ปีที่ 7 ฉบับที่ 664 ประจำวันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2542
หน้า 1
พุทธศาสนาป่วนหนัก
อ้างสังฆราช ทำลายวัดพระธรรมกาย
ทีวีมั่วปล่อยข่าว กรมศาสนาพูดชัด ไม่ใช่ "พระบัญชา"
วงการพุทธศาสนา ป่วนหนัก เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชฯ ปฏิเสธไม่เคยเห็นพระบัญชาพระสังฆราชฯ ระบุไอทีวี เสนอข่าวเกินจริง มีเพียง พระลิขิตที่แสดงความเห็นส่วนพระองค์เท่านั้น ไม่ได้ระบุเจาะจงว่า เป็นวัดพระธรรมกาย หรือเจ้าอาวาสรูปใด ด้านผู้เชี่ยวชาญ กรมการศาสนา ชี้ชัดหนังสือดังกล่าว ไม่ใช่พระบัญชา
ปัญหาวัดพระธรรมกายและพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาส กลับทวีความร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อสถานีโทรทัศน์ ไอทีวีออกมา ระบุว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังหปริณายก มีพระบัญชาให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ปาราชิก
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เป็นการวิเคราะห์ข่าวตีกินของไอทีวีเท่านั้น เพราะเอกสารที่ถูกเผยแพร่ หากเป็นเอกสาร หรือพระลิขิตจริง ก็ถือเป็นความเห็นส่วนพระองค์ ของสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่จะนำมาสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ มหาเถรสมาคม เพื่อให้เป็น แนวทางปฏิบัติต่อหมู่สงฆ์ทั่วประเทศ
นายมานพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญ กรมการศาสนา แสดงความเห็นกรณีสื่อมวลชน ระบุว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระบัญชาให้ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย อาบัติขั้นรุนแรงต้องปาราชิกว่า
เอกสารดังกล่าว กรมการศาสนาเพิ่งได้รับจากสมเด็จพระสังฆราช แต่ไม่ได้เป็นพระบัญชาของพระองค์ เป็นเพียงความเห็นส่วน พระองค์ เท่านั้น
หากเป็นพระบัญชาแล้ว หนังสือดังกล่าวจะต้องออกโดยสำนักเลขานุการ พระสังฆราช และมีผลให้พระธัมมชโย ลาสิกขาภายใน 3 วัน จากนั้น เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง จะเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป อีกทั้งหนังสือดังกล่าว จะต้องมีตราสมเด็จพระสังฆราชฯ ประทับ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ มาตรา 6
ผู้สื่อข่าว "พิมพ์ไทย" ได้สอบถามไปยังเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช พระราชรัตนมงคล วัดบวรนิเวศวิหาร ได้รับคำยืนยันว่า เอกสาร ดังกล่าวเป็นเพียง พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ เท่านั้น ไอทีวีเสนอข่าวเกินความเป็นจริง
ในพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชฯ ไม่ได้ระบุถึงเจ้าอาวาสและวัดพระธรรมกาย เป็นเพียงความเห็นส่วนพระองค์ ที่จะนำมาเสนอต่อ ที่ประชุม มส. อาทิ เรื่องการครอบครองที่ดิน ฯลฯ
สำหรับเนื้อหาของพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชฯ ไม่ปรากฏเลขที่หนังสือที่ออก ของสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช มีความดังนี้
"ความบิดเบือนพระพุทธธรรมคำทรงสอน โดยกล่าวหาว่า พระไตรปิฎกบกพร่อง เป็นการทำให้สงฆ์ที่หลงเชื่อคำบิดเบือน แตกแยก ออกไป กลายเป็นสอง มีความเข้าใจความเชื่อถือพระพุทธศาสนาตรงกันข้าม เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ทำสงฆ์ให้แตกแยก เป็นอนันตริย กรรม มีโทษทั้งปัจจุบัน และอนาคต ที่หนัก
ส่วนที่มิใช่เป็นการลงโทษ แต่เป็นการทำที่ถูกต้องคือ ต้องมอบสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในขณะเป็นพระ ให้แก่วัดทันที (5 เมษายน 2542)
ไม่คิดให้มีโทษ เพราะคิดในแง่ยกประโยชน์ให้ว่า ในขั้นต้นอาจมิใช่มีเจตนาถือเอาสมบัติของวัด เป็นของตนจริงๆ แต่เมื่อถึงอย่างไร ก็ไม่ยอมมอบคืนสมบัติทั้งหมด ที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัด ก็แสดงชัดแจ้งว่าต้องอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติ ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับผู้ไม่ใช่พระปลอมเป็นพระ ด้วยการนำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง ทำความเศร้าหมอง เสื่อมเสียให้เกิด แก่สงฆ์ในพระพุทธศาสนา
ลงพระนาม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 26 เมษายน 2542
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร ปรากฏว่า พระลูกวัดต่างปฏิเสธ ไม่ทราบถึงกระแสข่าว พระบัญชาสมเด็จ พระสังฆราชฯ จะเป็นความจริงเพียงใด และขณะนี้ สมเด็จพระสังฆราชฯ ก็ไม่อยู่จำวัด ทรงเดินทางไปจำวัดที่วัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ของวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา
สำหรับเอกสารดังกล่าว ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์ไอทีวี เสนอข่าวแพร่ภาพ อ้างว่า เป็นพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชฯ ปรากฏว่า มีประชาชน จำนวนมาก โทรศัพท์เข้ามาสอบถาม กองบรรณาธิการ "พิมพ์ไทย" เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง เกี่ยวกับข่าวดังกล่าวที่ไอทีวีเสนอ
อย่างไรก็ตาม เอกสารดังกล่าว ไม่มีการระบุเลขที่ ของสำนักเลขานุการพระสังฆราชฯ เท่ากับเป็นการยืนยันว่า ไม่ใช่เป็น พระบัญชาของ สมเด็จพระสังฆราช ตามที่ไอทีวีเสนอข่าวไป
นอกจากนี้ ยังมีถ้อยคำบางคำเช่น "อัตโนมัติ" ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดพระสังฆราชฯ ยืนยันว่า ไม่เคยเห็นสมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงใช้ศัพท์ ความหมายทำนองนี้แต่อย่างใด อีกทั้งตัวเลขในเอกสารที่กล่าวอ้างกันว่า เป็นพระลิขิตก็เป็นตัวเลขอารบิค ซึ่งโดยปกติน่าจะใช้ตัวเลขไทย