ปีที่ 2 ฉบับที่ 700 ประจำวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2542

หน้า 1

พระธัมมชโย ลุยโอนที่ดิน

ล๊อตแรก 304 ไร่ ที่เหลือทยอยยกให้

พระธัมมชโย โอนที่ดินล๊อตแรกให้วัดพระธรรมกาย 304 ไร่ ส่วนที่เหลือทยอยให้จนกว่าจะครบ แจงเหตุโอนไม่ครบทั้งหมด เพราะที่ดิน บางแปลงเจ้าของมีศรัทธาแรงกล้า ยกให้เจ้าอาวาสในนามส่วนตัว ต้องไปขอผู้บริจาคก่อน เผยกรมศาสนาแตกความเห็นเป็นสองฝ่าย ทั้งหนุนวัด และต้านวัด "อาคม-พิภพ" เครียดโอนที่ดินไม่ได้ดังใจ ปรับปรุงกฎหมายสงฆ์วุ่น พระปยุต ไขก๊อก เสนอเพิ่มอำนาจเจ้าคณะ ลงโทษพระนอกรีต ส่วนสมเด็จพระสังฆราช พระอาการดีขึ้น เสด็จออกจากพระตำหนักได้ ประชาชนเข้าเฝ้าได้แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 10 มิ.ย. นายมานิต รัตนสุวรรณ ที่ปรึกษาวัดพระธรรมกาย และนายวีรศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้ามูลนิธิธรรมกาย เข้าพบนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ที่ห้องทำงาน เพื่อเจรจาหารือในการโอนที่ดินของ เจ้าอาวาสว ัดพระธรรมกาย ให้เป็นของวัด ตามกำหนดเวลาที่กรมการศาสนาได้กำหนดให้วันที่ 10 มิ.ย. เป็นวันสุดท้ายในการดำเนินการโอน ขณะเดียวกัน ได้มีกลุ่มองค์กรชาวพุทธจำนวนหนึ่ง นำป้ายโจมตีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไปยืนถือที่หน้าห้องทำงานของอธิบดีกรมการศาสนา

โอนล๊อตแรก 304 ไร่

นายมานิต เปิดเผยภายหลังเข้าพบอธิบดีกรมการศาสนา เรื่องการโอนที่ดินของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า ได้เตรียมเอกสารการ โอน ที่ดิน มาโอนจำนวน 304 ไร่ ส่วนที่เหลือจะดำเนินการไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบ เนื่องจากยังมีปัญหาด้านเอกสารหลักฐาน ที่ต้องถามเจตนาของ เจ้าของที่ดินเดิมว่า ยอมเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์หรือไม่ อย่างไรก็ดี ตนเพิ่งจะทราบเมื่อเวลา 16.00 น.ของวันที่ 10 มิ.ย. ว่าจะต้องโอนที่ดิน ทั้งหมด จำนวน 1,747 ไร่ 2 งาน 87 ตารางวา ในชื่อของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ให้เป็นของวัดในวันดังกล่าว เพราะ 2 วันที่ได้ประสานงานกับ เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา ก็ได้คุยกันรู้เรื่องแล้ว ในขั้นตอนการโอนเพียงบางส่วน

นายมานิต กล่าวด้วยว่า ได้ทำตามเงื่อนไขที่จะโอนที่ดินทั้งหมดแล้ว และพร้อมที่จะนำเอกสารครอบครองที่ดิน ของเจ้าอาวาสวัด พระธรรมกาย มามอบไว้ให้กับอธิบดีกรมการศาสนา โดยระหว่างนี้จะพยายามเกลี้ยกล่อมให้เจ้าของที่ดิน ยอมเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ การโอน ที่ดิน

นายมานิต กล่าวอีกว่า ที่ดินทั้งหมด ที่มีคนมาให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ส่วนใหญ่เป็นที่ดินต่างจังหวัด และเจตนาของผู้โอนบางคน ไม่มีเงิน ต้องการขายให้วัด แต่วัดไม่มีเงิน เจ้าอาวาสก็ให้ลูกศิษย์ไปซื้อ เพื่อเอาเงินไปทำบุญในวัด และบางคนบริจาคให้วัด เป็นที่ปฏิบัติธรรม เป็นโรงเรียน ถ้ามีการโอนให้เป็นของวัด จะเป็นที่ธรณีสงฆ์ ทำได้ลำบาก

"พิภพ" ยังไม่รับเงื่อนไขโอน

นายพิภพ กล่าวว่า เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายโอนที่ดินเพียง 304 ไร่เท่านั้น โดยมีอยู่ 12 แปลง อยู่ในเขตจังหวัดชลบุรี จันทบุรี และลพบุรี ซึ่งเอกสารการโอน ตนก็ยังไม่รับเป็นเงื่อนไข เพียงแต่รับไว้ตามระบบงานสารบัญ และเมื่อการที่โอนที่ดิน ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้ให้ไว้ ก็จะรายงานผลให้กับนายอาคมทราบหลังจากนี้ เพื่อจะได้สั่งการว่า จะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป

“ผมยังยืนยัน และย้ำอยู่ว่า น่าจะเป็นชั่วโมงเร่งด่วนของกรมการศาสนา ที่จะเสนอรายงานไปที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ทราบด้วยวาจา แล้วจะพิจารณาสั่งการอย่างไร ขณะเดียวกันจะทำหนังสือรายงานไปพร้อมกันด้วย คาดว่ารายงานที่เป็นหนังสือจะถึงในวันที่ 11 มิถุนายน” นายพิภพ กล่าว

นายอาคม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อมูล ขอดูรายละเอียดก่อนว่า ทำไมไม่โอนให้หมด ตามที่กรมการศาสนากำหนดไว้ และอยากดูด้วย ว่าที่ดิน 304 ไร่ หลักฐานเอกสารโอนได้จริงหรือไม่ และถ้าอ้างว่า มีเจตนาที่จะโอนให้ทั้งหมด ควรเอาโฉนดทั้งหมดมาให้ เพื่อแสดงเจตนาว่า จะโอนจริง

ถกโอนที่ แตกเป็นสองฝ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานว่าในช่วงการเจรจาเรื่องการโอนที่ดิน ระหว่างกรมการศาสนาและตัวแทนวัดพระธรรมกายนั้น ปรากฏว่า มีความเห็นแตกต่างกันในส่วนของกรมการศาสนา เรื่องการโอนที่ดิน ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าต้องโอนทั้งหมด กับอีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าเพียงบางส่วนได้ เมื่อไม่สามารถตกลงกันได้ จึงได้เชิญตัวแทนวัดพระธรรมกายออก และหารือกันเองว่า จะทำอย่างไรกับกรณีนี้ ซึ่งฝ่ายนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนากับฝ่ายนิติกร ไม่เห็นด้วยกับการโอนที่ดินเพียงบางส่วน แต่อีกฝ่ายหนึ่ง มีนายอำนาจ บอกให้รับไว้ก่อน ในที่สุด ผลปรากฏมา คือยอมโอนเพียง 304 ไร่ ทั้งนี้ล่าสุด เมื่อเวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิภพ ได้เข้าพบนายอาคมแล้ว

ปรับปรุงกฎหมายสงฆ์

ทางด้านการประชุมคณะกรรมการศึกษาปัญหาและปรับปรุงการปกครองคณะสงฆ์ มีนายสุรัฐ ศิลปอนันต์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุม ปรากฏว่า พระธรรมปิฎก ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการ อาพาตไม่ได้มาร่วมประชุม โดยวาระที่สำคัญ ที่จะมีการ พิจารณา คือ การพิจารณาสภาพการปกครองคณะสงฆ์ ตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ และแนวทางการปรับปรุงคณะสงฆ์

โดยกรมการศาสนาได้ระบุถึงสภาพปัญหาของคณะเจ้าปกครองระดับต่ำลงมาจากมหาเถรสมาคม (มส.) ในการดำเนินการกับพระภิกษุ ที่ละเมิดพระธรรมวินัย เจ้าคณะผู้ปกครองไม่สะดวกในการวินิจฉัยโดยอาศัยกฎนิคหกรรม วิธีการปฏิบัติล่าช้า กรมการศาสนาเสนอออกกฎ เพิ่มอำนาจเจ้าคณะดำเนินการพระนอกรีต กรมการศาสนาได้เสนอให้ มส. ออกกฎว่าด้วยการกำหนดโทษทางการปกครอง และโทษที่ก่อให้เกิด ความเสียหายทางพุทธศาสนา เพื่อเป็นเครื่องมือของเจ้าคณะปกครอง เพราะมีพระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่ประพฤติ ก่อให้เกิดความเสียหาย และ เจ้าคณะไม่มีเครื่องมือที่จะยับยั้งได้ ขณะที่กรมการศาสนาก็ไม่มีช่องที่จะสนองงานเจ้าคณะได้เช่นกัน

ส่วนการแก้ไขปัญหาระยาว กรมการศาสนาได้เสนอให้มี การแก้ พ.ร.บ. คณะสงฆ์ให้มีการกระจายอำนาจให้เจ้าคณะสงฆ์ในส่วนภูมิภาค และให้หน่วยงานของรัฐที่มีความพร้อมด้านศาสนาเข้าไปร่วมดำเนินการกับเจ้าคณะ ให้เป็นไปด้วยความถูกต้องตามพระธรรมวินัย และกฎ มส.

แยกปกครองสงฆ์ออกจากโลก

หลังการประชุมนายสุรัฐ กล่าวว่า ที่ประชุมได้หยิบยกปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการสงฆ์ เช่น ยันตระ ภาวนาพุทโธ และธรรมกายโดยหารือกัน ในด้านการปกครอง คณะสงฆ์ที่ไม่คล่องตัว ซึ่งมีการเสนอให้แยกระบบการปกครองของทางโลก ออกจากการพิจารณาทางวินัย และข้อขัดแย้ง ที่เป็นปัญหาทางศาล ในทางคณะสงฆ์ออกจากกัน และจะได้นำร่างที่ได้มีการแก้ปกครองคณะสงฆ์เรื่องต่าง ๆ มาพิจารณา ก่อนยกร่างเสนอสู่ การประชุมสภาสมัยหน้า

รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมครั้งนี้ ยังพูดถึงการครอบครองทรัพย์สินของพระ ที่ได้มาก่อนบวช ถือเป็นกรรมสิทธิ์ได้ แต่หากได้มา ระหว่างบวชต้องเป็นของวัด นอกจากนี้ ตัวแทนพระธรรมปิฎกแจ้งว่า พระธรรมปิฎกขอลาออกจากการเป็นที่ปรึกษา และจะทำหนังสือเป็น ทางการ อีกครั้ง เนื่องจากอาพาต ขณะนี้ต้องงดยาทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณ

ด้านนายสุทธิพงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า คณะกรรมการฯ จะประชุมอีกครั้ง วันที่ 24 มิถุนายนนี้ โดยตั้ง คณะอนุกรรมการพิจารณาแก้ไข พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ร่าง พ.ร.บ. อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาตามมาตรา 73 ของรัฐธรรมนูญ ส่วนกฎ มส. ว่าด้วยการกำหนดโทษทางการปกครอง และโทษที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพุทธศาสนา กรมฯ ได้เสนอเข้าที่ประชุมเพื่อให้ คณะกรรมการฯ ทราบว่า การแก้ปัญหาส่วนมากเป็นความผิดด้านปกครอง แต่เจ้าคณะไม่มีเครื่องมือ ในการแก้ปัญหา และเรื่องต้องเข้า มส. ทุกครั้ง หากมีการแก้ไข จะทำให้เจ้าคณะปกครองชั้นต้นใช้เป็นเครื่องตัดสินได้โดยเร็ว อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันนี้ และหากคณะกรรมการ ชุดนี้เห็นด้วย ก็ต้องเสนอ มส. พิจารณาต่อไป

สมเด็จพระสังฆราชอาการดีขึ้น

ในช่วงเช้าวันนี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงประทับหน้าพระตำหนักคอยท่าปราโมช คณะ เหลืองรังษี เพื่อทรงเสวยพระสุธารส โดยมีประชาชนประมาณ 15 คน เข้าเฝ้า สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระพักตร์แจ่มใส และทรงถามผู้มาเข้าเฝ้า ถึงเรื่องทั่วไปว่า เรียนหนังสือที่ไหน ทำงานอาชีพอะไร ใช้เวลาประมาณ 50 นาที จากนั้นจึงเสด็จขึ้นพระตำหนักที่ประทับคอยท่าปราโมช

สำหรับบรรยากาศโดยทั่วไปที่ตึก สว ธรรมนิเวศ เมื่อถึงเวลา 08.30 น. ซึ่งเปิดให้ประชาชนมาลงนามถวายพระพร ก็มีประชาชนทยอยกัน เดินทางมาลงนามถวายพระพรสมเด็จพระสังฆราช พ.อ.เอกชัย วัชระประทีป ผู้อำนวยการกองโรงงานช่างแสง ศูนย์อุตสาหการ กรมสรรพาวุธ ทหารบก นำนายทหารสังกัดประมาณ 60 นาย มาร่วมลงนามถวายพระพรสมเด็จพระสังฆราช

ด้านพระสะท้านจิตตวโร พระเจ้าหน้าที่สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่า ทางวัดยังคงเปิดให้ประชาชน มาลงนามถวายพระพร ต่อไป อย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากยังมีประชาชนมาลงนามอยู่อย่างต่อเนื่อง

[หน้าหลัก] [หน้า1][วิวาทะ][ปุจฉา][พิเศษ]

1