![]() |
มาตรฐาน"เปรต" บ้านเราฮือฮาเรื่องเปรต และบังเอิญก่อนที่จะเป็นข่าวใหญ่โต ในหน้าหนังสือพิมพ์สัก 2-3 สัปดาห์ ก็ได้ยินคนเขาคุยกันเรื่องนี้ คนหนึ่งบอกเล่าและยืนยันอย่างสนิทใจ กับเพื่อนๆว่า มีการพิสูจน์กันแล้วว่า เปรตมีจริง มีคนถ่ายภาพไว้ด้วย ข้างฝ่ายผู้ฟังพยักหน้า แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เขาเชื่อตามที่อีกคนเล่าให้ฟังหรือไม่ เรื่องเชื่อหรือไม่เชื่อว่าเปรตมีจริงหรือไม่ คงจะมีมาตั้งแต่คนรู้จักคำว่า "เปรต"แล้ว และคงจะ เป็นเช่นนี้ไปอีกนาน เพราะดูเหมือนว่า เมื่อโลกมันกลม อะไรๆก็จะกลมตามไปด้วย ความเชื่อขณะหนึ่งเป็นเช่นนี้ ขณะหนึ่งในอนาคตจะเปลี่ยนไป และอนาคตที่ไกลออกไป ก็จะวนเวียนกลับมาที่จุดเริ่มต้นเดิมใหม่อีกครั้ง ตามที่เป็นข่าวกันนั้น ยืนยันกันว่าไปถ่ายวิดีโอเก็บภาพรูปเปรตกันที่ "คำชะโนด" อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี และดูเหมือนจะบังเอิญที่ผู้เขียนเองก็เคยไปที่นั่นมาแล้ว ความจริงใครอยากจะ ไปแวะชมก็ไปกันได้ง่ายๆ ห่างตัวเมืองจังหวัดอุดรธานีไม่ไกลเท่าไหร่ ถนนหนทางสะดวก คำชะโนดนี้หน้าตาเป็นอย่างไรรึ เมื่อคราวที่ไปนั้นบอกได้ว่า คำชะโนดไม่ถึงกับเป็นป่ารก ความจริงเป็น ดงไม้ขนาดย่อมอยู่กลางนาเสียมากกว่า ขนาดกว้างยาวก็ไม่กี่สิบไร่ อยู่ริมทาง สภาพพื้นที่คล้ายเป็นป่าพรุ คือ เป็นพื้นที่ซับน้ำ ความโดดเด่นหรือเอกลักษณ์ของป่าแห่งนี้ และคงไม่เหมือนที่ใดในโลกคือ มีตันชะโนดอยู่นั่นเอง หน้าตาของต้นชะโนดก็คล้ายๆกับ ต้นตาล แต่ใบไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ลำตันก็ไม่เหมือน กันทีเดียวเช่นกัน ส่วนความสูงนั้น ต้องบอกว่า ไม่เคยเห็นต้นตาลหรือตันมะพร้าวอะไร จะสูงใหญ่ขนาดนี้ และบอกได้เลยครับ ถ้าจะใช้ดงชะโนดเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังจูราสิคปาร์ค ไม่เห็นจำเป็นต้องตกแต่งฉากก็แล้วกัน เพราะที่นี่มีสภาพใกล้เคียง ป่าดึกดำบรรพ์จริงๆ (ไม่แน่ใจว่าจะมีที่ไหนในโลกเหมือนอย่างนี้หรือไม่) เท่าที่บอกเล่ากันมา อริยสงฆ์กองทัพธรรมอีสาน มักจะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่พบปะ ถกธรรม จริงเท็จประการใดยังไม่เคยคิดสืบต่อ แต่ได้เห็นสถานที่แล้วหายสงสัยเลย เพราะเป็นสถานที่ ไม่ธรรมดาจริงๆ และไม่แปลกที่หลายต่อหลายคนเรียกว่า สถานอันศักดิ์สิทธิ์ ใครจะถกเถียงว่าภาพที่ถ่ายมานั้นเป็นของแท้ หรือเทียม ที่นี่ไม่สนใจ เพียงแต่อยาก จะแทรกกลางวง ให้ชาวพุทธที่ศรัทธาในคำสอนมาแต่โบราณกาล ได้ทราบถึง "มาตรฐานเปรต"ที่เชื่อถือกันมานาน อย่างน้อยๆก็ยุคสุโขทัยนั่นละครับ มาตรฐานเปรตที่ว่า เอามาจากความในหนังสือโบราณเรื่อง "ไตรภูมิพระร่วง"ของ พระญาลิไทยครับ ในเบื้องต้นขอบอกว่า เปรตมีทั้งในเปตภูมิและในมนุสภูมิ ดังว่า อันว่ามนุษย์ทั้งหลายมี 4 จำพวก ๆ หนึ่งชื่อว่าคนนรก อันหนึ่งคนเปรต จำพวกหนึ่งชื่อคนติรัจฉาน อันหนึ่งชื่อคนมนุษย์ ฝูงคนอันที่ฆ่าสิงสัตว์อันรู้กระทำการอันเป็นบาปนั้นมาเถิงตน แลท่านได้ตัดตีนสินมือ แลทุกข์โศกเวทนานักหนา ดังเรียกชื่อว่า คนนรกแลฯ จำพวกหนึ่งคนอันหาบุญอันจะกระทำบมิได้ แลแต่เมื่อก่อนแลเกิดมาเป็นคนเข็ญใจนักหนา และจะผ้าแลเสื้อรอบตนนั้นหาบมิได้ อยู่หาอันจะกินบมิได้ อยากเผ็ดเรืดไร้ (เขียนตาม ภาษาเก่าแก่ครับ)นักหนาแล มีรูปโฉมโนมพรรณนั้นก็บมิงาม คนหมู่นี้ชื่อว่า เปรตมนุษย์แลฯ คนอันที่มิรู้ว่าบุญแลบาป ย่อมเจรจาที่อันหาความเมตตากรุณามิได้ ใจกล้าหาญ แข็งบมิรู้ยำเกรงท่าผู้เฒ่าผู้แก่ บมิรู้ปฏิบัติพ่อแม่ แลครูบาธยาย(ภาษาเก่า) บมิรู้รักพี่รักน้อง ย่อมกระทำบาปทุกเมื่อ คนผู้นี้ชื่อว่าติรัจฉานมนุษย์แลฯ คนอันที่ว่ารู้จักผิดแลชอบ แลรู้จัจักที่อันเป็นบาปแลบุญ แลรู้จักประโยชน์ในชั่วนี้ชั่วหน้า แลรู้กลัวแก่บาป แลละอายแก่บาป รู้จักว่ายากว่าง่าย แลรู้รักพี่ รักน้อง แลรู้เอ็นดูกรุณา คนผู้เข็ญใจ แลรู้ยำเกรงพ่อแม่ ผู้เฒ่าแก่ สมณพราหมณาจารย์ อันอยู่ในสิกขาบท ของพระพุทธเจ้าทุกเมื่อ และรู้จักคุณแก้ว 3 ประการไส้(ไซ้ร) แลฝูงนี้แลชื่อว่า มนุษยธรรมแล นี่ละครับที่เรียกเปรตใน"มนุสภูมิ "ส่วนเปรตที่จะจัดคัด "มาตรฐาน" มาให้ดู ต้องติดตาม อ่านในหน้าต่อไปครับ
|