ปีที่ 2 ฉบับที่ 743 ประจำวันอังคารที่ 27 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542

วิวาทะ

เทวทัตรีดไถเงิน "ธรรมกาย" สัมพันธ์ใดกับ "มาณพ พลไพรินทร์"

พาดหัวข่าวหน้า 1 พิมพ์ไทย "เทวทัตไถ ธรรมกาย" มีเพียงพิมพ์ไทยฉบับเดียวเท่านั้น ที่หยิบประเด็นนี้มาเป็นข่าวใหญ่ ส่วนฉบับอื่นๆ ล้วนแต่เสนอข่าว เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เบี้ยวไม่ยอมรับฟังข้อกล่าวหา 6 สิงหาคมนี้

เป็นเรื่องที่แปลก แต่จริง…

ตรงที่ว่า ประเด็นพระราชภาวนาวิสุทธิ์เบี้ยว กลับไม่มีใครนำมาวิพากษ์วิจารณ์

ทว่าเรื่องของเทวทัตรีดไถเงินวัดพระธรรมกาย กลับมีคนกินปูนร้อนท้อง ออกมาปฏิเสธลิ้นพัน แสดงความบริสุทธิ์ใจของตนเอง ตั้งแต่ศีรษะจรดหาง (เท้า)

บุคคลผู้นั้นก็คือ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนา "มาณพ พลไพรินทร์"

ทำไมมาณพ พลไพรินทร์ จึงออกมาปฏิเสธเทวทัตรีดไถเงินวัด และท้าให้ทางวัดพระธรรมกายฟ้องร้อง เอาหลักฐานมาแฉกันให้รู้แล้วรู้รอด

แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญพิเศษผู้นี้ จะออกมาปฏิเสธว่า เขาไม่มีพฤติกรรมรับเงิน หรือรีดไถเงินวัด หรือหารับประทานกับพระกับเจ้าก็ตามที

แต่ มาณพ พลไพรินทร์ ยอมรับว่า มีคนในกรมการศาสนา มีพฤติกรรมเป็นเทวทัตรีดไถเงินวัดพระธรรมกาย แต่ไม่ขอพูดว่าเป็นใคร

สรุปว่า รู้ว่าใครคือคนใจบาปหยาบช้า เป็นเทวทัตกลับชาติมาเกิด เป็นมารพระศาสนา แต่ไม่ขอเปิดเผยเดียรถีย์

ปล่อยคนชั่วให้ลอยนวล

มาณพ พลไพรินทร์ ยืนยันในความขาวบริสุทธิ์ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซ้ำยังรู้ด้วยว่า ใครคือเปรต สัมพเวสี รีดไถเงินบุญที่ญาติโยมเขานำมาบริจาคให้พระสงฆ์

แต่ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนา ผู้นี้กลับวางเฉย ปล่อยความเลวระยำให้ระเริงหลงอยู่แต่กิเลสตัณหาฝ่ายต่ำ

ผมสับสนต่อพฤติกรรมและบทบาทของ มาณพ พลไพรินทร์ จริงๆ ครับ

ไม่อยากเชื่อเลยว่า ข้าราชการระดับสูง ทำงานอยู่ในกระทรวงที่ส่งเสริมปกป้องสถาบันหลักของชาติ จะมีความคิดอ่านแค่เด็กอมหัวแม่มือ

รู้ทั้งรู้ว่าใครคอรัปชั่น ทำลายพระศาสนา ซึ่งเป็นหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนที่จักต้องช่วยกันปกป้องอยู่แล้ว กลับเพิกเฉย ปล่อยคนชั่วให้ลอยนวล

ไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไร หากจะคิดถึงเรื่องข้าราชการขี้ฉ้อ กินใต้โต๊ะ ทวนน้ำ ตามน้ำ แต่เรื่องนี้มันงาบกันในวัด รุมทึ้งผลประโยชน์ของวัด แสวงหาเงินทองจากพระสงฆ์

ผมในฐานะชาวพุทธคนหนึ่ง ไม่มีตำแหน่งใดในกรมการศาสนาเหมือนท่าน ก็อดที่จะเขียนวิจารณ์ถึงความต่ำช้านี้ไม่ได้

และก็ไม่ทราบว่า ทำไม มาณพ พลไพรินทร์ จึงวางอุเบกขา ใช้ธรรมผิดจังหวะ ผิดวัตถุประสงค์ ผิดกาลเวลา อย่างนี้

ไม่ทราบว่าตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนา ได้มาตามวิริยะอุตสาหะเพียงใด เพราะเห็นพฤติกรรมอย่างนี้แล้ว

บอกตรงๆ แบบไม่กลัวโกรธ ชาตินี้อย่าหวังเป็นอธิบดีกับเขาเลย

โจทย์ง่ายๆ อย่างนี้ยังสอบไม่ผ่าน…

หากไม่มีใจคิดปกป้องพุทธศาสนาดังโฆษณาชวนเชื่อ แล้วก็ควรคิดถึงบ้านที่ท่านพักอาศัย บ้านหลังนั้นก็คือ กรมการศาสนา นั่นเอง

แปลกแต่จริง คนที่ประกาศตนเองขาวสะอาดผุดผ่อง ทำไมจึงปล่อยให้บ้านของตัวเองเน่าเหม็นถึงเพียงนี้

โดยปกติคนสะอาดเขาต้องอาบน้ำเพื่อชำระสิ่งปฏิกูลที่เกาะตามร่างกายอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

แต่วันนี้ พฤติกรรมของ มาณพ พลไพรินทร์ มองได้ว่า ท่านอาบน้ำ 7 วัน/ครั้ง วันนี้บ้านท่านสกปรกถึงขนาดมีคนมักง่าย ขับถ่ายหนักเบาไม่เลือกที่ รดไว้บนบ้าน

ท่านกลับนั่งทับขับถ่ายหนักเบานั้นได้อย่างไร ไม่รังเกียจ

บวกกับการที่ท่านแสดงภาพเข้าทำนองว่า อาบน้ำ 7 วัน/ครั้ง ซ้ำยังไม่รังเกียจที่จะนั่งนอนทับอยู่กับกองหนักเบา

อย่างนี้ออกมาพูดว่า ตัวเองสะอาดคงเป็นเรื่องที่ชวนขัน เพราะสะอาดของท่านกลับมีแต่ฝูงแมลงวันพากันดอมดม หามีหมู่ผึ้ง แมลงสะอาดดอมดมไม่

จะมาปฏิเสธความรับผิดชอบเหมือนนักโกงเมือง เอ้ย! นักการเมืองไม่ได้

เพราะก่อนหน้านี้ ผมก็เคยเขียนถึงกาฝากในกรมการศาสนา ที่ชอบหากินกับพระชนิดไม่กลัวนรก บาป บุญ คุณ โทษ

แต่ผลก็กลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง….

หรือสังคมวันนี้มีแต่ผู้คนมืดบอด ก่นด่า รุมกระทืบคนดี ส่งเสริมคั่วชาติให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน บ้านเมืองจึงมีแต่นักการเมืองทุศีล และข้าราชการกังฉิน แสวงหาประโยชน์ เข้ากระเป๋าตนเอง

เนี่ยแหละครับ เรื่องศีลธรรมขั้นพื้นฐาน แม้แต่คนในกรมการศาสนา ยังประพฤติและมองข้ามปัญหาเสียเอง จะหวังอะไรกับกรรมาธิการการศาสนา ที่มี เด่น โต๊ะมีนา เป็นประธาน กมธ.

ที่ท้าให้ทางวัดเขาฟ้องร้อง อย่านึกว่าไม่มีหลักฐาน เพราะทุกวันนี้ก็ไม่ปรากฏเลยว่า อาชญากรรายใดก่อเหตุแล้วไม่ทิ้งหลักฐาน

คิดไปคิดมาก็ถูกตามที่ มาณพ พลไพรินทร์ ตีขนดกดหัวพระ

ฟ้องซิครับพระคุณเจ้า 6 สิงหาฯ ผมจะฟ้องอีกคดี ในฐานะที่เป็นพระแล้วดันไม่เจียมตัว ทะลึ่งฟ้องฆราวาส อาบัติปาราชิก เป็นของท่านอีกกระทง

เวรจริงๆ ครับ เกิดเป็นพระ จะกระดิกขยับอะไรไม่ได้เลย พนมมือกราบไหว้พระพุทธเจ้าทุกเช้าค่ำ ก็มีคนใจบาปหยาบช้าออกมากล่าวหาว่า ท่านจับอาวุธเข่นฆ่าผู้คน บ้างก็นำความ มักคุ้น มักมากในกามารมณ์ของตัวเอง มาเปรียบเทียบกับพระ

เรื่องวุ่นก็เลยวุ่นกันไม่รู้จักจบสิ้น เหลือเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมงจะเข้าพรรษาแล้ว ตั้งสตินึกถึงแต่เรื่องดีๆ สบายใจกว่าครับ ศีล 5 ที่ยังดี ที่ด่างพร้อยอยู่ ก็ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อย

อย่าปล่อยให้ลูกเขาเมียใครมาถอนหงอกได้ มันบ่งามดอกนาย

โซตัส

[หน้าหลัก] [หน้า1][วิวาทะ][ปุจฉา][สหัสวรรษ][เจาะคน][กระแสโลก]

1