ถ้าชื่อบุคคล หรือสถานที่ เขียนผิดไปจากปกติทั่วไป ก็ควรมีกระดาษบันทึกแนบไปให้ฝ่ายพิสูจย์อักษรด้วย ไม่เช่นนั้นแล้ว ชื่อที่ตีพิมพ์ออกไป อาจไม่ตรงกับคนให้ข่าว หรือคนที่ตกเป็นข่าวก็ได้ ปัญหาเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ ถ้าวางระบบ ไม่ดีจะเป็นปัญหาให้แก้ไขกันทุกวัน

ในการฝึกฝนนั้น ควรจะฝึกฝนอย่างจริงๆ จังๆ ติดตามข่าวจากทุกสื่อ เท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นก็ลองเขียนดู แล้ววันรุ่งขึ้น คอยตรวจสอบดูว่า เราเขียนเหมือนกับที่คนอื่น หรือมืออาชีพเขียนกันหรือไม่ ถ้าตรงกัน หรือผิดไปจากกันไม่มาก ก็ถือว่าใช้ได้ ทั้งนี้ เอางานที่เราฝึกเขียนกับของจริงมาเปรียบเทียบกันดู ก็จะบอกอนาคตของเราได้แล้ว

(HOME) (จริยธรรม) (พุทธศาสนาเชิงประวัติศาสตร์) (บ.ก.ธรรมดา) (NEXT)

 

1