เรื่องของงานข่าวหนังสือพิมพ์

นักข่าวเขาทำอะไรกัน

บางอาชีพเราก็เข้าใจง่ายว่า วันๆเขาทำอะไร เพราะแลเห็นอยู่ชัดเจน แต่หลายต่อหลายอาชีพดูจะลึกลับ ผมเองเมื่อสมัยเรียนหนังสืออยู่ ก็เคยเอ่ยปากถามว่า ไอ้ที่เรียกว่าทำงานนั้น วันๆพีทำอะไรครับ เรื่องนี้จะว่าไปแล้วอาจจะแลดูพื้นๆ แต่ก็เป็นปัญหาเหมือนกันเวลาจะตอบ เพราะดูจะไรสาระกันเกินไป

ผมเองก็พกความสงสัยในรายละเอียดของอาชีพมาจนถึงสมัยเป็นหัวหน้าข่าว เคยขอให้ทีมงานไปหาคำตอบมาว่า นักธุรกิจหญิงที่มีชื่อเสียง วันๆเขาทำอะไร แม้จะไม่รู้ทั้งหมดขอให้รู้ภารกิจสักวันก็พอ แล้วเอามาเขียนเล่าให้คนอ่านฟัง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงและนักข่าวก็บ้าจี้ตามผมไปด้วย นักธุรกิจสาวพันล้านยอมให้นักข่าวไปสังเกตการณ์ตั้งแต่เริ่มออกจากบ้าน ไปที่ทำงาน ตามไปดูเขารับคุยธุรกิจนอกสถานที่ รับประทานอาหารกับนักธุรกิจด้วยกัน ตามจนกระทั่งกลับถึงบ้านนั่นละครับถึงสิ้นสุดภารกิจติดตาม ที่เหลือก็เป็นภารกิจรายงานให้ท่านผู้อ่านที่สนใจได้ทราบ

นักข่าวนั้นถ้าจะเริ่มต้นนับเวลาทำงานก็เห็นจะลำบาก เพราะถ้าไม่หลับไปเสียก่อน ก็รับข้อมูลข่าวสารไปโดยปริยาย เพราะข่าวเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าข่าวในประเทศหรือข่าวต่างประเทศ แถมดีไม่ดีเข้านอนไปแล้วยังถูกปลุกออกมาตัดสินใจเรื่องข่าว ติดตามข่าวอีกต่างหาก แต่ถ้าไม่มีเรื่องอะไรร้อนๆระดับฉุกเฉิน ก็เข้างานตามวาระที่ได้รับมอบหมายมา เช้าบางคนอาจจะอ่านหนังสือพิมพ์ที่บ้าน ฟังวิทยุ หรือเปิดทีวีดู แต่สำหรับผมไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ที่บ้าน จะอ่านที่สำนักงาน เช้าขับรถไปทำงานก็เปิดวิทยุฟังข่าวสารไปเรื่อย การรับฟังข่าวไม่เพียงแต่ช่วยตรวจเช็คคุณภาพข่าวของเราเท่านั้น ยังอาจได้แง่มุมที่จะติดตามข่าวได้อีกด้วย

เมื่อถึงที่ทำงานก่อนอื่นก็ต้องตรวจดูนัดหมายเสียก่อนเป็นอันดับต้นๆ หลังจากนั้นจะไปรับอาหารเช้าหรือทำอะไรก็ทำ ผมเองปกติแล้วออกจากบ้านก่อน 6 โมงเช้าเล็กน้อย ถ้าพอมีสตางค์ติดกระเป๋าบ้างก็อาจไปแวะไดร์ฟกอล์ฟออกกำลัง และฝึกซ้อมฝีมือ แต่พักหลังต้องห่างกีฬานี้ไป(จนเกือบจะเลิกเล่นแล้ว จะเลิกจริงๆก็เสียดาย เพราะพัฒนาฝีมือมาถึงแฮนดิแคป 12 มาตรฐานไฟล์ A นักกอล์ฟสมัครเล่นแล้ว) และที่สนามไดร์ฟกอล์ฟ ก็เป็นแหล่งหนึ่งที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และเปลี่ยนความเห็นได้บ้าง เพราะมีนักธุรกิจหลายคน ซ้อมกอล์ฟเช้าๆเหมือนกัน

เรื่องนัดหมายนี่สำคัญและพลอยจะหลงๆลืมๆอยู่เรื่อย ต้องตรวจตราดูให้ดี โดยเฉพาะนัดหมายกับผู้ใหญ่ นิยมนัดตั้งแต่เช้าตรู่ ดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียนของผู้บริหารคนไทยละกระมัง จะต้องถึงที่ทำงานตั้งแต่เช้าก่อนผู้คนส่วนใหญ่ ถ้ามีคอมพิวเตอร์ ก็ต้องตรวจเช็คอินบอกซ์ว่ามีอีเมลเข้ามาหรือไม่ ตรวจดูข่าวสารออนไลน์ ดูข่าวหนังสือพิมพ์ทั้งของเขาและของเรา ต่อไปจากนี้ถ้ามีภารกิจข่าวก็ต้องไปทำ ถ้ามีภารกิจงานบริหารก็ต้องไปจัดการให้เรียบร้อย

นักข่าวที่มีภารกิจติดตามนักการเมือง รัฐมนตรี หรือสายการเงินการธนาคาร ที่ต้องเฝ้าตามแบงก์ชาติ เฝ้าตามกระทรวง หรือตลาดหลักทรัพย์ฯก็ต้องไปตามนั้น บางสำนักพิมพ์ก็ไม่บังคับให้เข้าโรงพิมพ์(นิยมเรียนคำนี้มากกว่า) แล้วแต่นโยบายของแต่ละแห่ง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องเข้ากันละครับ ไปอยู่ในพื้นที่ข่าวเลย มีอะไรก็รายงานข่าวเข้าโต๊ะข่าว ที่โต๊ะข่าวก็จะจัดการต่อให้ วันรุ่งขึ้นก็รออ่านกันเลย บางสำนักพิมพ์ก็อาจต้องกลับไปพิมพ์ข่าว ตรงนี้เอามาตรฐานทั่วไปไม่ได้ และยิ่งจะมีความแตกต่างกันออกไปหากความถี่ในการออกหนังสือพิมพ์แตกต่างกัน

นักข่าวบางประเภทต้องเจาะข่าว พวกนี้ก็ต้องว่ากันไปตามนั้น ต้องคิดหาประเด็นข่าว หาแง่มุมข่าวเพื่อเอาความกระจ่างและน่าสนใจมีตีพิมพ์ นักข่าวประเภทนี้มักจะเป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์ที่ไม่ใช่รายวัน ถ้าเป็นนักข่าววิทยุ(สำนักข่าว)ก็แข่งขันสูงหน่อย เห็นบ่อยครั้งขณะทำข่าวก็รายงานข่าวไปด้วยในเวลาเดียวกัน

แต่บางทีนักข่าวหนังสือพิมพ์ก็ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่ว่า โดยเฉพาะที่แห่งไหนมีนักข่าวหลายคน บ้างก็โขกหมากรุก บ้างก็สนทนาพาทีไปตามเรื่องตามราว พอมีข่าวแถลงก็ส่งตัวแทนไปซักถามและอัดเทป เพื่อนำมาแจกจ่ายกันต่อไปก่อนส่งข่าวเข้าโรงพิมพ์

ในแต่ละวันนักข่าวมักจะมีนัดหมายเพื่อหาข่าวส่ง ใช่ว่าแต่จะเฝ้ารอแถลงข่าวเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าพลาดบ่อยๆตกข่าวบ่อยๆ ก็มีสิทธิตกงานได้เหมือนกัน ข่าวรายวันก็ต้องหาข่าวส่งทุกวัน ลงหรือไม่ได้ลงโต๊ะข่าวจะตัดสินใจ หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ หรือรายสามวัน ก็จะมีรูปแบบวิธีการทำข่าวในแง่รายละเอียดแตกต่างกัน ถ้าความถี่ต่ำก็ต้องหนักไปทางเปิดประเด็นใหม่ๆ นักข่าวก็ต้องคิดให้มาก ขุดคุ้ยหาประเด็นข่าวให้มาก ไม่เช่นนั้นแล้วหนังสือพิมพ์ก็จะขายไม่ออก ในความเป็นจริงก็จะเห็นว่าหนังสือประเภทหลังนี้ จะเน้นหนักไปที่ความหลากหลายและให้ข้อมูลมากเป็นพิเศษ

กลางค่ำกลางคืนก็ไม่ได้พักหากมีภารกิจ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับหูตาของผู้บริหารและความรับผิดชอบของนักข่าวเองด้วย ถ้านักข่าวเก่งๆมักจะออกงานแทบจะไม่เว้นแต่ละวัน เพราะงานต่างๆอาจมี"แหล่งข่าว"หรือ"มีข่าว"ให้ทำด้วย อย่างน้อยก็ได้ความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น

นักข่าวส่วนใหญ่ทำงานมีวันหยุดเพียงวันเดียวในรอบสัปดาห์ แต่ก็มีหลายแห่งหยุดไม่พร้อมกัน เพราะมีหนังสือตีพิมพ์ออกตลาดทุกวัน และคงเป็นเพราะเหตนี้ทำให้นักข่าวหนุ่ม-สาวหลายคนไม่มีเนื้อคู่กับเขาเสียที ทำงานอยู่ตลอดเวลา วันหยุดน้อย ซ้ำร้ายหยุดไม่ตรงกัน อย่างนี้มีแฟนลำบาก รับปากไปดูหนังไปดูลครแทบจะไม่ได้เลยถ้าไม่ตรงวันพักจริงๆ และก็ไม่น้อยเหมือนกันพอมีเวลาให้พักผ่อน แทนที่ต่างคนต่างไป กลับเกาะกลุ่มไปเที่ยวกันเสียฉิบ

นักข่าวที่ดีจะต้องเตรียมการ(บ้าน)ให้ดี ต้องมีพื้นฐานข้อมูลข่าว รู้จักตัวว่าจะไปคุยข่าวกับใคร ต้องใช้ข้อมูลอะไรประกอบข่าวบ้าง ทิศทางข่าวจะไปอย่างไร และต้องแสวงหาความรู้อยู่เสมอ ต้องค้นหาคำตอบในคำถามที่ตนเองตั้งขึ้นในใจให้ได้ อย่าได้ให้ช่องคำตอบ"ว่างเปล่า" อย่ามองข้ามเรื่องที่เราอยากรู้อยากเห็น เพราะคนเขาอาจอยากรู้อยากเห็นเหมือนเราเช่นกัน มีแต่นักข่าวที่"ตายแล้ว"เท่านั้น ที่ไม่ยี่หระกับอะไรทั้งสิ้น

มีอยู่คราวหนึ่งครับ นักข่าวเขาเห็นทหาร(คะนอง)ยกหลักเขตแดนจากฝั่งเราขยับข้ามไปกินแดนประเทศเพื่อนบ้าน เลยทำข่าวนี้ส่งมา ดูเหมือนจะกลายเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งเสียด่วย หลังตีพิมพ์ข่าวออกไปก็เกิดเรื่องยกใหญ่ มีข้อพิพาทชายแดนติดตามมา

อย่างนี้ก็คิดเองแล้วกันละครับ ถ้าคิดด้วยเหตุด้วยผลแล้ว เรื่องนี้ควรจะทำข่าว(ให้ขายหน้าเพื่อนบ้าน)หรือไม่ แต่ผลสุดท้ายเรื่องนี้นักข่าวได้รับรางวัลข่าวยอดเยี่ยมไปละครับ

(HOME) (วิจารณ์บ้านเมืองฯ) (พุทธศาสนาเชิงประวัติศาสตร์) (บ.ก.ธรรมดา) (NEXT)

1