ปีที่ 2 ฉบับที่ 743 ประจำวันอังคารที่ 27 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542 |
"มาณพ" ร้อนสินบน ธรรมกาย!!
สารภาพคนกรมฯ ไถวัด
ส.ศิวรักษ์จัดงานด่าพระ ลั่นล้มคณะปกครองสงฆ์ สายอื่นเลวเว้นพระปยุต
"มาณพ" ปฏิเสธลิ้นพัน ไม่เคยไถเงินธรรมกาย แต่ยอมรับว่า มีคนกรมการศาสนา สวมบทบาทเทวทัต รีดเงินวัดจริง แต่ไม่ขอพูดถึง ด้าน พิภพ-เสี่ยตือเต้น โทษถึงคุกรชก. ด้าน "วิชัย" ติดเบรก "สมศักดิ์" ใจเย็นๆ ระบุศรัทธาเรื่องละเอียดอ่อน ด้านผู้เฒ่าปากเหม็น ส.ศิวรักษ์ จัดไฮปาร์คด่าพระทั่วประเทศ เห็นแก่ลาภสักการะ-สมณศักดิ์ จัดฉากผ้าป่าช่วยชาติ - สร้าง ร.ร. ร.พ. ไม่ใช่กิจสงฆ์ ยกเว้นธรรมปิฎกดีเลิศ ลั่นล้มคณะปกครองสงฆ์ สังฆราชไม่มีก็ได้
พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.ประจำ ส.ตร. หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนกรณี พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เปิดเผยกรณี น.ส.อมรรัตน์ สุวิภัทร หรือสีกาตุ้ย ศิษย์วัดพระธรรมกาย ขอเลื่อนนัดสอบปากคำตามที่มีหมายเรียก เป็นหลังวันเข้าพรรษา โดยให้เหตุผลว่า ต้องการปฏิบัติธรรม ในช่วงนี้ ซึ่งพยานรายใดที่ไม่มาให้ปากคำ จะออก หมายเรียกซ้ำ ส่วนนางสงบ ปัญญาตรง กรรมการมูลนิธิ วัดพระธรรมกาย ซึ่งออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ ๓ แล้ว ให้มาสอบปากคำ ในวันศุกร์ที่ ๓๐ กรกฎาคมนี้ หากไม่มาต้องพิจารณาว่า จะทำอย่างไรต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานชุดสืบสวนได้ประสานกับธนาคารต่างประเทศหลายแห่ง ที่คาดว่า จะเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย เพื่อขอข้อมูลบัญชีเงินฝาก ที่มีการโอนถ่ายเงิน นอกจากนี้ชุดสืบสวนได้สืบทราบว่า ขณะนี้วัดพระธรรมกาย กำลังรวบรวม พยานหลักฐาน เพื่อฟ้องกลับ พนักงานสืบสวน ที่ให้ข่าวพาดพิงถึง และสื่อมวลชนที่เสนอข่าว
ด้าน พ.ต.ท.(หญิง) ศิริมา วงศ์สุวรรณ รองผู้กำกับการ งานตรวจสอบภายใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับมอบหมาย เป็นผู้ตรวจบัญชี ศิษย์วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า จะใช้ระบบ คอมพิวเตอร์ออนไลน์ มาตรวจสอบข้อมูลบัญชีเงินฝาก ของวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย เพราะมีตัวเลขจำนวนมาก โดยจะเชื่อมโยงระบบข้อมูลจาก ธนาคารพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้อง โดยตรง ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
เสี่ยตืออุ้ม "จรวย"
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีศิษย์วัดพระธรรมกาย ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการ กระทรวงศึกษาธิการ บังคับให้ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เรียกเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไปรับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ ว่า ไม่ใช่การบังคับ เพราะเป็นผู้มอบหมายให้นายจรวย ไปช่วยนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนาเอง ทุกอย่างทำไปตามกระบวนการโดยยึดกฎหมายเป็นตัวตั้ง ไม่ได้ยึดตัวบุคคล โดยจะไม่มีการเลื่อนวันเรียก พระธัมมชโย มารับทราบข้อกล่าวหา หรือเปลี่ยน สถานที่จาก วัดมูลจินดาราม เป็นที่อื่น ตามที่ศิษย์วัดพระธรรมกายเรียกร้อง หากพระธัมมชโย ยังไม่ยอมมารับทราบข้อกล่าวหา ตามวันดังกล่าว จะดูเหตุผลก่อนว่า เป็นอย่างไร ก่อนจะ กำหนดแผนดำเนินการต่อไป
รีดไถเงินวัดโทษถึงคุก
สำหรับกรณีเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา ขู่รีดไถเงินวัดพระธรรมกายนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากกรมการศาสนา หากมีจริงถือว่า เข้าข่ายขู่บังคับ หรือกรรโชกทรัพย์ ถ้าใครมีหลักฐาน ขอให้ไปดำเนินการตามกฎหมายได้เลย และนอกจากมีโทษติดคุกแล้ว ยังมีโทษไล่ออกจากราชการด้วย
วิชัยกระตุกสมศักดิ์
นายวิชัย ตันศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จะมารับทราบข้อกล่าวหา ตามที่เจ้าคณะจังหวัด กำหนดไว้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พยายามแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้มีการเผชิญหน้ากัน โดยกระทรวงศึกษาธิการ เป็นฝ่ายประสาน เพื่อเร่งดำเนินการโดยเร็ว ขณะนี้ยังไม่อยากกำหนดระยะเวลา ในการแก้ปัญหา วัดพระธรรมกาย เพราะเป็นปัญหาของคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่จะแก้ไขได้ง่าย แต่ดีใจที่ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ เอาจริงในเรื่องนี้ แต่การแก้ปัญหา อาจจะยุติ ในด้านใดด้านหนึ่งก่อน เนื่องจากปัญหาที่แก้ไขได้ยากคือ เรื่องความเชื่อของคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิชัยได้ศึกษากรณีปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยอ่านหนังสือทุกเล่ม ที่วัดพระธรรมกายเขียน เพื่อเป็นข้อมูลในการสะสางปัญหานี้ เพราะที่ผ่านมา ยังไม่รู้ในรายละเอียดมากนัก จึงต้องการศึกษาก่อน ที่จะดำเนินการต่อไป เพื่อให้แก้ปัญหาเรียบร้อย ไม่เกิดความผิดพลาดขึ้นได้
แฉคนดีของเสี่ยตือ
แหล่งข่าวเปิดเผยถึงกรณีที่ วัดพระธรรมกาย ระบุว่า นายจรวย หนูคง ข่มขู่บีบบังคับพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เรียกพระธัมมชโยมารับฟังข้อกล่าวหา ในวันที่ 6 ส.ค. ว่า นายจรวยใช้วาจาและกริยาที่ไม่เหมาะสม และไม่สุภาพกับเจ้าคณะจังหวัดฯ โดยหยิบเอาปฏิทินมาไล่ดูว่า แต่ละวัน ต้องกิจนิมนต์อะไร คาดคั้นว่า ต้องได้ โดยตลอดระยะเวลา ได้แสดง น้ำเสียงข่มขู่ตลอด จนเลขาของพระสุเมธาภรณ์ ทนเห็นพฤติกรรมหยาบไม่ได้ จึงปรารภว่า ควรปล่อยให้ท่านมีอิสระในการทำงาน แต่ก็ถูกนายจรวยพูดจาตอบโต้ว่า ไม่ได้ถาม และไม่มี หน้าที่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องพูด ซึ่งบรรยากาศดำเนินไปเสมือนหนึ่งพนักงานสอบสวน เค้นเอาความผิดกับโจรห้าร้อย
"พิภพ" ลั่นลงดาบ
นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวถึงกรณีที่วัดพระธรรมกาย ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน ว่า มีคนในกรมการศาสนา รีดไถเงินจากวัดว่า ขอตรวจสอบข้อมูล ให้ แน่นอน ก่อน เพราะขณะนี้ทางวัดได้พูดผ่านสื่อมวลชนว่า จะเปิดโปงเรื่องนี้ โดยที่ตนยังไม่ทราบรายละเอียดหรือตัวบุคคล จึงไม่อยากให้มีการพาดพิงว่าเป็นใคร เพราะคนในกรมการศาสนา ที่ประสานงานกับ วัดพระธรรมกาย ในช่วงที่เกิดปัญหา มีตั้งแต่ตน จนถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายสังฆการ อย่างไรก็ตาม หากมีหลักฐาน ตนก็พร้อมที่จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด
ส่วนความหวั่นเกรงที่ว่า หากพระธัมมชโยไม่ยอมเดินทาง ไปรับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 6 สิงหาคม กรมการศาสนา ก็มีแผนรองรับแก้ปัญหาต่าง ๆ ไว้แล้ว ตามกระบวนการ ของสงฆ์ คือออกหนังสือเรียกตัว
"มาณพ" ตีปีกเจ้าคณะรับฟ้อง
นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนา กล่าวภายหลังเข้าพบพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ว่า พระสุเมธาภรณ์ ได้เรียกให้ไปรับทราบว่า ได้มีคำสั่งให้ รับคำกล่าวหา ที่มีต่อพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว กรณีประพฤติล่วงละเมิด พระธรรมวินัยหลายบทหลายธรรมต่างกัน
ยอมรับมีคนรีดไถวัดจริง
ส่วนกรณีที่ทางวัดพระธรรมกาย เปิดประเด็น คนกรมการศาสนารีดไถเงินนั้น นายมาณพ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้ ก่อนจะยอมรับว่า มีคนของ กรมการศาสนา รีดไถเงินวัดพระธรรมกายจริง แต่ไม่ขอพูดว่า เป็นใคร ทางวัดจะคิดอย่างไรกับตนก็ได้ หากมีหลักฐานก็ให้ฟ้องร้องได้เลย อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากให้สื่อ ให้ความสำคัญ ในเรื่องนี้ เพราะจะเป็นการเบี่ยงเบนประเด็น
ขณะเดียวกัน นายมาณพ ยังระบุว่า ได้แจ้งพระสุเมธาภรณ์ว่า จะแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยเพิ่มเติม กรณีละเมิดพระธรรมวินัย ที่เรียกว่า ภิกขุนีวิภังค์ ซึ่งระบุห้ามพระภิกษุฟ้องร้อง คฤหัสถ์ เกี่ยวกับเรื่องที่ดิน ซึ่งถือเป็นอาบัติปาราชิกทันที ซึ่งข้อกล่าวหานี้ สืบเนื่องจาก พระธัมมชโยได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งแก่ตน กรณีที่ตนไปกล่าวหาเรื่องที่ดิน แต่พระสุเมธาภรณ์ ได้แจ้งกับ ตนว่า สำหรับข้อกล่าวหาใหม่ให้รอแจ้งหลังวันที่ 6 สิงหาคมไปแล้ว
ส.ศิวรักษ์อุ้มพระปยุตฺ
อีกด้านหนึ่ง นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นักวิจารณ์ปากกล้า ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ธรรมกายฟางเส้นสุดท้ายแห่งความเสื่อมสลายของสถาบันสงฆ์ไทย" ซึ่งจัดโดย มูลนิธิ โกมลคีมทอง มูลนิธิพุทธธรรม และเสมสิกาขาลัย ณ โรงละครแห่งชาติ
ส.ศิวรักษ์ กล่าวว่า พระสงฆ์ไทยทุกวันนี้ หย่อนยานในพระธรรมวินัย แสวงหาลาภสักการะเป็นส่วนใหญ่ที่ดีๆ ก็เห็นจะมีเพียงพระธรรมปิฎก และคณะศิษย์ของท่านเท่านั้น
เล่นแรง ไม่ต้องมีสังฆราช
"ทางแก้ไขปัญหา เราต้องยกเลิก พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ฉบับปัจจุบัน รวมถึงเงินนิตยภัต และสมณศักดิ์ ทุกระดับ รวมถึงตำแหน่ง พระสังฆราช จะมีหรือไม่มีไม่สำคัญ ถ้ามีก็ไม่ควร พัวพัน กับลาภสักการะ
ทั้งนี้การให้พระสมณศักดิ์ ทำให้เกิดปัญหา พระอยากได้เลื่อนชั้นสมณศักดิ์ ก็ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พระผู้น้อยติดสินบนพระผู้ใหญ่ พระราชาคณะหลายวัด กลายเป็นหน้าไหว้ หลังหลอก ลับหลังเสพเมถุน ทั้งเพศเดียวกัน และต่างเพศ" ส.ศิวรักษ์ ชี้ทางแก้ปัญหา
จ้วงจาบหลวงพ่อคูณ
นายสุลักษณ์ ยังพูดพาดพิงถึงหลวงพ่อคูณว่า การที่พระสร้างโรงเรียนหรือโรงพยาบาล เช่น หลวงพ่อคูณ ก็ถือว่า เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่ใช่กิจของสงฆ์ การสร้างของเหล่านี้ เพราะ พระชั้นผู้น้อยทะเยอทะยาน อยากให้สำนักตนมีชื่อเสียง และยังก่อให้เกิดมิจฉาทิฐิ
ไอ้เฒ่าลามถึงหลวงตาบัว
ขณะเดียวกัน นายสุลักษณ์ พูดพาดพิงไปถึงหลวงตามหาบัว ก็ประพฤติตนไม่เหมาะสมเช่นกัน โดยเฉพาะกรณีออกมาเป็นตัวตั้งตัวตี เรี่ยไรเงิน และทองคำ ในโครงการผ้าป่ากู้ชาติ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์
"หลวงตามั่น, ฤาษีลิงดำ, หลวงพ่อจรัญ ที่อ้างรักษาโรคเอดส์ และหลวงตามหาบัว ก็ไม่แตกต่างกัน ในการอวดอภินิหาริย์ โดยเฉพาะหลวงตามหาบัว ลูกศิษย์เสกสรรค์ปั้นแต่งว่า เป็นอรหันต์ ก่อนที่ตัวเองจะบอกว่า เป็นเสียอีก วัดชลประทานฯ ก็ไม่ต่างจากวัดพระธรรมกาย พระปัญญาเน้นสอนแต่ศีลธรรมขั้นพื้นฐานเท่านั้น"
ไม่กลัวนรก ฉะหลวงพ่อสดซ้ำ
นายสุลักษณ์ กล่าวอย่างเมามันว่า การแก้ปัญหาวัดพระธรรมกาย ถ้าเขาจะอ้างอิงสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ก็ควรแยกนิกาย และไม่ควรอยู่ในพุทธ อาจจะไปตั้งศาสดาใหม่ โดยให้ หลวงพ่อสดเป็นศาสดาแทนก็ได้ และยังพูดเสียๆ หายๆ กับวัดปากน้ำ และตัวของหลวงพ่อสด
สำหรับปัญหาธรรมกาย จะจบคงอีกนาน เรื่องยาวทั้งทางโลกและทางธรรม ต้องต่อสู้กันหลายศาล ทางธรรม พระสงฆ์ ก็ไม่รู้วิธีพิจารณา ไม่รู้จักเอาวิธีทางโลกมาใช้ คงคาราคาซัง เหมือนกรณี พระยันตระ
"ธรรมกายรู้จักการจัดตั้ง ใช้การสื่อสารเป็นเครื่องมือ ซื้อนักการเมือง พระผู้ใหญ่ และซื้อสื่อ "พิมพ์ไทย" เป็นกระบอกเสียงอยู่เพียงฉบับเดียว ถ้าจะแก้ธรรมกาย จะต้องโค่นสถาบัน ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ต้องทำให้แรงยิ่งกว่าสมัยรัชกาลที่ 1-2 หรือทำแบบสมัยพระเจ้าอโศก" ส.ศิวรักษ์กล่าว
นี่แหละ ส.ศิวรักษ์
อนึ่ง ส.ศิวรักษ์ เป็นนักพูดปากกล้า เคยต้องคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และได้รับการอภัยโทษในเวลาต่อมา ก่อนหน้านี้ ต้นปี 2542 เขาก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์พระธรรมปิฎก ควรเจริญ ไตรสิกขา และควรหยุดวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับ กรณีธรรมกาย มีความเห็นสรุปว่า ท่านรับกิจนิมนต์ไม่เลือก จนทำให้มีอาการเบลอ อย่างไรก็ตาม เพียงระยะเวลาไม่กี่เดือน เขาก็ได้แสดง ความเคารพนับถือ พระธรรมปิฎก เป็นพระที่เคร่งครัด ต่อพระธรรมวินัย แต่เพียงผู้เดียวในยุคสมัยนี้ และมองว่า พระส่วนใหญ่เห็นแก่ลาภสักการะ
[หน้าหลัก] [หน้า1][วิวาทะ][ปุจฉา][สหัสวรรษ][เจาะคน][กระแสโลก] |