วิจารณ์บ้านเมืองออนไลน์

ทำไมไม่ลดทุนแบงก์กรุงไทย

ช่วงนี้มีคำถามกันอยู่มากว่า รัฐบาลแก้ไขปัญหาแบงก์กรุงไทยอย่างไร ทำไมถึงไม่ลดทุน เพราะเท่าที่ผ่านมาในการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินที่มีปัญหา ก่อนจะเพิ่มทุนจะมีการสั่งลดทุนผู้ถือหุ้นก่อน

ประเด็นนี้คงจะเป็นดังว่า หากแบงก์กรุงไทยเป็นแบงก์พาณิชย์เอกชน แต่นี้ไม่ใช่ แบงก์กรุงไทยเป็นแบงก์พาณิชย์ของรัฐ และข้อเท็จจริงแล้ว ปัจจุบันแบงก์กรุงไทยมีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ)ถือหุ้นมากถึง 95 % แล้วจะเป็นประโยชน์กับประชาชนจริงๆหรือ หากจะทำแบงก์นี้ต่อไปด้วยการลดทุนเสียก่อน ? ก็แน่นอนละครับ จะไปลดทุนให้เสียเวลาทำไมในเมื่อเป็นแบงก์ของรัฐ ลดแล้ว เพิ่มเข้าไปใหม่ ไม่ใช่จะมีความต่างแค่แก้ตัวเลขออกแล้วเอาตัวเลขเข้าใหม่ แต่ถ้าทำอย่างนั้นรัฐก็จะเสียหายจริงๆ และถ้าประชาชนเข้าใจว่าแบงก์กรุงไทยเป็นของรัฐ ก็ต้องเข้าใจว่าแบงก์กรุงไทยเป็นของประชาชนเช่นกัน

ข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งในการลดทุนแล้วเพิ่มทุน ที่ผ่านมาเขาทำอย่างนั้นก็มีวัตถุประสงค์เพื่อ ให้ผู้ถือหุ้นร่วมรับผิดชอบในการขาดทุนของกิจการ เมื่อลดทุนไปแล้ว ผู้ถือหุ้นเดิมย่อมเสียการบริหารในสถาบันการเงินไปด้วย หากไม่มีเงินก้อนใหม่และใหญ่พอจะรักษาสัดส่วนเดิม ประเด็นนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องลดทุนของแบงก์กรุงไทย เพราะผู้ถือหุ้นเดิมก็คือรัฐอยู่แล้ว จะลดทุนเพื่อขับไล่แล้วกลับเข้ามาใหม่ทำไม และในเมื่อมีทางเลือกที่ดีกว่า

แบงก์กรุงไทยปัจจุบันมีทุนอยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท ถามว่า แล้วทำไมถึงต้องมีทุนมหาศาลขนาดนี คำตอบก็คือว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้แบงก์กรุงไทย เป็นหัวเรือในการรับมือแก้ไขปัญหาระบบสถาบันการเงินนั่นละครับ ถึงต้องมีทุนมีภาระมากมายมหาศาลอย่างที่ทราบกัน

ประเทศไทยยังบริหารระบบสถาบันการเงินแบบไทยๆ คือ รัฐบาลออกหน้ารับประกันว่า ไม่ว่าคุณจะฝากเงินสถาบันการเงินไหน ต่อให้สถาบันการเงินนั้นจะเป็นรัฐหรือของเอกชนล้มลงไป คุณไม่ต้องห่วง รัฐบาลรับประกันจ่ายเงินคืนทุกบาททุกสตางค์

พูดมาแค่นี้ก็จะเห็นความอยุติธรรมกับประชาชนส่วนมากของประเทศแล้ว คนมีสตางค์มีเงินฝากในธนาคาร พอธนาคารล้ม(และเป็นของเอกชนด้วย) แล้วทำไม่รัฐบาลต้องไปออกหน้า รับหน้าเสื่อจ่ายเงินคืนทุกบาททุกสตางค์ด้วย เวลาฝากเงิน ก็ไม่เห็นรัฐจะได้ประโยชน์โดยตรงจากเงินตรงนั้นที่ไหน ก็เพราะอย่างนี้คนไทยทั้งประเทศถึงได้โชคร้ายกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะคนจนต้องรับผิดชอบไปกับเขาด้วย ทั้งๆที่เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รอง แต่เอากระดูกมาแขวนคอ

ในต่างประเทศที่เขาเจริญแล้ว ประชาชนไม่ได้โง่เขลาเสียส่วนใหญ่ และนักการเมืองที่มีหัวคิด รักบ้านรักเมือง ไม่มีประเทศไหนที่จะรับประกันเงินฝากโดยไม่จำกัดจำนวน ความจริงรับประกันเพียงแค่เสี้ยวเดียวของเงินฝากเท่านั้น แทบจะนับเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เข้าใจว่า เขาชดเชยให้คงจะพอเพียงกับค่าจัดการพิธีศพเท่านั้น??

เอาละ ในเมื่อคนไทยยังโง่กันอยู่ ปล่อยให้นักการเมือง ทำอะไรก็ได้เท่าที่ จะทำให้พวกเขารวย เราก็ต้องก้มหน้าตามบรรทัดฐานเดิมไป

เมื่อรัฐรับประกันว่าเงินประชาชนไม่สูญหายไปไหน ขณะเดียวกันมีคนแห่งไปถอนเงิน ก็ย่อมหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องให้กองทุนฯเข้าไปพยุงฐานะเอาไว้ กองทุนฯไม่มีเงิน ก็ให้รัฐบาลออกกฎหมายระดมเงินมาให้ และก็เพราะทำอย่างนี้ เลยทำให้ข่าวแบงก์ล้ม ข่าวทรัสต์ล้มจึงหายไป ไม่เหมือนสมัยรัฐบาลที่แล้วที่สั่งปิดสถาบันการเงินไปถึง 50 กว่าแห่ง โดยไม่ได้เตรียมการเอาไว้ดีพอ คนจึงทะลักแห่งถอนเงินจนไม่เป็นอันทำมาหากิน

เมื่อระดมเงินมา ก็จำเป็นต้องหาเครื่องมือหลายๆเครื่องมือแก้ไขปัญหา และก็แบงก์กรุงไทยนี่ละครับเป็นหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยเหลือ แบงก์กรุงไทยต้องเข้าไปรวบเอาแบงก์เอกชนเข้ามาเป็นหนึ่งเดียว ถ้าไม่ทำ แบงก์นั้นก็ล้ม คนก็หวั่นไหวจะไม่ได้เงินฝากคืน พอประกาศรวมแบงก์เข้ามา คนก็เลิกถอนเงิน แล้วก็กลับไปทำมาหากินปกติ เขียนอย่างนี้คิดว่า คนที่อ่านหนังสือออกคงจะเข้าใจ แต่นักการเมืองบางคน ไม่มีวันจะเข้าใจได้ (เพราะแกล้งโง่)

มาวันนี้แบงก์กรุงไทยกำลังก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว โดยการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ขึ้นมา บริษัทที่ว่านี้จะรับซื้อหนี้มีปัญหาจากแบงก์กรุงไทยในราคาถูก อาจจะ 50-60 % (ราคานี้ดีกว่าประมูลขายให้ฝรั่ง เพราะขายได้เฉลี่ย 15 % เท่านั้น )ซึ่งหากทำได้ตามแผนตามเป้าหมาย แบงก์กรุงไทยจะกลายเป็นแบงก์ไร้ปัญหา และล้ำหน้าแบงก์พาณิชย์อื่นทุกแบงก์ในไทยทันที ที่ผ่านมาต้องสำรองเงินตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย เมื่อผ่องถ่ายหนี้มีปัญหาออกไป เงินสำรองหนี้มีปัญหาก็ลดน้อยลงไป โอกาสจะขยายสินเชื่อก็เป็นไปได้สะดวกขึ้น

ตามแผนนั้น เมื่อตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ออกมาเป็นตัวเป็นต้น และรับหนี้มีปัญหามาแก้ไขต่อ แบงก์กรุงไทยก็จะมีเงินคืนให้กับกองทุนฯทันที เป็นวงเงินประมาณ 108,000 ล้านบาท ครับ เป็นเงินมากโขเลยทีเดียว(ตอนนี้คลังกำลังหิวเงินอยู่พอดี) แต่ถ้าหากบ้าจี้ลดทุนตามที่มีคนร้องขอ กองทุนฯก็เสียเงินเปล่า ซึ่งนั่นก็หมายถึงเอาเงินของประชาชนไปทิ้งหรือไปเผาทิ้งดื้อๆ

เมื่อแบงก์กรุงไทยเหลือลูกหนี้มีปัญหาน้อย แบงก์กรุงไทยก็สามารถเพิ่มทุนใหม่ได้อย่างสง่างาม ยิ่งสมัยนี้ดอกเบี้ยเงินฝากถูก การระดมทุนคงมีความเป็นไปได้สูง เพราะแบงก์ไม่มีภาระแล้ว โอกาสทำกำไรย่อมมีมากเป็นของธรรมดา และด้วยเหตุนี้ละครับ ที่ทำให้ราคาหุ้นแบงก์กรุงไทยขยับตัวบ้างในช่วงที่ผ่านมา

ก็แหงละครับ เมื่อพอจะเห็นอนาคต คู่แข่งขันใครเล่าจะปล่อยให้เดินไปข้างหน้าได้สะดวก เลยต้องขัดแข้งขัดขากันหน่อย โลกของธุรกิจก็มักจะเป็นเช่นนี้ ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจไปเลย หากจะมีคนมาปลุกกระแสต่อต้านก้าวใหม่ของแบงก์กรุงไทย แบงก์ที่เป็นของรัฐและประชาชนอย่างแท้จริง

อนึ่ง ความจริงน่าจะออกกฎหมายมาใหม่สักฉบับ โดยรัฐค้ำประกันเงินฝาก เฉพาะบัญชีที่ฝากกับแบงก์ของรัฐเท่านั้น ทำอย่างนี้น่าจะเข้าท่ากว่า เพราะรัฐไม่ได้มีส่วนได้เสียกับแบงก์เอกชนเลย แล้วทำไมรัฐต้องไปค้ำประกันเงินฝากประชาชนในแบงก์เหล่านั้นด้วย สำหรับแบงก์กรุงไทยมีเหตุผล เต็มประตูเพราะเป็นแบงก์รัฐนั่นเอง

(บันทึก 27 เม.ย 2543)

(HOME) (บ.ก.ธรรมดา) (พุทธศาสนาเชิงประวัติศาสตร์) (จรรรยาบรรณ) (เล่าเรื่องคอมฯ)

 

34 1