ปีที่ 7 ฉบับที่ 664 ประจำวันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2542
วิวาทะ
จงจารึกประวัติศาสตร์อย่างมีคุณค่า
ประวัติศาสตร์สยามเมืองยิ้ม แดนดินแห่งสุวรรณภูมิ แผ่นดินนี้ พ่อกูอยู่ ปู่กูตาย ชีวิตเลือดเนื้อ ผองไทยถวายเป็นชีพพลี
อิสรภาพประชาธิปไตยที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อ หยาดเหงื่อและคราบน้ำตา คนหนุ่มสาวเดือนตุลาเลือด ที่ยังมีลมหายใจจวบจนวันนี้ การออกมาเคลื่อนไหวแสดงเจตนารมณ์ ต่อต้าน อำนาจเผด็จการ เมื่อนายกฯ ชวน หลีกภัย มีคำสั่งแต่งตั้งให้ จอมพลถนอม กิตติขจร ดำรงตำแหน่ง นายทหารพิเศษ เสมือนหนึ่งการปูนบำเหน็จ ความดีความชอบ ให้แด่นายทหารนายนี้
เสียงเรียกร้องจากประชาชนที่มีต่อนายกฯ ให้กล่าวคำขอโทษ กลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง เหลวไหลสิ้นดี แต่แนวคิดที่ให้กรมวิชาการ เร่งดำเนินการ บรรจุเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ทางการเมือง โดยเฉพาะวันมหาวิปโยค เดือนตุลาคม เมื่อกว่า 20 ปี ภาพผู้คนชายหญิง นักศึกษา ผู้บริสุทธิ์ ล้มตายกลางถนนราชดำเนิน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักศึกษาหญิงถูกฝ่ายรัฐประหาร ข่มขืนฆ่า อย่างโหดร้าย ทารุณ
จวบจน ยุคสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย กำลังมีความพยายาม จะบิดเบือนประวัติศาสตร์ว่า ใครกันเล่าคือ ผู้บัญชาการรัฐประหารกระหายเลือด
เสียงเรียกร้องให้กรมวิชาการบรรจุวันมหาวิปโยคเดือนตุลา และ พฤษภาทมิฬ เป็นหลักสูตรตำราเรียน สำหรับมัธยมปลาย จึงมิอาจ จะมองข้ามไปได้
เช่นเดียวกัน การที่ไม่มีการระบุว่า ประเทศไทยมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ก็อุบัติขึ้นในสมัยรอยต่อ ระหว่างรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ นายชวน หลีกภัย
โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 99 คน อันมี นาย อุทัย พิมพ์ใจชน เป็นประธาน ส.ส.ร. ก็มิได้ระบุว่า พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย
ทางกลับกับ เรากลับให้ความสำคัญต่ออิสรเสรีภาพในการนับถือศาสนากับประชาชนยิ่งขึ้น
ปลายปี 2541 มีการจุดประเด็นโจมตีวัดพระธรรมกาย จากสื่อมวลชน ขยายวงกว้างไปถึงหมู่ส่งฆ์ด้วยกันเอง ขณะที่ฝ่ายการเมือง ยุคสมัย รัฐบาลชวน หลีกภัย นายกฯ จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบหมายให้ นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช. ศึกษาธิการ เข้ามาดูแลแก้ไขปัญหา วัดพระธรรมกาย
แต่สถานการณ์ทุกอย่างกลับเลวร้ายลงทุกขณะ หมู่สงฆ์เริ่มมีความแตกแยกทางความคิดกันอย่างรุนแรง แม้สถาบันปกครองสูงสุด คณะกรรมการมหาเถรสมาคม ที่ตัดสินวัดพระธรรมกาย ไม่ถูกใจ ตามข้อกล่าวหาร้ายแรงของสื่อมวลชน ก็ถูกด่าโจมตีอย่างหนัก
ขณะที่ฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะตัวนายกฯ และนายอาคมเอง ก็ขาดความเป็นผู้นำที่กล้าหาญ ในการแก้ไขปัญหา กลับเต้นไปตามกระแส การกล่าวหารายวัน ชนิดไร้ข้อมูลไร้หลักฐาน
สอดรับกับการทำงานของคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ทั้ง 17 คน โดยมีนายเด่น โต๊ะมีนา เป็นประธานกมธ. นายสกุล ศรีพรหม นายปราโมทย์ สุขุม นายอำนวย สุวรรณคีรี รองประธานฯ ตามลำดับ
นายทวีวัฒน์ ฤทธิ์ฤาชัย นายไพศาล ยิ่งสมาน นายสมคิด นวลเปียน นายอรรถสิทธิ์ ทรัพยสิทธิ์ นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ นายขจรธน จุดโต น.ส.พูนสุข โลหะโชติ นายรักษ์ ด่านกุล นายประยุทธ นิจพานิชย์ นายปัญญา จีนาคำ นายถวิล ฤกษ์หร่าย นายพิชาญ พิบูลย์วัฒนวงษ์ และนายสุเทพ ดีบุญมี ณ ชุมแพ
การส่งข้อมูลทั้งหมด เพื่อเอาผิดวัดพระธรรมกาย ของกรรมาธิการชุดนี้ เป็นข้อหารุนแรงทั้งสิ้น อาทิ ทำลายความมั่นคง เจ้าอาวาสปาราชิก มีความสัมพันธ์กับสีกามากหน้าหลายตา อวดอุตริมนุสธรรม มีสัญชาติอเมริกัน ฯลฯ
แต่สุดท้าย ข้อมูลดังกล่าว กลับเป็นเรื่องที่ไร้ข้อมูลหลักฐาน นายเด่น โต๊ะมีนา ในฐานะประธานกมธ. สัญชาติไทย นับถือศาสนาอิสลาม มิได้มีคำตอบ หรือแสดงท่าทีรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
ฝ่ายฆราวาส สื่อมวลชน หัวหอกในการโจมตีวัดพระธรรมกาย จนเข้าทำนองสาวไส้ให้กากิน มีนายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ส.ศิวรักษ์ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ประสานเสียงสอดรับกับฝ่ายพระสงฆ์ ที่มีความเห็นขัดแย้งกับวัดพระธรรมกาย อาทิ พระธรรมปิฎก พระมหาบุญถึง ชุตินธโร
รวมทั้งสองฝ่าย ฆราวาสสื่อมวลชน และพระภิกษุสงฆ์ข้างต้น ก็ไม่ได้เคารพนับถือการตัดสินของมหาเถรสมาคม ซ้ำยังเห็นว่า พระเถระบางรูป รับเงินล้มคดี
ครับ ประวัติศาสตร์ต้องจารึกเรื่องราวเหล่านี้ เพื่อให้คนรุ่นหลัง ได้ศึกษาเป็นแนวทางในการปกป้องพระพุทธศาสนาอย่างถูกทิศถูกทาง
การเทิดทูนพระพุทธศาสนาไม่ใช่การกล่าวหา หรือเพ่งเอาผิดกับผู้อื่น แต่จงน้อมนำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มาทำลาย อวิชชา กิเลส ตัณหา ราคะ แห่งตน ให้หมดสิ้น ตรงนี้ต่างหาก คือการปกป้องพระพุทธศาสนา
โซตัส