![]() |
เรื่องของงานข่าวหนังสือพิมพ์ |
หาประเด็นข่าว
|
หนทางหนึ่งที่จะช่วยให้เรามีประเด็นข่าวได้ก็คือ เราต้องเรียนรู้เรื่องราวต่างๆที่รับผิดชอบ หรือต้องรู้เรื่องที่ทำให้ดี เป็นต้นว่าถ้าเราเป็นนักข่าวเศรษฐกิจ และรับผิดชอบสายงานข่าวใด ก็ต้องศึกษาและเรียนรู้ในเรื่องนั้น ปกติแล้วถ้าระหว่างศึกษาในระดับอุดมศึกษา หากเราเป็นคน สนใจเรียนจริงๆ ก็ไม่อยากที่จะเอาสิ่งที่ร่ำเรียนมา มาช่วยในการทำงานข่าว แต่ถ้าเคยสนใจแต่ "สอบผ่าน" ก็ต้องกลับไปอ่านตำรับตำราใหม่ และอ่านหลายๆ รอบด้วย กรอบความรู้กว้างๆ ทางด้านงานข่าวเศรษฐกิจก็คือ เราต้องศึกษาพื้นฐานของ "เศรษฐกิจ" เสียก่อน จดจำคำนิยามไว้ จะได้ใช้เขียนหรือไม่เขียน ก็ไม่สำคัญ แต่เราควรจะรู้ ในฐานะคนข่าว เศรษฐกิจ ก็เหมือนกับนักข่าวสายคอมพิวเตอร์นั่นละครับ คุณไม่มีความรู้คอมพิวเตอร์ คุณก็อาจ เป็นนักข่าวได้ ถ้าทำแค่ "รับ" แล้ว "ส่งผ่าน" ข้อความไปยังผู้อ่าน แต่จะให้ดูเหมาะสมกับอาชีพ นักข่าวคอมพิวเตอร์ ย่อมรู้จักคอมพิวเตอร์ดีดุจลายมือของตนเอง ก็เพราะเหตุนี้ละครับ นักข่าวตลาดหุ้นหน้าใหม่ มักจะถูกส่งและถูกสั่งให้ "เล่นหุ้น" ถ้าไม่ขลุก กับตลาดหลักทรัพย์ ไม่เล่นหุ้น จะเข้าใจคำศัพท์ วิธีการ ซื้อขาย แนวการวิเคราะห์ บุคคล เครื่องมืออุปกรณ์ ความเชื่อมโยงหลากหลายแง่มุมได้อย่างไร ตรงนี้จึงพอสรุปได้ว่า เมื่อตั้งใจ เป็นนักข่าว และจะทำข่าวสายใด ก็ต้องศึกษา และเรียนรู้เกี่ยวกับสายงานข่าวเรา รู้ให้มากที่สุด เป็นการดีที่สุด เมื่อพูดถึงข่าวเศรษฐกิจ เราต้องนึกภาพให้ออกเลยว่า เศรษฐกิจมีพื้นที่ครอบคลุมเพียงใด ดูอย่าง หนังสือพิมพ์แนวเศรษฐกิจเขาวางยุทธศาสตร์ไว้ คือ ครอบคลุมข่าวสารเศรษฐกิจเป็นหลัก และวางกลยุทธเป็นรอง คือ มีข่าวการเงินการคลัง การค้าพาณิชย์ การอุตสาหกรรม การบริการ การตลาด ฯลฯ ส่วนกลยุทธที่ว่าคือ ข่าวการตลาด ข่าวไอที ข่าวอสังหาริมทรัพย ์เป็นต้น ความจริงแล้วถ้าเราถอยออกมา และมองกลับเข้าไปยังหนังสือพิมพ์แนวนี้ใหม่ เราจะเห็น กรอบหลัก เหมือนเศรษฐกิจ "มหภาค" ของประเทศ กล่าวคือ การเกษตร การอุตสาหกรรม และการบริการ ตัวเลขหรือดัชนีชี้วัด การเติบโตเศรษฐกิจ ของประเทศก็วัดจากมวลรวม ของ 3 ตัวนี้นั่นเอง ทั้งนี้ 2 ตัวแรกเห็นแล้วเข้าใจได้ง่าย ส่วนตัวหลังขอขยายว่า การบริหารนั้น มีความหมายครอบคลุมถึง ภาคการเงิน ภาคการท่องเที่ยว ภาคแรงงาน กระทรวงเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจของไทยก็หมายถึง กระทรวงเกษตร กระทรวง อุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงแรงงาน เพราะดูแลกันตั้งแต่ การผลิต การขนส่ง การบริการ การค้านั่นเอง(ความจริงกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ถ้าทำดีๆ ก็จัดเป็นกระทรวงเศรษฐกิจได้) นักข่าวเศรษฐกิจ ควรมีความรู้พื้นฐานด้านเศรษฐกิจมหาภาคเป็นอย่างดี ต้องเข้าใจเรื่อง ดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัด เรื่องเงินเฟ้อ เงินฟุบ เรื่องหนี้สาธารณะ เป็นต้น และที่สำคัญไม่ควร ลืมศึกษาในเรื่องของการเงินและการธนาคาร ต้องทราบเรื่องของระบบเงินตรา ทราบเรื่อง อัตราแลกเปลี่ยน ทราบเรื่องทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ ทราบหน้าที่และบทบาท ของธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินในรูปแบบอื่น รวมไปจนถึงทราบหน่วยงาน หรือบทบาทขององค์กรระหว่างประเทศ การศึกษาในเรื่องเหล่านี้ และเฝ้าสังเกตุความเป็นไปภายในประเทศ หรือติดตามความเคลื่อน ไหวของภาครัฐหรือเอกชน ก็จะเกิดคำถามขึ้นมาในใจ หรือ เราอาจเห็นว่า มีความไม่ปกติเกิดขึ้น แล้ว เป็นต้นว่าในช่วงกลางปี 2543 นี้ อัตราดอกเบี้ยในประเทศ ได้สวนทางกับตลาดดอกเบี้ยโลก อย่างชัดเจน(เป็นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว) ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ จึงเกิดคำถามติดตามมา อาทิ ประเทศไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามไปหรือไม่ ถ้าปรับขึ้น จะปรับขึ้นได้อย่างไร ในเมื่ออัตรา ดอกเบี้ยลอยตัว ดอกเบี้ยจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับดีมานด์กับซัพพลายส์ในตลาด ถ้าไม่ปรับขึ้น เงินทุนจะไหลออกไปแสวงหาดอกเบี้ยที่สูงกว่าหรือไม่ เป็นต้น ความเคลื่อนไหวนี้เป็นข่าวได้เสมอ ถ้าเข้าใจในเรื่อระบบอัตราแลกเปลี่ยน เราจะเห็นความเป็นไปของอัตราแลกเปลี่ยน ระหว่าง ดอกลลาร์กับเยน ประเด็นข่าวก็เกิดขึ้นได้ เป็นต้นว่า ค่าเงินเยนอ่อนตัวลงไปมาก เราจะขาย สินค้าให้ญี่ปุ่นลดลงหรือไม่ เป็นต้น นักข่าวควรตรวจสอบตัวเลขส่งออกตลาดญี่ปุ่นสม่ำเสมอ ถ้านักข่าวมีพื้นความรู้แนน่พอ คงไม่ปล่อยให้ ดร. ออกมาพูดชนิดที่เรียกว่า สักแต่พูด อาศัยมีดีกรี นำหน้า ความจริงแล้วดร.ที่ออกมาพูดบางคน เหมือนกับ ดร.ห้องแถว มากกว่าผู้คงแก่เรียน ถ้านักข่าวเรียนรู้กันมากๆ ไม่รู้อะไรก็ถามผู้รู้ เมื่อนั้นคนอ่านจะได้ประโยชน์ ที่สำคัญ ถ้าเรารู้ และเข้าใจดี การค้นหาประเด็นมาทำข่าวย่อมไม่ใช่เรื่องยาก ก็ลองไปวางแผนดูนะครับว่า เราอยากจะทำข่าวสายใด แล้วไปค้นหาตำรับตำรามาอ่าน ยิ่งขณะนี้เป็นนักศึกษายิ่งดี ไม่เข้าใจตรงไหน จะได้เดินไปถามครูบาอาจารย์ในเรื่องนั้น นักข่าวมีคุณภาพเท่าไหร่ สังคมไทยก็ดูฉลาดขึ้นเท่านั้น (HOME) (บ.ก.ธรรมดา) (สถาบัน น.ส.พ.) (คิดถึงไทยอาหม) (มาตรฐานเปรต)
|