(นับเป็นโคลงสี่สุภาพที่ยอดเยี่ยมทั้งกลวิธีการประพันธ์
การสื่อความหมายโดยสัญลักษณ์ และความไพเราะเข้าไว้ด้วยกัน ผู้เรียบเรียงขออนุญาตถอดความดังนี้
)
ขอถวายบังคมแทบบาทพระผู้เป็นใหญ่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
น้อมดวงหทัยแห่งกวีต่างประทีปเทิดทูนพระองค์ ในวาระเฉลิมพระชนมพรรษาครบหกรอบนี้ดั่งเครื่องหอมประพรมทั่วแผ่นดินระลึกให้พระคุณ
เมืองสยามมีโชคอย่างยิ่งแล้วที่มีพระองค์ทรงอยู่คู่กับบ้านเมือง
ประชาชนมีความสงบสุขทุกโมงยาม เพราะพระหัตถ์ของพระองค์คอยปกป้องจากความทุกข์ร้อนทั้งปวง
น้ำพระราชหฤทัยของพระองคท่วมท้นผืนแผ่นดิน ทรงสร้างไมตรีให้ปรากฏโดยทั่วไป
เมื่อพระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินถึงที่ใดก็ตาม ความทุกข์ ความเศร้าโศกก็หายสิ้น
ด้วยพุทธธรรมที่ทรงบำเพ็ญ ซึ่งสามารถชำระล้างจิตใจประชาชนให้น้อมเนื่องในการกุศลได้
วันใดที่ประเทศมีภัยพิบัติ ทรงขจัดปัดเป่าภัยพิบัตนั้น
วันใดที่ฝนตกน้าท่วม ทรงปลูกป่าไมป้องกันภัยนั้น
วันใดที่ประเทศท้อแท้เมื่อเผชิญกับความทุกข์ พระองค์ทรงปลอบขวัญและให้กำลังใจประชาชนทุกค่ำเช้า
วันใดเศรษฐกิจตกต่ำ ทรงแนะนำแนวทางแก้ไขความทุกข์ และสำเร็จด้วยทศพิธราชธรรม
วันใดที่มีภัยรบกวนเบื้องบาทบงสุ์ เภทภัยนั้นย่อมสงบเอง
เพราะคุณความดีของพระองค์เป็นดุจเกราะอันวิเศษ เลิศล้ำด้วยพระบารมี
แผ่นดินนี้ทุกสมัย อริราชศัตรูสูญสิ้นหมดแล้ว มหาปราชญ์แห่งประเทศไทยจงทรงพระเจริญ
ดุจดั่งดวงประทีปแก้วสว่างทั่วทั้งฟ้า กลบรัศมีของพระจันทร์ฉันนั้น
วันนี้มีหยาดรุ้ง ณ สรวงสวรรค์ มวลดอกบัวต่างแย้มเกสรเบิกบูชาพระองค์
เหล่าผกาพรรณส่งกลิ่นหอมขจรขจาย หมู่นกที่ส่งเสียงร้องราวกับเสียงถวายพระพร
กรองกลอนเป็นคำอาศิรวาทน้อมบูชา วโรกาสเจ็ดสิบสองพระชนมพรรษา
ขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเจริญ ดุจแสงของอรุณรุ่งที่ปกเกล้าปกกระหม่อม
ตลอดอนันตกาลเทอญ
โคลงสี่สุภาพสำนวนอื่น
๑ ๒ ๓ ๔
๕ ๖
|