ปีที่ 2 ฉบับที่ 802 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 23 เดือนกันยายน พ.ศ. 2542 |
พระธรรมปิฎกจีวรร้อน ฟ้องนายกฯ ถูกใส่ร้ายป้ายสี สั่ง "ชวน หลีกภัย" บัญชาตำรวจ ทหาร ตรวจสอบ "พิมพ์ไทย" ยำสื่อชี้นำสังคมบิดเบือน ปฏิเสธไม่มีส่วนร่วมผลักดัน พ.ร.บ.ฉบับ หัวดำปกครองสงฆ์ ซ้ำยังเป็นผู้คัดค้าน ย้ำพระดีต้องศึกษา อธิบาย เผยแผ่ธรรมะ ด้าน รมช.ศึกษาฯ รุดนมัสการถึงวัดญาณเวศกวัน การันตีพระปยุตดี
รับลูกสั่งตำรวจ ติดตาม
กลุ่มทำลายปราชญ์แห่งพุทธ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงศึกษาธิการว่า เมื่อวานนี้ (22 ก.ย) เวลา 10.45 น. นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์
รองอธิบดีกรม การศาสนา ได้เดินททางไปนมัสการพระธรรมปิฎก เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน สืบเนื่องจากกรณีที่พระธรรมปิฎก ทำจดหมายเปิดผนึกถึง นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี
ให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการทหารสูงสุด เข้าตรวจสอบตามที่มีผู้อ้างชื่อ ดร.เบญจ์ บาระกุล
เขียนบทความ ลง
ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เกี่ยวกับกรณีปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยได้มีการบิดเบือนข้อมูล กล่าวหา พาดพิงถึงตนในแง่ลบ
รุดดูแลพระปยุต
นายวิชัยกล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายกฯ เดินทางมาพบพระธรรมปิฎก กรณีถูกกล่าวหา มีส่วนร่วมในการออก พ.ร.บ. คณะสงฆ์ใหม่ และพ.ร.บ.คุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยมุ่งยึดอำนาจ หรือทำลายคณะสงฆ์ รวมทั้งกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า แทรกแซงมหาวิทยาลัยมหิดล แก้ไขบิดเบือนพระไตรปิฎก โดยสร้างเป็นระบบคอมพิวเตอร์
ทั้งที่มหาวิทยาลัย มหิดล ได้เริ่มโครงการพระไตรปิฎกคอมพิวเตอร์เอง
"วิชัย" การันตีพระดี
จากความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น จากบุคคลกลุ่มหนึ่ง ได้พยายามออกเอกสารบิดเบือน และให้ร้ายนั้น ความเป็นจริงก็คือ พระธรรมปิฎกยืนยันว่า มิได้มีส่วนในการร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ แต่อย่างใด
ส่วนเรื่องการแก้ไขบิดเบือนพระไตรปิฎก ก็ไม่เป็นความจริงอีกด้วย นอกจากนี้ การให้ร้ายดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และการมีกลุ่มขบวนการทำลายพระพุทธศาสนา
ก็ไม่เป็นความจริง
อีกเช่นกัน
"ตลอดเวลาที่ได้รู้จักกับพระธรรมปิฏกนั้น ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มิได้มีพฤติกรรมตามเอกสารที่โจมตี ในเรื่องนี้ ผมจะให้เจ้าพนักงานการพิมพ์
ได้ตรวจสอบแหล่งที่มา
ของเอกสารโจมตีเหล่านั้นต่อไป" นายวิชัยกล่าว
ส่งตร.ติดตามกลุ่มต่อต้าน
สำหรับการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ คงต้องสอบว่า มีความเป็นมาอย่างไร ซึ่งตนจะประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ
และศูนย์รักษาความ ปลอดภัยฯ ขณะนี้ ทราบบ้างแล้วว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีใครบ้าง ซึ่งทางตำรวจได้ติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้เจ้าพนักงานการพิมพ์
ตักเตือนไปยังสิ่งพิมพ์ฉบับนั้น
ด้วย เมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้ว
กรมการศาสนาจะได้นำเรื่องเสนอให้
นายกรัฐมนตรีรับทราบ และชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจต่อไป
ธรรมปิฎกไม่เกี่ยวกับพรบ. สงฆ์
นายวิชัยกล่าวสรุปว่า ตอนที่เข้าพบกับพระธรรมปิฎก ท่านได้ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว นอกจากนี้ ท่านยังมีข้อคิดเห็นหลายประการที่คัดค้านร่าง พ.ร.บ. ซึ่งเป็นร่างที่เจ้าหน้าที่นำเสนอไปยัง คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ซึ่งยังไม่มีข้อยุติอะไร ในความเป็นจริงแล้ว
ศาสนาต้องถือการบวชเรียน
เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ไม่ใช่การเอารูป ของ
ฆราวาสมาใช้
พระปยุตแจงสุขภาพไม่ดี
ด้านพระธรรมปิฎกกล่าวว่า ขออนุโมทนา รมช.ศึกษาธิการ และนายกรัฐมนตรี ที่กรุณาห่วงใย ตอนนี้ อาตมาภาพสุขภาพไม่ค่อยดี ใจสั่นทุกวัน ชีพจรและความดันไม่ดี
ส่วนการที่
อาตมามีหนังสือถึงนายกฯ นั้น เพื่อต้องการทำความจริงให้ประจักษ์ ประชาชนจะได้สบายใจว่า เรื่องของศาสนา ความประพฤติของสงฆ์เป็นอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร
ลั่นสื่อชี้นำบีบรัฐสอบด่วน
ขณะนี้ ประชาชนยังสับสนไม่สบายใจ เพราะยุคนี้ เป็นยุคข้อมูลข่าวสาร สามารถครอบงำความคิด และชักนำกระแสสังคมได้
จึงจำเป็นที่ประชาชน
ได้รับข่าวสารที่ถูกต้องเป็นจริง
ดังนั้น รัฐบาลต้องมีหน้าที่ทำให้ประชาชน ได้มีฐานข้อมูลที่ถูกต้อง และถ้าประชาชนได้รับข่าวสารผิดพลาด อาจเกิดปัญหาต่อความมั่นคงของประเทศ
เกิดความปั่นป่วนในสังคม
มากขึ้น คนที่ไม่ดี ก็ใช้ข่าวสารเป็นเครื่องมือ ซึ่งต้องให้ความสำคัญมาก และต้องมีมาตรการชี้แจง ให้ประชาชนได้รับสิ่งที่ถูกต้อง
สิ่งที่อาตมาได้ทำ
หรือเขียนหนังสือออกไป เพื่อ
ประโยชน์ และสร้างความเข้าใจให้ประชาชน ได้รับรู้คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ได้ทำให้เกิดความไขว้เขว แต่ทำให้คำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ถูกต้อง
ซึ่งประชาชนได้เรียนรู้
จุดตรงนี้ ก็จะยิ่งดี
แจงพระมีหน้าที่ปริยัติ!!
พระธรรมปิฎกกล่าวอีกว่า การที่อาตมานำคำปรารภของพระพุทธเจ้ามาถ่ายทอด
เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ
ถึงพระธรรมวินัย และสิ่งที่เขียนไว้ ก็ไม่มีการกล่าวอ้างถึงตัวบุคคล
นอกจาก
จะมีเหตุอ้างอิงถึงเรื่องที่พูด ทำตามหลักวิชาการ
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงมี 2 ประเด็นคือ พระธรรมวินัยว่าไว้อย่างไร และบุคคลทำผิดพระธรรมวินัยหรือไม่ ส่วนผู้ที่ทำหน้าที่ก็ควรออกมาพูดทีว่า
อะไรเป็นเกณฑ์ มาตรฐาน
ของพระธรรมวินัย ถ้าจับประเด็นได้ก็เป็นเรื่องง่าย เพราะหน้าที่ของพระภิกษุคือ การศึกษา การอธิบาย เผยแผ่ธรรมะ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ต้องทำประจำในชีวิต
แต่ถ้าไม่มี ตรงนี้ ก็เหมือนกับเราอยู่อย่างไร้สิกขา ตั้งแต่ยังไม่ลาสิกขา ถ้าจับตรงนี้ไม่ได้ ศาสนาก็จะหมดไป อย่างแน่นอน
ร้องหนังสือโจมตีเกลื่อนเมือง
สำหรับกรณีที่มีใบปลิว หรือหนังสือพิมพ์เขียนถึงในแง่ลบ อาตมาก็ทราบดีว่า ไม่เป็นความจริง ญาติโยมก็เป็นห่วงมาก จึงทำหนังสือถึงนายกฯ เพื่อให้ประชาชนได้รู้ความจริง คนที่รู้จักอาตมาดี ก็ไม่มีปัญหา ความจริงคือความจริง แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ควรประมาท เพราะมีประชาชนหรือบุคคลที่ไม่เข้าใจ รับข่าวสารที่ผิด ก็จะยิ่งกันไปใหญ่
นอกจากนี้ ยังมีญาติโยมให้อาตมาฟ้องร้ององค์กรดังกล่าว ในข้อหาหมิ่นประมาท อาตมาก็บอกว่า พระไม่ฟ้องใคร เราทำหน้าที่ของเราไป ต่อมา มีพระเถระผู้ใหญ่ต่างจังหวัด โทร.
มาบอกว่า ได้รับเอกสารมติมส. และมีหนังสือดังกล่าวแนบท้ายไปด้วย ก็แสดงความเป็นห่วง ไม่อยากให้ปล่อยเรื่องนี้ไว้ เพราะว่า ถ้าคนอื่นอ่านจะเข้าใจอย่างไร
ระบุสงฆ์ปั่นป่วนหนัก
"ส่วนตัวแล้ว ต้องการพิสูจน์ตัวเอง ทำอย่างไรได้ จะให้ฟ้องคงไม่ฟ้อง ก็ขอให้ท่านใช้วิธีตรวจสอบชัดเจน ไม่ต้องมามัวระแวง หรือมีใจขุ่นมัวเศร้าหมอง
และประชาชนก็จะไม่ต้อง สับสน
หรือหวาดระแวง เพราะเรื่องนี้ ปั่นป่วนไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่า อะไรเป็นอะไร ดังนั้น ประชาชน ควรรู้ความจริง ปัญหาต่างๆ ก็จะได้คลี่คลาย จิตใจปลอดโปร่ง
และถือเป็นสิ่งดี
ที่ประชาชนจะได้รู้ถึงหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามากขึ้น ถ้าได้ตรงนี้ ขอประทานอภัยถูกด่าก็คุ้ม" พระธรรมปิฎกกล่าว
"ตือ" ลั่นมติมส.อยู่ในมือ
ขณะที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาฯ กล่าวว่า นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ได้มารายงานให้ตนทราบแล้ว ถึงมติมส. เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ซึ่งตนได้มอบให้ นายวิชัย เสนอความเห็นต่อไป ในฐานะที่ดูแลกรมการศาสนา แต่ก็คงจะยืนยันมติเดิมที่มีออกมา เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ส่วนกรณีที่ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ให้กรมการศาสนา นำคำพิจารณาของ พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ให้กฤษฎีกาตีความ อธิบดีกรมการศาสนาได้รายงานตนแล้ว
แต่ตนไม่สามารถ เปิดเผยได้
นายพิภพกล่าวว่า พระพรหมโมลี ได้ทำรายงานให้ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ แล้ว ซึ่งเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้พิจารณาแล้ว และส่งมาที่กรมการศาสนา
เพื่อนำเข้าที่ประชุม
มหาเถรสมาคม ในครั้งหน้า
ส่วนเรื่องการจะนำการพิจารณา
ของพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ให้กฤษฎีกาตีความ ยังไม่ได้พูดเรื่องนี้ ต้องเข้าที่ประชุมมส.ก่อน
ฟ้อง นายกฯ "พิมพ์ไทย-เบญจ์"
สำหรับจดหมายเปิดผนึกของพระธรรมปิฎก มีถ้อยความดังนี้ เรื่อง ขอปวารณา (เปิดโอกาส) รับการตรวจสอบ เพื่อทำความจริงให้ประจักษ์แก่ประชาชน ในกรณีถูกกล่าวหา
โดย บุคคลผู้ใช้ชื่อว่า ดร.เบญจ์ บาระกุล เป็นต้น ตามข้อเขียนในหนังสือพิมพ์ "พิมพ์ไทย" และหนังสือ "เปิดโปงขบวนการล้มพุทธ" และเอกสารสืบเนื่องอื่นๆ
เจริญพร ท่านนายกรัฐมนตรี
อ้างถึง 1. หนังสือพิมพ์ "พิมพ์ไทย" ฉบับพิเศษ ประจำวันเสาร์ที่ 7 ส.ค.2542 หน้า 2 เรื่อง ความจริงทางวิชาการ โดย ดร.เบ็ญจ์ บาระกุล "อุดมธรรม-นิพพาน กับขบวนการล้มพุทธ" 2. หนังสือ "เปิดโปงขบวนการล้มพุทธ" โดย ดร. เบญจ์ บาระกุล (ไม่ปรากฏ วัน เดือน ปี สถานที่พิมพ์ และผู้รับผิดชอบในการพิมพ์) 3.
เอกสารเพื่อความดำรงมั่น
และตั้งอยู่ตลอด กาลนาน แห่งพระพุทธศาสนา รวบรวมโดย กลุ่มเปรียญธรรม
สิ่งที่ส่งมาด้วย สิ่งพิมพ์ที่อ้างถึงอย่างละ 1 ฉบับ
ด้วยได้มีผู้ได้รับแจกสิ่งพิมพ์ ที่อ้างถึง ณ ต่างกาล ต่างสถานที่ แล้วนำมามอบให้แก่อาตมาภาพ ปรากฏว่า สิ่งพิมพ์ที่อ้างถึง ได้ตีพิมพ์ข้อเขียนและเรื่องราวต่างๆ
เกี่ยวโยงกับปัญหา
กรณีวัดพระธรรมกาย โดยมีข้อความที่เป็นการกล่าวหา หรือทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดต่ออาตมาภาพ เกี่ยวโยงไปถึงบุคคลและหน่วยราชการ พร้อมทั้งองค์กรการกุศลต่างๆ
หลาย ประการ เช่น
ข้อกล่าวหาล้วนรุนแรง
1. กล่าวหาหรือทำให้เข้าใจผิดว่า อาตมาภาพริเริ่มหรือกำกับอยู่เบื้องหลังการที่จะให้มีการออก พ.ร.บ.สงฆ์ฉบับใหม่ และ พ.ร.บ.คุ้มครองและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา และว่า กฎหมายใหม่ที่จะออกมานั้น มุ่งจะยึดอำนาจ หรือทำลายคณะสงฆ์ ทั้งที่อาตมาภาพ ไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แม้แต่ ศธ.ตั้งให้เป็นที่ปรึกษาฯ เร็วๆ นี้ ก็ยังไม่เคยไปประชุม
ทำได้
เพียงส่งข้อคิดเห็นไปให้ เมื่อสิ้นก.ค.42 นี้ (ดังฉบับเพิ่มเติมที่แนบ)
2. กล่าวหาหรือเข้าใจผิดว่า อาตมาภาพแทรกแซง หรือแอบแฝงเข้าไปในมหาวิทยาลัยมหิดล แล้วแก้ไขบิดเบือนพระไตรปิฎก โดยสร้างเป็นระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งที่ความเป็นจริง มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ริเริ่มโครงการเอง โดยมติของสภามหาวิทยาลัย เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาส รัชมังคลาภิเษก 2 ก.ค. 2531 แล้วจึงนิมนต์อาตมา เป็นที่ปรึกษา
ซึ่งได้ตกลง
ใช้พระไตรปิฎกบาลี ฉบับสยามรัฐ ที่เป็นฉบับหลวงเดิม
3. กล่าวหาหรือทำให้เข้าใจผิดว่า อาตมาภาพ ดูหมิ่น สถาบันพระมหากษัตริย์ โดยยกคำกล่าวอ้าง ที่ไม่เป็นจริง ทั้งที่อาตมาภาพทำงานเผยแพร่สั่งสอนธรรม
ไปตามหลักการ
ปฏิบัติหน้าที่ของพระสงฆ์เท่านั้น
4. กล่าวหาหรือทำให้เข้าใจผิดว่า มีกลุ่มหรือขบวนการที่ใช้เงินถึง 438 ล้านบาทบ้าง มากกว่า 500 ล้านบาทบ้าง เพื่อโปรโมทตัวบุคคลในขบวนการ คือ อาตมาภาพ
ด้วยการจัด
รายการทางวิทยุโทรทัศน์ทุกช่องสถาบัน และสื่อมวลชนทุกแขนง ทั้งที่แท้จริง อาตมาภาพ ทำงานเผยแผ่ธรรมะ ไปตามควรแก่หน้าที่ของพระภิกษุ อย่างเป็นเอกเทศ
โดยที่สื่อ ทั้งหลาย จะมาถ่ายทำ หรือถ่ายทอดหรือไม่ ก็เป็นไปโดยอิสระ ตามความริเริ่มสนใจของสื่อเอง และอาตมาภาพมักขอปฏิเสธเสียมากกว่า เพราะมีปัญหาสุขภาพมาตลอด
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่กล่าวหาอีกมากหลาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสถาบันและองค์กรต่างๆ เช่น มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดอุโมงค์ วัดสวนแก้ว รายการธรรมะร่วมสมัย วิทยุอสมท. นสพ.เดลินิวส์ มูลนิธิพุทธธรรม มูลนิธิโกมลคีมทอง มูลนิธิเด็ก ศูนย์ศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ตลอดจนโยงตัวบุคคล เข้ามาด้วยการพิมพ์รูปถ่ายของ
นาย เสถียรพงษ์ วรรณปก และ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นต้น
อาตมามั่นใจบริสุทธิ์
อาตมาภาพ รู้ตระหนักและมั่นใจตนเองว่า ได้ทำงานอย่างบริสุทธิ์โปร่งใส โดยสมบูรณ์ เพื่อพระธรรมวินัย และประโยชน์สุขแก่ประชาชน ตลอดมา ตรงข้ามกับคำที่กล่าวหานั้น แม้จะมีผู้แนะว่า ควรฟ้องหมิ่นประมาท แต่เห็นว่า โดยสมณวิสัย ย่อมไม่ทำร้ายตอบ และไม่ต้องการเอาโทษแก่ผู้กระทำร้ายตน จึงคิดจะรอเวลาให้ความจริงพิสูจน์ตนเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ผู้รู้เข้าใจ จะไม่เชื่อถือต่อสิ่งพิมพ์เหล่านี้ เพราะรู้ทันว่า เป็นเท็จอย่างไร และพอจะมองเห็นเหตุผลที่ทำให้มีการจัดทำสิ่งพิมพ์เช่นนี้ ขึ้นมาเผยแพร่ แต่บัดนี้ ปรากฏว่า ได้มีการเผยแพร่สิ่งพิมพ์เหล่านี้ พร้อมทั้งสิ่งพิมพ์ที่สืบเนื่องจากสิ่งพิมพ์เหล่านี้ เพิ่มขึ้นๆ อย่างมากมาย กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง กล่าวได้ว่า ทั่วประเทศ
เนื่องจาก การกระทำที่กล่าวนั้น นับว่า เป็นการกล่าวหาหรือกล่าวโทษต่อประชาชน คนจำนวนมากที่ไม่รู้ ความเป็นมาเป็นไป อาจหลงเข้าใจผิดไปตาม
และจะก่อผลเสียหาย อย่างมาก ต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา และประเทศชาติ เพราะ
แจงภารกิจหน้าที่พระ
ก.งานเผยแผ่สั่งสนอธรรมที่อาตมาภาพปฏิบัติอยู่ มีจุดหมายเพื่อความเจริญงอกงาม และประโยชน์สุขของประชาชน ควรให้ประชาชนมั่นใจว่า ผู้ที่ทำงานนี้
ปฏิบัติกิจหน้าที่โดย สุจริต มีเจตนาบริสุทธิ์ต่อประชาชน อย่างแท้จริง
ข. หน่วยราชการด้านสื่อสาร และองค์กรการกุศลต่างๆ ที่พลอยถูกกล่าวหารวมไปด้วย ในเรื่องนี้ ควรจะเป็นที่มั่นใจของประชาชนว่า ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต โปร่งใส
ค. หน่วยงานสำคัญของราชการ ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ คือสภาความมั่นคงภายใน ถูกกล่าวอ้างว่า มีข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมที่กล่าวหาข้างต้น ซึ่งจะขอดูได้ จึงควรนำข้อมูลเหล่านั้นมาแสดง เพื่อให้ความจริงปรากฏชัดเจน
ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับผลประโยชน์ ของประเทศชาติ และประชาชนดังกล่าวนี้ แม้ว่าอาตมาภาพจะไม่ประสงค์เอาโทษกับผู้กล่าวหา ด้วการฟ้องหมิ่นประมาท เป็นต้น
แต่ก็ควรทำ
ความจริงให้ประจักษ์แก่ประชาชน ช่วยให้พุทธศาสนิกชน โล่งเบาสบายใจ
จี้นายกฯ สอบด่วน
ดังนั้น อาตมาภาพ จึงเจริญพรมา เพื่อว่า หากเป็นไปได้ ท่านนายกฯ จะได้โปรดมีบัญชาไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการทหารสูงสุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวน หรือพิสูจน์ความจริง หากปรากฏผลว่า อาตมาภาพทำความทุจริตจริง ตามข้อกล่าวหา จะได้ลงโทษตามกระบิลเมือง
หากสอบสวนแล้ว ปรากฏผลพิสูจน์ว่า ข้อกล่าวหานั้น เป็นเพียงการปั้นแต่งเรื่องขึ้นใส่ความ โดยไม่มีมูลความจริง หรือเป็นการบิดเบือนความจริง ก็เพียงแต่ขอให้ทำความจริงนั้น ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชน โดยไม่ขอเอาโทษกับผู้กล่าวหา
อาตมาภาพหวังในความอนุเคราะห์ และขออนุโมทนาล่วงหน้า ณ โอกาสนี้เป็นอย่างยิ่ง
อนึ่ง อาตมาภาพได้แนบ "ข้อคิดเห็นเบื้องต้นเกี่ยวกับการปรับปรุงการปกครองคณะสงฆ์" ที่เสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการ มาพร้อมนี้ด้วย