ปีที่ 3 ฉบับที่ 988 ประจำวันเสาร์ที่ 1 เดือนเมษายน พ.ศ. 2543 |
อย่าสนองตัณหาของนักการเมืองจนศาสนาป่วน
เมื่อวานนี้ (31มีนา) วันสิ้นเดือน ผมหลบจราจรจากพื้นราบ วิ่งขึ้นทางด่วน หวังว่า เมื่อจ่ายเงินซื้อความสะดวกไป 40 บาท รถคงวิ่งได้ฉิว
ติดหนึบพอกัน แต่ไม่ถึงกับติดกึก ยังมีการเลื่อนไหลให้หายหงุดหงิดได้บ้างเล็กน้อย
ช่วงที่รถวิ่งจากถนนพระรามที่ 4 ก่อนถึงแยกดาวคะนอง เหลือบไปเห็นป้ายขนาดใหญ่ สีสันสดใส มีข้อความเท่าที่จำได้คือ
"ขอเทิดทูนพระพรหมโมลี อดีตเจ้าคณะภาค 1 ผู้รักพระธรรมวินัยยิ่งกว่าชีวิต"
มีข้อความย่อย ๆ ข้างล่างลงมาอีก เสียดายว่า ผมอ่านไม่ทัน
หากจะเดาคงจะเป็นพวกเหล่าลูกศิษย์ของหลวงพ่อ หรือกลุ่มบุคคลที่ทนเห็นพระสงฆ์องค์เจ้าดี ๆ ในบ้านเมืองนี้ ถูกรังแก ถูกย่ำยีจนทนไม่ไหว
เลยขึ้นป้ายประกาศให้สาธารณชน
รับรู้ในวงกว้าง
หรืออีกทีคงจะเป็นสายวัดพระธรรมกาย เพราะพระเดชพระคุณท่านเกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งท่านเห็นความถูกผิด และเป็นองค์ผู้ร่วมพิจารณาชั้นต้น
จึงรู้เช่นเห็นชาติได้ลึกล้ำยิ่งกว่า
ใครในสังฆมณฑลนี้
หากป้ายใหญ่แผ่นนี้ ชักขึ้นที่สูง ประกาศเกียรติคุณของพระสุปฏิปันโน เช่น เจ้าคุณพระพรหมโมลี เป็นฝีมือของสายวัดพระธรรมกาย ก็เป็นความถูกต้องชอบธรรมอย่างที่สุด
ท่านเจ้าคุณพระพรหมโมลีที่สังคมทั่วไปพูดถึงมาตลอด นับตั้งแต่เกิดกรณีธรรมกายขึ้นมา ท่านเป็นพระเถระที่น่าสงสาร ท่านเลี่ยงที่จะพูด หากมีคนถามถึงกรณีวัดพระธรรมกาย ท่านนิ่ง ท่านสงบ จนมารร้ายได้อกได้ใจ จึงได้ขย่มขยี้ท่านสารพัด หาว่าท่านได้รับเงินทองอุปถัมภ์จากวัดพระธรรมกาย จึงหาทางคุ้มครอง
สังคมนี้ ถูกคนบ้าป่วนจนพระศาสนาสั่นคลอน คนดีๆ ในแผ่นดินเก็บตัวเงียบ ต่างถือว่า ธุระไม่ใช่
ก่อนหน้านี้ มส. หรือมหาเถรสมาคมเคยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นพระสงฆ์ทำหน้าที่เป็นทีมงานโฆษกของการประชุมในแต่ละนัด เห็นพระท่านแวบ ๆ ผ่านจอทีวี ครั้งสองครั้ง แล้วก็เงียบหายไปเลย ไม่ปรากฏให้เห็นอีกในเวลาต่อมา
ผมเดาไม่ถูกว่า เป็นความขี้เกียจของทีมงานโฆษกพระ หรือเป็นเพราะมส. ไม่เห็นความสำคัญหรือประการสุดท้าย เป็นเพราะเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา แย่งงานไปทำเสียเอง เพื่อที่จะชี้เป็นชี้ตายอย่างใจเลว ๆ ของพวกเขาปรารถนา
เจ้าคุณพระพรหมโมลีนั้น ผมไม่เคยอยู่ใกล้ชิด ไม่เคยสัมผัส และผมไม่มีบุญได้ไปนมัสการ ฟังแต่เสียงเล่าลือกันว่า ท่านเคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง
แม้แต่เวลาเดินทาง
ไกลไปเครื่องบิน น้ำลายก็ไม่ยอมกลืนลงลำคอวิตกลึก ๆ ว่าจะมีแบคทีเรียจากปากของท่าน ลงไปตายในท้องของท่าน หากเครื่องบินตกถึงกับมรณภาพของพานเป็นบาปเป็นกรรม โดยที่ยังไม่ได้แสดงอาบัติ เพื่อความบริสุทธิ์แห่งพรหมจรรย์
เรื่องนิคหกรรมท่านบอกว่า ยุติลงแล้วอย่างบริบูรณ์ หากท่านหรือภิกษุรูปใด รื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ท่านผู้นั้นต้องได้รับโทษ ผิดพระวินัยข้ออุกโกฏนสิกขาบท หรืออาบัติปาจิตตีย์
พระที่เคร่งครัดในพระวินัย พระที่มีความฉลาดในพระศาสนานี้ ท่านจะไม่ประพฤติล่วงสิกขาบท แม้แต่เพียงอาบัติเล็กน้อย เช่นอาบัติทุกกฎอย่างเด็ดขาด
ไม่ต้องพูดถึงอาบัติ
ที่หนักขึ้นไป
ข่าวว่าคนในกรมการศาสนา กำลังไปกราบอ้อนวอน เจ้าคุณพระธรรมกิตติมุนี วัดเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนนทบุรี ให้มาร่วมเป็นองค์คณะผู้พิจารณาชั้นต้น
ก็ถูกปฏิเสธไปแล้ว
อย่างสิ้นเชิง
ตะลอน ๆ ไปกราบอ้อนวอน เจ้าคุณพระสุเมธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯ กทม. ก็ได้รับการปฏิเสธเช่นเดียวกัน
โธ่เอ๊ย... พวกแกรู้จัก (พระมหาบุญเลิศ นามเดิม) พระสุเมธาธิบดีน้อยไปเสียแล้ว พวกเขาเคยจูงใครต่อใครมากต่อมากมาแล้ว นึกว่าจะใช้ศิลปบวม ๆ เดิม ๆ กับท่านได้ง่าย ๆ พูดได้คำเดียวว่า "ยาก" เห็นท่าทางติ๋ม ๆ อย่างงั้นแหละ เอ้า ...
เวลาต้องอาบัติคนในกรมการศาสนาไม่ได้ต้องอาบัติกับท่าน พระนั้นท่านสำรวมระวังอินทรีย์ บาปเล็กกรรมน้อย ท่านไม่มองข้ามเด็ดขาด ท่านเจ้าคุณพระเทพสุธี รักษาการเจ้าคณะภาค 1 ก็จัดอยู่ในพระประเภทเดียวกัน
รองอธิบดีกรมการศาสนา นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ ตั้งสติให้ดีกว่านี้ได้ไหม รัฐมนตรีที่สั่งการลงมานั้น มันไม่ใช่พ่อ อีกไม่กี่นานจากนี้ไป
หัวโขนที่สวมใส่ก็จะหลุดลอยไปจาก
ศีรษะ แล้ว บาปกำลังซ้ำกรรมกำลังสนองพวกไม่รู้จักนรกสวรรค์อยู่แล้วในขณะนี้
ไอ้เจ้าเตี้ยเอ๊ย ... ทำเป็นคนตาถั่วไปได้ มองไม่เห็นหรือไม่ ทะร่อทะแร่ มาเป็นรองอธิบดีได้ไงวะเนี่ย
ปู่โอม