ปีที่ 2 ฉบับที่ 743 ประจำวันอังคารที่ 27 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542 |
สับสน
สาวสายเดี่ยวทำเสียวว่าเซ็กซี่ คนบวชชีว่าอกหักเพราะรักขม
คนทำบุญเพื่อนสั่งห้ามกลัวล่มจม คนโสมมพวกยกย่องว่าเยี่ยมจริง
แหล่งข่าวเจาะคนเจาะข่าว เปิดแถลงแจงสี่เบี้ยว่าด้วยเรื่องวัดพระธรรมกาย เพราะยิ่งดูกลุ่มผู้ปกป้องศาสนา ยิ่งเลยเถิดเตลิดเปิดเปิง ยิ่งกว่าดูตลกคาเฟ่
เมื่อวันก่อนได้เห็นข่าวหนังสือพิมพ์หน้า 1 บางฉบับ ได้ลงรูปโกนหัวประท้วง ก็ไอ้พวกเก่านั่นแหละ ที่เมื่อก่อนโกนหัวข้างเดียว มาเที่ยวนี้ โกนหัว 2 ข้าง เผลอๆ เที่ยวหน้า อาจ แสดงกล "ตัดคอ" กลางตลาดนัดให้ดูก็ได้
อั๊บดุล .. ตามมานี่ ถามอะไร .. รู้ รู้ด้วยอะไร รู้ด้วยรักยม ของครูของอาจารย์
อั๊บดุล .. คนผมยาวนี่ผู้หญิงหรือผู้ชาย .. ผู้หญิง รู้ได้ยังไงว่าเป็นผู้หญิง ... เพราะว่า เธอมีหน้าอก แต่ไม่ได้ใส่ยกทรง .. ฮา
ที่เขียนถึงเรื่องนี้ก็เพราะว่า เราเริ่มทนดูต่อไปไม่ไหว เนื่องจากเรื่องข้อพิพาทวัดพระธรรมกาย เป็นเรื่องของพระของเจ้า ก็ควรปล่อยให้พระท่าน ตัดสินกันเอง แต่นี่ดันมีรูปแบบ ประท้วงเหมือนกับ "โจ๊กการเมือง" มันเลยไม่ค่อยเข้าท่า
ฮี่โธ่ .. ก็อีกฝ่ายหนึ่งนั่งสงบอยู่ ไม่พูดไม่จา ไม่ต่อว่า ให้คนอื่นเจ็บช้ำ แต่อีกฝ่ายหนึ่งตลกโปกฮา แสดงมุขเด็ดให้ดูเป็นรายวัน
เลยทำให้ทั่นผู้ชมที่นั่งลุ้นอยู่ทางบ้าน พากันสับสนด้วยความมึนงง!!
ที่สับสนก็เพราะว่า ดูไม่ออกว่า ใครเป็นพระ ใครเป็นมาร กันแน่??
จริงๆ แล้ว ถ้ามองกันแบบพื้นๆ ไม่ต้องลึกซึ้งอะไรมากนัก คนมีสติปัญญา ก็ควรจะมองออกว่า พฤติกรรมของใครมีความเหมาะสมมากกว่ากัน
ถ้ายังมืดบอดมองกันไม่ออก แสดงว่า เป็นพวกกะโหลกหนาปัญญาทึบ หรือไม่ก็เป็นพวกที่แกล้งไม่เข้าใจ คือรู้อะไรเป็นอะไรอยู่ แต่ทำไม่รู้มันซะหยั่งงั้นแหละ
อีกเรื่องหนึ่ง ที่อยากจะพูดถึงในกรณีวัดพระธรรมกาย ก็คือ เรื่องที่ตำรวจไล่ตรวจสเตทเม้นท์ การโอนเงินเข้าออกบัญชีของวัดพระธรรมกาย นั้น
เรื่องนี้ เราอยากบอกว่า ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ที่ไม่เหมาะสมก็คือ บัญชีของธนาคารน่ะ เป็นสิทธิส่วนบุคคล ถ้าว่ากันตามรัฐธรรมนูญ เท่ากับว่า กรมตำรวจ กำลังละเมิด สิทธิของวัดพระธรรมกาย
เท่านั้นยังไม่พอ ยังเอาข้อมูลการโอนเงินในบัญชีของวัด มาเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน แม้หนังสือพิมพ์จะไม่ระบุว่า ใครเป็นคนให้ข่าว โดยอ้าง "แหล่งข่าว"
แต่เมื่อข่าวรั่วไหลออกไป คนที่จะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้แบบเต็มๆ ก็คือ พี่วาสนา เพิ่มลาภ
เห็นที หลังจากเรื่องวัดพระธรรมกายจบ ดีไม่ดี พี่วาสนา อาจจะไม่ได้ลาภเพิ่ม เพราะว่าดูวิธีการดำเนินคดีของพี่ทั่น ตอนนี้แล้ว อยากบอกว่า "เกินธง" มากไปหน่อย
แหม.. ทีกับไอ้พวกปล้นชาติปล้นประชาชน โดยเฉพาะพวกเจ้าของไฟแนนซ์ และเจ้าแบงก์ที่ล้มบนฟูก หอบเงินไปกกเมียน้อยเมืองนอกน่ะ ทำไมไม่จัดการ
พอจะเอาจริงเข้า ปรากฏว่า ตำรวจมักจะอ้างว่า ไม่สามารถตรวจสอบสเตทเม้นท์ ของไอ้พวกชูชกได้ เพราะถือว่า เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
อยากถามเหมือนกันว่า พระธัมมชโย กับ เจ้าของไฟแนนซ์ ใครน่ากลัวกว่ากัน ใครสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมมากน้อยกว่ากัน
เรื่องนี้ มองกันได้ไม่ยาก ในขณะที่เจ้าของไฟแนนซ์ เจ้าของแบงก์ จ้องโกงเงินแบงก์ตัวเองทุกลมหายใจเข้าออก แต่วัดพระธรรมกายกลับพยายาม "อัด" ศีลธรรมให้เข้าไปอยู่ในสังคม ในชุมชน
โครงการบ้านกัลยาณมิตร เนี่ย ถือเป็น กู๊ดโปรเจคท์ เพราะจำลองวัดเข้าไปอยู่ในชุมชน ดึงคนให้เข้ามาสวดมนต์นั่งสมาธิ
ถ้าจะพูดกันให้ชัดเจนเลยก็คือ โครงการนี้เป็นโครงการพิฆาตอบายมุข ชั้นยอด ดีกว่าโครงการ "เมาไม่ขับ" ของตำรวจตั้งเยอะ
แต่เชื่อมั้ยว่า "เสือก" มีคนคัดค้านอีก ไม่รู้ว่า ไอ้พวกที่ค้าน สติมันสมประกอบอยู่หรือเปล่า เขาเอาของดีใส่เข้าไปในสังคม ดันหาว่า วัดพระธรรมกาย มีเจตนาไม่ดี พยายามยึด ประเทศไทย อะไรทำนองนั้นแหละ
โทษทีเถอะพี่ คิดผิดคิดใหม่ได้ ทุกวันนี้ ที่สังคมเราย่ำแย่ เป็นเพราะว่า เราไม่ส่งเสริมให้คนทำความดี
ใครทำความชั่วก็รู้สึกโก้เก๋ ส่วนใครทำความดี ก็หาว่า "สร้างภาพ" หรือไม่ก็ต้องการ "ดูดทรัพย์" ชาวบ้าน มองมันในแง่ร้ายกันไว้ก่อน
ดังนั้น ทุกวันนี้ในเมืองไทย เลยหาคนทำความดียาก เพราะเขากลัวจะกลายเป็นตัวประหลาด หรือไม่ก็ขี้เกียจเป็นขี้ปากชาวบ้าน สาวนุ่งขาวห่มขาว ใส่ผ้าถุงยาวปิดตาตุ่ม ก็หาว่า เขางมงาย ส่วนสาวสายเดี่ยวสายคู่ แต่งตัวล่อไอ้หื่นให้ข่มขืน สังคมกลับยกย่องว่า กล้าหาญ เป็นผู้นำแฟชั่น ถูกมองว่า "เซ็กซี่"
เมื่อสังคมนิยมให้คนทำชั่ว ไม่สรรเสริญคนดี แล้วบ้านเมืองมันจะเจริญได้อย่างไร .. พี่เบื๊อก
[หน้าหลัก] [หน้า1][วิวาทะ][ปุจฉา][สหัสวรรษ][เจาะคน][กระแสโลก] |