ปีที่ 2 ฉบับที่ 802 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 23 เดือนกันยายน พ.ศ. 2542

ปุจฉา วิสัชนา

 22 กันยายน 2542
เรียน คุณไอ้ทิด และชาวหนังสือพิมพ์"พิมพ์ไทย" 

ทุกคนก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ใช่ลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกาย แต่ผมก็รู้สึกอดสูใจ ที่เห็นพฤติกรรมของผู้ที่อ้างตนเองว่า ปกป้อง พระพุทธศาสนา ปกป้องสถาบันสงฆ์ ห่วงใยสถาบันหลัก แล้วออกมา แสดงพฤติกรรมต่างๆ สุดแต่ใจจะนึกได้ว่า อันไหนจะสะใจที่สุด อันไหนจะทำให้ฝ่ายตรงข้าม เจ็บใจที่สุด จนบางครั้งลืมนึกไปว่า ตัวเองยังเป็น ชาวพุทธ อยู่ ยังมีญาติพี่น้องนับถือพุทธอยู่ ผู้ให้กำเนิดก็ยังไหว้พระและนับถือพุทธอยู่

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ด้วยตาของตนเอง ฟังด้วยหูของตนเอง ผมจึงทำตัวเหมือนชาววัดพระธรรมกาย เข้าไปวัด ไม่แต่เฉพาะ แต่ในวันพระ หรือวันอาทิตย์เท่านั้น แม้วัน ธรรมดา ผมก็เข้าไปจึงพอจะรู้อะไรหลายๆอย่างแม้จะไม่ละเอียดนักก็พอที่จะนำมาเล่าสู่ผู้ที่อยากรู้ว่าวัดพระธรรมกายมีอะไรบ้างที่ผิดจากที่อื่น

แห่งแรกที่ผมเดินตามคนของวัดพระธรรมกายเข้าไป เป็นสถานที่โอ่โถง ล้อมด้วยด้วยมวลไม้นานาชนิด สีเขียวชอุ่ม อากาศบริสุทธิ์ มีศาลามุงจากทรงสูงใหญ่ หลายหลังติดต่อกัน เพดานติดพัดลม แบบแขวน ไม่มีเครื่องปรับอากาศ อาสน์สงฆ์ สำหรับให้พระภิกษุ-สามเณรนั่งฉัน ภัตตาหาร เป็นแบบไม้กระดาน ยกพื้นสูง เรียงรายกันหลายแถว ผมกระซิบถาม คนที่ผมอาศัยเข้าไปว่า สถานที่แห่งนี้ ชื่อว่าอะไร เขาก็ตอบว่า "สภาธรรมกาย" พอถึงเวลา ที่จะฉันภัตตาหารเพล พระภิกษุ-สามเณรจะอยู่เดินเรียงแถวลงมา พอพระท่านั่ง เป็น ที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะมีศิษย์ของวัด ออกมาเชิญชวน ให้พุทธศาสนิกชน ร่วมกันอาราธนาศีล 5 แล้วก็สมาทานศีลพร้อมกัน หลังจากนั้นก็ถวายสังฆทาน และถวายภัตตาหร แด่ พระภิกษุ-สามเณร ซึ่งแต่ละคนที่ไป หรือที่อยู่ในสภานั้น ซึ่งแต่ละคนที่ไปที่นั้น เวลากล่าวถวายสังฆทานพระ ก็ทำได้อย่างคล่องแคล่ว โดยไม่เคอะเขิน 

ผมจึงอดใจไม่ได้ที่จะถามคนใกล้ตัวว่า ทุกคนที่มานี่สามารอาราธนาศีล 5 อุโบสถศีล หรือศีล 8 ได้ทุกคนหรือเปล่า เขาตอบอย่างภาคภูมิใจว่า ทุกคนจะได้ ผมจึงนึกในใจว่า เออ อย่างนี้ซิ ถึงจะเป็นชาวพุทธโดยแท้ และตั้งใจที่จะสมาทานศีลจริง ไม่เหมือนกบคนบางคน อาราธนาศีลยังไม่ได้ คนอื่นให้ว่าตามกว่าตาม เขาให้รักษาศีลก็รักษา โดยที่ยังไม่รู้ เลยว่า ถ้ารักษาศีลแล้ว อานิสงส์แห่งศีล จะมีอะไรบ้าง รับศีลมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เวลาผิดศีล หรือล่วงละเมิดศีล ก็ผิดด้วยความตั้งใจ

ชณะที่พระภิกษุ-สามเณร กำลังฉันอาหารนั้น ก็จะมีการอ่านรายชื่อผู้ที่เป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหาร จะด้วยการทำบุญคล้ายวันเกิดของตนก็ดี ทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ก็ดี หรือคนที่มีจิตศรัทธาถวายในวันนั้นก็ดี มันทำให้ผมนึกว่า การกระทำบุญวันคล้ายวันเกิดนั้น ถ้าเลือกทำแบบนี้ ก็จะเป็นการประหยัดมากทีเดียว และได้กระทำความดีล้วนๆ ไม่มีความชั่วเจือปน ผิดกับผู้ที่จัดงานคล้ายวันเกิดของตน ที่ภัตตาคารที่โรงเรมหรูๆ เจือด้วยกลิ่นอายแห่งสุรา ยาเมาอันเป็นต้นเหตุแห่งกิเลสตัณหา เป็นการยั่วยุแห่งกามารมณ์ แต่ที่วัดนี้ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาไม่กระโชกโฮกฮาก ทุกคนเรียกชื่อกันตามบรรพบุรุษตั้งให้ ตามที่พ่อ แม่พิจารณาแล้วว่าเพราะ จึงตั้งให้เพื่อสิริมงคล เราฟังแล้วก็สบายใจ

ในส่วนของฆราวาสก็จะเข้าไปจองโต๊ะที่เขาจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้ผู้ที่มาทำบุญได้ทานข้าวด้วยกัน โต๊ะหนึ่งก็นั่งได้ 4 รูป การนั่งก็ไม่เลือกว่าใครจะนั่งโต๊ะไหน ไม่ต้อง คำนึง ว่า เรารู้จักสนิทชิดเชื้อ ด้วยหรือเปล่า ก่อนเขาไปทานร่วมกับเขา ยังนึกถึงคำภาษาบาลีว่า วิสาสา รสา ญาติ= ซึ่งแปลว่า ความคุ้นเคย ทำให้อาหารมีรสชาติดี แปลง่ายๆ ก็คือ ถ้าคนที่ทานอาหารร่วมกับเรานั้น สนิทสนมกัน การทานอาหารก็มีรสชาติยิ่งขึ้น คือ ทานอาหารอร่อยนั่นเอง 

แต่ที่วัดพระธรรมกายนี้แปลกแม้ว่าเราจะไม่สนิทกับเขา ไม่รู้จักเขาก็ทานได้อย่างสนิทใจ และมีรสอร่อยด้วย เพราะทุกคนทำเหมือนกัน คือ ก่อนจะทานอาหารเราจะนั่งนิ่ง แล้ว พิจารณาอาหาร ที่เราจะทานในขณะนั้นว่า "อาหารที่เราจะทานนี้ เราทานเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อทาน" แปลอีกนัยหนึ่งก็คือ เราทานเพื่อยังชีพ เราจะไม่ติดในรสอาหาร แล้วทุกคน ก็จะทานอาหาร อย่างเอร็ดอร่อย เหมือนกับว่า ทุกคนที่ร่วมโต๊ะนั้น เป็นญาติสนิทกัน พอทานเสร็จทุกคน ก็จะนำกระดาษที่เตรียมไว้เช็ดจาน ที่ตนเองใส่อาหารทาน พอสะอาด เล็กน้อย แล้วก็รวบรวมไปเก็บ ในที่เขาเตรียมไว้ เพื่อรับภาชนะที่ใช้แล้ว ทุกคนทำในลักษณะเดียวกัน ไม่มีใครถือยศถือศักดิ์ ทุกคนยินดีที่จะทำ

มันจึงดูกลมกลืนสวยงานเป็นระเบียบ พอเห็นคนอื่นทำ คนที่เข้าไปใหม่ แม้ไม่เคยทำก็กล้าที่จะทำ พอไปบ่อยๆ เข้าทำบ่อยๆ ก็เกิดความเคยชิน จึงสังเกตได้ว่า ใครคือคนธรรมกาย ใครไม่ใช่ ยิ่งการพูดจา กิริยามารยาท ที่แสดงต่อกัน ความเป็นภราดรภาพในวัดพระธรรมกาย มีอยู่เหลือเฟือ การพูดการกระทำ เป็นภาษาเดียวกัน ทุกครั้งที่เข้าไป จะมึความรู้สึก ว่า อบอุ่นใจ เหมือนเข้าไปสู่อ้อมอก แห่งญาติสนิท เมื่อวันไหน อาทิตย์ไหนไม่ได้ไปวัดจะรู้สึก เหมือนขาดอะไร ไปสักอย่างหนึ่ง แต่พอได้ไปวัดแล้ว มันสบายใจ 

ผมก็เลยถามคนที่ไปวัดบ่อยกว่าผมว่า ทุกคนที่มาวัดพระธรรมกายนี้ ต้องรักษาศีล 5 ศีล 8 ทั้งหมดไหม และทำอย่างไร จึงสามารถรักษาศีลได้ถึงขนาดนี้ เขาก็บอกว่า ตอนแรก ๆ ทุกคนก็ทำใจลำบาก เพราะการรักษาศีลนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย ยิ่งเป็นอุโบสถศีลด้วย (ศีล 8) ยิ่งลำบาก แต่อาศัยว่าเห็นคนอื่นทำได้ เราก็น่าจะทำได้ เขาถือสุภาษิตว่า ความชั่ว อันคนชั่วทำได้ง่าย ความดีอันคนชั่วทำได้ยาก และความดีอันคนดีทำได้ง่าย เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว เราก็เลือกได้ว่า เราจะเลือกอันไหน ถ้าเราจะเลือกความดี เราก็ต้องรู้ก่อนว่า เราเป็นคนดีหรือไม่ ถ้าเราเป็นคนดี แน่นอน เราน่าจะทำความดีได้ง่าย จึงค่อยๆ ทำไป แล้วมันก็กลายเป็นคนดีขึ้นมาเอง

การรักษาศีลก็เหมือนกัน ตอนแรกก็พยายามรักษาศีล 5 ก่อน เมื่อรักษาศีล 5 ได้แล้ว ก็รักษาศีล 8 หรืออุโบสถศีล เขายังคุยให้ฟังอีกว่า ถ้าเรารักษาศีล 8 ได้ ก็เท่ากับว่า เราสามาร ถประพฤติพรหมจรรย์ได้เช่นกัน ผมก็อดสงสัยอีกไม่ได้เหมือนกันว่า การรักษาพรหมจรรย์นั้น จะต้องทำอย่างไร เขาก็แนะนำว่า การประพฤติพรหมจรรย์นั้น ก็คือ การเว้นจาก การฝักใฝ่ในกามารมณ์ หรือบางคนถึงขนาดเว้นขาดจากการเสพกามไปเลยก็มี

พอคุยมาถึงตอนนี้แล้ว ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ที่สังคมกำลังนำมาวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับเรื่องนักศึกษาขายตัว หรือในสังคมไทยเรานั้น วัยรุ่นซึ่งอยู่ในวัย กำลังศึกษาหาความรู้ กลับหันมามั่วเรื่องกามารมณ์กันเป็นจำนวนมาก หญิง-ชาย ที่มีอายุ 13-15 ปี ที่มั่วในเรื่องนี้ ก็มีไม่น้อย สังคมสับสนวุ่ยวาย เพราะเรื่องอย่างนี้ แต่ถ้าเรา สามารถที่จะนำวัยรุ่นเหล่านี้ เข้าวัดบ้าง ก็อาจจะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ลงได้บ้าง แล้วใครล่ะที่จะเป็นผู้นำเด็กเหล่านี้เข้าวัดได้ นอกจากบิดา-มารดาของเขาเอง คือพ่อแม่ของเขา ต้องเข้าวัดก่อน เป็นอันดับแรก ต่อจากนั้น ก็ค่อยๆ ดึงลูกๆ ตามเข้าไป คาดว่า จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้

อย่างว่าล่ะนะ ตราบใด ที่ประเทศเรายังได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีวิสัยทัศน์เช่นปัจจุบันนี้ ก็อย่าไปหวังอะไรให้มากเลย ฯพณฯ ท่าน คงไม่มีเวลามาใส่ใจใน การ ปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี ให้กับเด็กวัยรุ่นหรืออนุชนหรอก เพราะมันต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะสร้างขึ้นมาได้ สู้ทำดีในสิ่งที่มันเห็น จะปรากฏชัดอย่างรวดเร็วกว่า เพราะกรรมดีมัน ให้ผลช้า

ไอ้ทิด


[หน้าหลัก][หน้า1][สหัสวรรษ][วิวาทะ][ปุจฉา]

1