ปีที่ 3 ฉบับที่ 1027 ประจำวันอาทิตย์ที่ 7 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2543 |
เตือนสติสื่อหยุดนั่งเทียน
พระเถระออกมาติงสื่อให้รับผิดชอบ และระมัดระวังกรณีลงชื่อในการนำเสนอข่าว ระบุอาจทำให้พระ เกิดความกังวลได้
ย้ำอยากจะออกมาบอกข้อเท็จจริงให้สาธารณชน
ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น และกระทบต่อพระพุทธศาสนา แต่ติดที่ศีลาจารวัตร จึงทำได้บอกให้ทราบเป็นรายบุคคล ด้านทนายความผู้ใกล้ชิดกับพระธัมมชโย ชี้ตร.ส่งหมายเรียก
พระธัมมชโยถึงวัด หวังให้เป็นข่าวใหญ่โตเหมือนเคย
จากกรณีการออกหมายเรียกของเจ้าพนักงานสอบสวน กองปราบฯ ที่จะมีมาถึงพระธัมมชโยนั้น ทนายความผู้ใกล้ชิดกับพระธัมมชโย ท่านหนึ่งกล่าวว่า ได้เตรียมตัว
และเตรียม หลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีไว้บ้างแล้ว ซึ่งทางเรายังไม่ทราบว่า พนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อกล่าวหาไว้อย่างไรบ้าง
แต่เราก็มีความพร้อมที่จะเข้าพบกับพนักงานสอบสวน
ได้ทันที เมื่อมีการแจ้งเข้ามา ซึ่งคาดว่า น่าจะพ้นจากวันวิสาขบูชาไปแล้ว
ทนายความยังกล่าวด้วยว่า ในทางปฏิบัติแล้ว เจ้าพนักงานสอบสวนสามารถจะเลือกปฏิบัติกับภิกษุสงฆ์หลายวิธี คือ การแจ้งมาทางทนายความของพระธัมมชโย
ให้เดินทาง ไปรับหมายเรียก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและเข้ามาสอบปากคำภายในวัด ก็สามารถจะปฏิบัติได้ และยังมีอีกวิธีหนึ่งคือ
เจ้าพนักงานสอบสวนจะถือหมายเรียก
เข้ามายื่นหมาย
ที่วัดพระธรรมกาย แล้วให้พระธัมมชโยเดินทางไปให้ปากคำที่กองปราบฯ ก็ได้เช่นกัน ซึ่งเชื่อว่า พนักงานสอบสวนน่าจะใช้วิธีหลังนี้มากกว่า เพราะที่ผ่านมา
มักจะต้องการให้ออก เป็นข่าว
ใหญ่โต ทุกครั้ง ซึ่งวิธีหลังนี้ ไม่น่าจะเป็นวิธีที่จะนำมาใช้กับภิกษุสงฆ์
"เป็นที่แน่นอนว่า หากพระธัมมโช ต้องเดินทางไปที่กองปราบฯ แล้วลูกศิษย์ลูกหาของพระธัมมชโยจะต้องตามกันไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ซึ่งไม่น่าจะเกิดผลดีต่อภาพพจน์
โดยรวมของพระพุทธศาสนา และข่าวสารที่ได้แพร่ออกไป ทุกครั้งก็มักจะเป็นไปในทางที่ลบเสียมากกว่าที่จะเสนอออกไปในทางสร้างสรรค์ข้อเท็จจริงว่า ผิดหรือถูกนั้น
ต้องอยู่ใน
การวินิจฉัยของศาลไม่ใช่อยู่ที่ข้อกล่าวหาของใคร" ทนายความกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีพระเถระชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่ง ได้ปรารภถึงกรณีที่สื่อมวลชนหนังสือพิมพ์มาขอคำปรึกษากับพระภิกษุสงฆ์
ไม่ว่าจะเรื่องการดำเนินตาม
กฎนิคหกรรม หรือเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงของพุทธศาสนานั้น เมื่อพระเถระได้กล่าวให้ข้อมูลตามความเป็นจริงแล้ว ผู้สื่อข่าวก็มักใส่ชื่อพระเถระรูปนั้นลงในการเสนอข่าวด้วย ซึ่งจะทำให้พระเถระผู้ให้คำตอบ เกิดเป็นที่กังวลต่อผลกระทบที่อาจจะตามมาได้ จึงอยากจะขอให้สื่อมวลชนได้เพิ่มความระมัดระวังในการลงชื่อพระเถระผู้ตอบคำถามนั้นด้วย
พระเถระรูปดังกล่าวยังได้กล่าวอีกว่า รู้สึกเห็นใจต่อญาติโยม ที่เป็นห่วงเป็นใย ต่อพระภิกษุสงฆ์ที่ตัวเองให้ความเลื่อมใสศรัทธา และยังต้องมีความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ต่าง ๆที่ได้เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ในปัจจุบันทั้งยังรู้อีกว่า ญาติโยมเหล่านี้ ต้องเฝ้าติดตามข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ ทั้งข่าวที่ออกมาจากข้อเท็จจริง
และข่าวที่ออกมา โดยการ
บิดเบือนข่าว จึงอยากจะให้เข้าใจว่า พระเถระที่มีความรู้ในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ ก็อยากจะให้เข้าใจว่า พระเถระที่มีความรู้ในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้
ก็อยากจะให้ข้อเท็จจริง
ได้ออกไปสู่
ญาติโยมเหมือนกัน เพื่อญาติโยมจะได้ไม่ต้องวิตกกังวล ให้เกิดเป็นทุกข์อีกต่อไป แต่ด้วยศีลจริยาวัตรที่ต้องสำรวม และจะไม่เหมาะสมเมื่อต้องมีชื่อออกไปเป็นข่าว จึงไม่รู้ว่า จะให้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับญาติโยมได้อย่างไร เว้นแต่ว่า จะเข้ามาขอความรู้ด้วยตนเองเท่านั้น จึงจะตอบปัญหาดังกล่าวให้ได้
แต่ก็เป็นเพียงแก้ปัญหาให้ได้เฉพาะ
ญาติโยมกลุ่มน้อยๆ เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์หรือพระธัมมชโย ได้กล่าวดำริออกมาเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ว่า ทางวัดพระธรรมกายจะมีโครงการให้สร้างห้องสุขา
แบบถาวร ขึ้นมา โดยรอบบริเวณสภาธรรมกายสากลจำนวน 6,000 ห้อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพุทธศาสนิกชน ที่เข้ามาทำบุญปฏิบัติธรรม ปรากฏว่า
ได้มีสาธุชนผู้ใจบุญ
ได้ขอจองเป็น เจ้าภาพ ทำบุญออกค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างห้องสุขากันเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่วันแรกที่พระธัมมชโยได้กล่าวดำริ เป็นต้นมา จนถึงวันนี้ถึงแม้ว่า
ทางวัดจะยัง ไม่ได้
มีการออกแบบ เพื่อกำหนดราคาก่อน ก็ตาม ด้วยแรงศรัทธาของสาธุชนที่ต้องการจะทำบุญในการสร้าง "สุขพิมาน"
จึงทำให้ทางวัดต้องกำหนดราคา
ค่าก่อสร้างออกมาโดย ประมาณ
ไว้ก่อนว่า ห้องละ 6 หมื่นบาท เนื่องจากเป็นการสร้างแบบถาวรวัตถุที่ใช้ในการก่อสร้าง ต้องเป็นชนิดที่มีความคงทนถาวร