ปีที่ 3 ฉบับที่ 1025 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 4 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2543

วิวาทะ

เมื่อหลวงปู่ชักธงชาติผืนใหญ่ขึ้นยอดเสา ขับไล่ผู้ที่เป็นภัยต่อสามสถาบัน

เรื่องต่อไปนี้ ผมไม่ได้เห็นมากับตา แต่ผู้พูดเชื่อถือได้

เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ดูเหมือนจะเป็นปีพ.ศ.2519 ที่ถ้ำผาปล่องเป็นสำนักสงฆ์ มีพระสุปฏิปันโน ชื่อ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร เป็นเจ้าสำนัก ตั้งอยู่ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

ในปี พ.ศ.นั้น มดแดงแตกรัง ผมหมายถึง พวกนักศึกษา นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย หลบหนีอำนาจผู้ครองแผ่นดิน บ่ายหน้าเข้าสู่ป่า

จะเพื่ออุดมการณ์หรืออะไร ปล่อยเขาไป ไม่ขอกล่าวถึง จะขอพูดถึงเฉพาะหลวงปู่สิม พุทธาจาโร

ในเมืองไทยของเรามีอะไรที่เป็นที่สุดอยู่หลายอย่าง บางทีคำว่า ที่สุดเป็นสถิติที่ประเทศอื่น ๆ เขาไม่มี เช่น มีพระพุทธรูปยืนที่สูงที่สุดในโลก มีพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมหาเจดีย์ที่ใหญ่และราคาค่าก่อสร้างมหาศาลที่สุดในโลก ก็มหาเจดีย์ธรรมกายสากล ที่วัดพระธรรมกายไงละครับ

มีความเชื่อกันอย่างสนิทใจในแวดวงนักปฏิบัติว่า หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ท่านเป็นพระผู้ประพฤติปฏิบัติชอบ สั่งสอนให้คนตั้งอยู่ในศีลในธรรม ธรรมะที่พระคุณเจ้านำมาแสดง บ่งบอกถึงภูมิธรรมที่ท่านบรรลุ ที่ไม่ใช่ธรรมดา มีเมตตาต่อผู้คนที่เข้าไปนมัสการ อย่างไม่เลือกชาติชั้น

ผมไม่อยากจะขยายคำพูดของคนที่เคยไปกราบหลวงปู่ว่า อิทธิปาฏิหาริย์นั้น หลวงปู่มีพร้อมสรรพ ไม่ว่า จะเป็นหูทิพย์ ตาทิพย์ เนื่องจากเราเป็นคนหยาบ มากด้วยตัณหา หนาด้วย กิเลส

ผมชื่นชมตามประสาของคนเป็นปุถุชนเมื่อย้อนรำลึกถึงปฏิบัติ ที่หลวงปู่ฝากไว้ นั่นคือ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ท่านได้สั่งและร่วมลงมือสร้างธงชาติไทยผืนใหญ่ที่สุด (ในประเทศไทย)

ผมไม่มีรายละเอียดถึงขนาดธงชาติผืนนั้นว่า ใหญ่โตโอฬารขนาดไหน รู้แต่ว่า พอเย็บผ้าสีแดง ขาว น้ำเงิน เข้าเป็นผืนธงชาติไทยแล้ว หลวงปู่สั่งให้หาเสาธงขึ้นไปปักที่ปากถ้ำ เสาธงก็เป็นไม้ไผ่ลำใหญ่และยาวที่สุดในละแวกนั้น ว่ากันว่า ผืนธงชาติ เมื่อชูขึ้นไปที่ปลายไม้ไผ่แล้ว ส่วนหนึ่งของผืนธงชาติ ยังกองเรี่ยอยู่กับพื้น

สาระของเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่ความเป็นธงชาติผืนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่อยู่ที่วาทะอันเป็นอมตะของหลวงปู่ที่ฝากไว้ในวันนั้น 

หลวงปู่สิม บอกว่า ธงชาตินั้น คิดค้นขึ้นมาโดยเจ้าผู้ปกครองแผ่นดิน คือ รัชกาลที่ 6 มีความหมายว่า ประเทศไทยก่อตัวเป็นประเทศขึ้นมา เป็นชาติได้นั้น จะต้องประกอบด้วย พระศาสนา และพระมหากษัตริย์ ธงชาติจึงเป็นสัญลักษณ์เป็นเครื่องหมายสูงสุดของชาติ ใครจะล่วงเกินมิได้

ประเทศชาติ พระศาสนา และพระมหากษัตริย์ ขณะนี้ตกอยู่ในห้วงอันตราย มีผู้ไม่หวังดี คอยจ้องทำลาย

ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป ใครจะแตะต้อง 3 สถาบันนี้ไม่ได้ และทั้ง 3 สถาบัน จะตั้งมั่นอยู่คู่โลกสืบไป ใครที่เป็นเสี้ยมหนามต่อ 3 สถาบัน จะเสื่อมถอยกำลังไปเอง

ช่วงที่อัญเชิญธงผืนใหญ่ขึ้นไปติดตั้ง หลวงปู่เป็นต้นเสียงน่าพระสงฆ์เจริญบทชัยมงคล คือ มหาการุณิโก นาโถ หิตาย สัพพปณินัง เสียงฟ้าคำรามดังก้องไปทั่วขุนเขา ผสมไปกับ เสียงพระเจริญพระคาถาชัยมงคล 

ลืมบอกไปว่า เหตุการณ์นี้จำได้ว่า ตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา

ในปีพ.ศ.นั้น การต่อสู้ทางลัทธิ ต่อสู้ของความคิด ซึ่งก็คือสังคมการเมืองของไทย กำลังเขม็งเกลียว

จากนั้นไม่นาน ราวเดือนตุลาคม ยุทธการปราบปรามก็เกิดตามมา มดแดงแตกรังเข้าสู่ป่า ผู้กุมอำนาจก็ฮึกเหิม ผู้พ่ายก็หาที่เกาะที่ยิ่งใหญ่ ประวัติศาสตร์จดจารึกไว้ด้วยร่องรอย ของคราบเลือดและน้ำตา

ผู้เกี่ยวข้องหลายคนเป็นบุคคลโนเนมตั้งแต่วันนั้น กระทั่งวันนี้ ไร้กระดูกและเถ้าอังคาร ญาติพี่น้องผู้อยู่เบื้องหลัง กู่ร้องโหยหา ไม่มีร่องรอยปรากฏให้เห็น เขาไปไหน หาชีวิตไม่แล้ว ไม่รู้ทั้งสิ้น

แต่บุคคลจำนวนหนึ่งในกลุ่มผู้ร่วมเหตุการณ์คราวนั้น วันนี้ เป็นวีรบุรุษ เป็นฮีโร่ ใหญ่โตคับบ้านคับเมือง มีอำนาจสั่งการงานแผ่นดินด้วยความชอบธรรม ตามกฎหมาย

อยากจะขอเตือนว่า อำนาจวาสนาที่ครองอยู่ในวันนี้นั้น มันเป็นเพียงมายา อย่าได้หลงใหล ได้ปลื้มจนลืมตัว อย่าคิดเหิมเกริมว่า บ้านนี้เมืองนี้ ข้าใหญ่ จะทำอะไรก็ย่อมได้ หลายคน ที่ตายไปแล้ว และบางคนยังมีชีวิตอยู่ในวันนี้ เคยถูกยกย่องสรรเสริญ และเสพอำนาจนี้มาก่อนสูเจ้าทั้งสิ้น วันหนึ่งเมื่อโลกใบนี้มันหมุนกลับ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป คนที่เคยถูกสังคมให้เกียรติ เรียก ฯพณฯ กลายเป็นทรราชย์หรือทรชนไป นี่คือสัจธรรมที่มาในพระพุทธศาสนา

พระศาสนาเป็นของสูง ต้องเชิดชูไว้เหนือหัว ไม่ใช่สิ่งที่จะบัญชาการ ให้เป็นไปตามอารมณ์ของตน

บาปกรรมมีจริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ที่ยังไม่ปรากฏให้เห็นทันตาอย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่า ไม่มี อีกไม่นานเกินรอ วิบากกรรมอันเป็นกำไรของการกระทำ จะต้องปรากฏให้เห็น

วันนี้ ผมคิดถึงความหลังครั้งที่หลวงปู่สิม พุทธาจาโร แห่งวัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียวใหม่ ชักธงชาติผืนใหญ่ขึ้นสู่ยอดเสาที่ปากถ้ำ 

หลวงปู่ขอรับ ผมคิดถึงหลวงปู่จังเลย

เอาฟังทางนี้หน่อยซิ อธิบดีกรมการศาสนา ไพบูลย์ เสียงก้อง หรือจะบุ้ยไปให้ วิชัย ตันศิริ รับรู้ก็ได้

เงินเดือนพระทั่วราชอาณาจักร ทั้งพระครูเจ้าคุณ และเงินอุดหนุนวัดต่าง ๆ มันไปหลบอยู่มุมไหนซอกไหน ค้างคามาเป็นปีแล้ว จัดถวายท่านได้แล้ว คนเขาคะเนดูว่า เงินจำนวน นั้น ถ้าฝากแบงค์ก็กินดอก ก็เป็นจำนวนมหาศาล อย่าคิดว่า พระท่านอยู่วัดแบบบ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อเช่นเดียวกับ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขืนคิดอย่างนั้น เป็นการคิดผิด อย่างมหันต์

ยังไม่ได้บอกว่า คนพวกนี้อมเงินพระเงินเจ้า ซักหน่อย เพียงแต่บอกว่า เนิ่นนานมาเป็นปีแล้ว ไฉนจึงไม่เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่จัดการเรื่องนี้ คนทั้งประเทศเขาสงสัย

ฮั่นแน่!!! รู้นะว่าตัวกำลังทำอะไรอยู่ ยู่ฮู้ ไม่กลัวบาปกลัวกรรมเลยน้อ

ปู่โอม


[หน้าหลัก][หน้า1][สหัสวรรษ][วิวาทะ]

1