ปีที่ 2 ฉบับที่ 816 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 7 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
พฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคมนี้ คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ โดย อำนวย สุวรรณคีรี นัดพบปะสังสรรค์ กะหนุ่มน้อยๆ สืบแสวงหาใครทำลายพระพุทธศาสนา ณ ห้องโถงอาคารรัฐสภา ครั้งที่แล้ว เสี่ยเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ เสี่ยนวย ถูกคนข่าวพิมพ์ไทยถามหาถึงความเป็นกลาง ในการทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาจนวงแตก
ยังไม่จบกระบวนยุทธ จะมีการสนทนาในวันพฤหัสบดีนี้ มีวิทยากรร่วม อาทิ เสฐียรพงษ์ วรรณปก หลวงพี่พยอม แห่งวัดสวนแก้ว
ผมไอยากปรามาสท่านว่า คำถามที่ว่า... "ใครทำลายพระพุทธศาสนา ที่จัดเป็นครั้งที่ 2" อย่างไรเสียก้คงไม่ได้คำตอบ เหมือนกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
เพราะนักข่าวหัวเห็ด ของเรา
ชี้ไปแล้วว่า... "ต้องหาเวทีที่มีความเป็นกลาง" ไม่ใช้เอาพระหน้าเดิมๆ ที่มีอคติมาพูดก่นด่า เป็นแมลงวันจัญไร เที่ยวไข่รดหัวกบาลเพื่อน
งานนี้คงสนุกเพราะมีคนเก่งอย่าง เสฐียรพงษ์ ร่วมโต๊ะเสวนา ตามล่าคนทำลายพระพุทธศาสนา
ที่สำคัญคนๆ นี้เคยบวชเป็นพระ ร่ำเรียนได้ถึง ปธ.9
อ่านเขียนเรียนรู้แจ้งแทงตลอดว่า พระนิพพานเป็นอนัตตา
หายข้องใจหมดสงสัย
เหลืออยู่อย่างเดียว ที่ชีวิตบรรพชิตประพฤติปฏิบัติไม่ได้ นั่นคือการใช้ชีวิตแบบสามัญชน กิน ขี้ ปี้ นอน !
เสฐียรพงษ์จึงสึกออกมารับใช้พระพุทธศาสนาทางอ้อม ด้วยการเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เป็นนักเขียน เป็นนักหนังสือพิมพ์ เป็นคนเขียนตำราตั้งชื่อเปลี่ยนแซ่
ผมดูรายการกรองสถานการณ์ ทางช่อง 11 ตอนหัวค่ำ วันที่ 5 ตุลาคม เปิดไปปุ๊บก็เห็นหน้า เสฐียรพงษ์ โผล่ออกมาร่วมรายการวิพากษ์วิจารณ์ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ธัมมชโย) อาพาธ ในวันที่ต้องเดินทางมาสำนักงานอัยการสูงสุด
การสนทนาในค่ำคืนดังกล่าวทางทีวี มีท่าน เจ้าคุณพระกิตติวุฑโฒ ซึ่งเคยตกเป็นจำเลยของสังคม สู้กันถึง 3 ศาล จนศาลพิพากษาให้ท่านบริสุทธิ์ มาร่วมในรายการสนทนา
ประเด็นอยู่ตรงที่เหตุใด พระธัมมชโย จึงไม่ไปฟังคำวินิจฉัยของอัยการ ต่อการที่จะสั่งฟ้องหรือไม่
แต่ไม่มีใครหยิบยกประเด็นที่ว่า ผู้ต้องหาไม่จำเป็นต้องเดินทางมาฟังคำสั่งของอัยการ เนื่องจากป่วย และก็มีใบรับรองแพทย์ มายืนยันเรียบร้อย
เปล่าครับ สิ่งที่ผมจะพูดต่อไป ไม่ใช่เรื่องที่ว่า พระธัมมชโยป่วยจริงหรือไม่
หากแต่จะพูดถึงสิทธิ์ของผู้ต้องหา ที่ได้รับการประกันชั่วคราว จากความเห็นชอบของท่านอัยการ และไม่มีพฤติกรรมใด ที่จะหลบหนีคดีต่างหาก
ย้ำอีกครั้ง ไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปรับฟังอัยการ เพราะมีทนายความ ซึ่งได้รับอำนาจแต่งตั้งถูกต้องตามกฎหมายจากจำเลย ให้ทำหน้าที่แทน เว้นแต่กรณีศาลเท่านั้น
ฟังเสฐียรพงษ์พูดว่า ปัญหาจะต้องจบที่ศาลบ้านเมือง ก็ค่อยโล่งใจไปหน่อย เห็นที่ผ่านมา จะเอาเป็นเอาตายกันให้ได้ เร่งวันเร่งคืน บุกไปหาสมเด็จเกี่ยว
บุกไปหาสมเด็จ พระสังฆราชฯ ให้วุ่นวายสับสนกันไปหมด
พูดจาแบบไม่รับผดชอบต่อคำพูด
จ้วงจาบถึงขั้นปลดพระสังฆราชจากตำแหน่งปกครองสงฆ์
เรื่องเฮงซวยห่วยแตกอย่างนี้ ชาวพุทธปล่อยปละละเลยกันไปได้อย่างไรไม่ทราบ
กล่าวหาว่าพระเถระช่วยกันอุ้มกัน ความจริงก็คือความจริง พระเถระท่านมีภูมิปัญญา มีความรู้ ความสามารถที่จะพิจารณาอธิกรณ์ของพระด้วยกัน
มีความมั่นคงต่อ พระรัตนตรัย ไม่ข้องสงสัย
หลายรูปคงไม่คิดสึกหาลาเพศไปแต่งเมีย เอาสุข เอาสนุกเฉก เช่น เหมือนชีวิตฆราวาสสามัญชน
เสฐียรพงษ์ ไม่ควรไปตำหนิพระเถระ บวชเรียนมามากมายน่าจะเข้าใจชีวิตของความเป็นพระบำเพ็ญเพียร เผากองกิเลสน้อยใหญ่ ปฏิเสธความสุขจอมปลอมทั้งหลาย ทั้งปวง ในความเป็นสัตว์โลก ที่มากมีตัณหา ราคะ
เห็นเมรัยน้ำเมาเป็นทางเสื่อม
ข้าวก้นบาตรยังมียาง มีคุณค่า เป็นเชื้อพลังให้ผมขับเคลื่อน หวดปลายนิ้วลงที่แป้นคีย์บอร์ด แสดงความเห็นที่เป็นจุดยืนในการปกป้องพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
ไม่มีเขา ไม่มีใคร มีแต่เราชาวพุทธลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า หยุดเถิดครับ ลูกศิษย์พระสายวิชาการจ๋า หยุดเถิดครับ ลูกศิษย์สายปฏิบัติเอ๋ย ไม่ต้องคำนึงด้วยซ้ำไปว่า
พระนิพพาน
จะมีสภาพเป็นเช่นไร
หากมีสัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว โปรดจงเชื่อมั่นว่า หลักธรรมะเหล่านั้น จะเป็นยานพาหนะนำพุทธบริษัทไปสู่นิพพานได้อย่างไม่ต้องสงสัย
พูดมาเสียยาวไกล รายการกรองสถานการณ์มีประเด็นที่น่าประทับใจ ตรงที่ ท่านกิตติวุฑโฒ ถูกพิธีกรซักถามว่า "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป" ซึ่งท่านก็ยืนยันความคิดเดิมว่า ไม่บาป เพราะเราได้ฆ่าลัทธิ คำว่า ฆ่า หมายถึงการกำจัดความคิดมิจฉาทิฏฐิให้หมดสิ้น
ส่วนเสฐียรพงษ์สบช่องก็ออกหมัดตรง ใส่หน้าพระดังโครม แสดงว่า พระรูปนี้พูดกลับไปกลับมา
ท่านกิตติวุฑโฒยืนยันว่า ไม่ได้พูดว่า ฆ่าคอมมิวนิสต์ที่เป็นคน แต่หมายถึงลัทธิคอมมิวนิสต์ พอดีตอนที่พูดหรือแสดงธรรมนั้น ผู้ที่ฟังเป็น "สัตว์เดรัจฉาน" ไร้สมองปัญญา
จึงไม่อาจ ฟังธรรม รู้แจ้งแทงตลอด
ผมก็ไม่รู้ว่า ไอ้สัตว์เดรัจฉานที่ท่านกิตติวุฑโฒพูด หมายถึงใคร แต่สำหรับผม เข้าใจตามพระคุณเจ้าขอรับ
โซตัส