ปีที่ 2 ฉบับที่ 794 ประจำวันพุธที่ 15 เดือนกันยายน พ.ศ. 2542

สหัสวรรษที่ 3

อนาคตพุทธศาสนาในไทย ณ หัวเลี้ยวหัวต่อบ้านเมือง

ความงดงามของพุทธศาสนาในเมืองไทยก็คือ การสามารถอยู่ร่วมกับศาสนิกชนในศาสนาอื่น อย่างสันติ ให้ความเกื้อกูล เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ถือว่าได้เข้ามาอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ถ้าปฏิบัติตัวดี เป็นพลเมืองไทยที่ดี แม้จะแตกต่างกันในเรื่องความเชื่อและศาสนา แต่เราก็อยู่ร่วมกันโดยสันติตลอดมา

พระมหากษัตริย์ไทย ตลอดเวลา 800 ปี แห่งการเป็นประเทศไทย ทุกพระองค์ แม้พระองค์จะเป็นพุทธมามกะ ผู้ครบถ้วนด้วยบารมีสิบทัศ ก็ทรงโอบอุ้มให้ความอุปถัมภ์ทุกศาสนา โดยมิได้รับเกียจรังงอน ทรงพระเมตตาต่อพสกนิกรของพระองค์ด้วยเสมอเท่าเทียมกัน

อันที่จริงแล้ว ศาสนาในโลกล้วนมีจุดมุ่งหมายในการสร้างคนให้เป็นคนดี มีศีลธรรม ไม่เบียดเบียนกัน มีความรักความเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก เฉกเช่น บุคคลในครอบครัว

ทุกศาสนาต้องการสั่งสอนให้ละความชั่ว ทำแต่ความดี แต่ในความเชื่อที่แตกต่าง อย่างสำคัญทำให้บางศาสนาอยู่ร่วมกันได้ และแม้ศาสนาเดียวกัน แต่ต่างนิกายกันก็ทนกันไม่ได้ มีการตั้งทิฏฐิอ้างตัวเป็นของแท้ ของคนอื่นของเทียม การหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับกัน จนเกิดการโต้เถียง ลบหลู่ดูหมิ่นกัน เกิดการวิวาทกัน และบางครั้งกลายเป็นความรุนแรง

แต่ประเทศไทยก็เป็นประเทที่แปลกที่สุด ที่ทุกศาสนาอยู่ร่วมกันได้ด้วยสันติ แม้ในยามเมื่อประเทศประสบความทุกข์ร้อน เช่น ในยุคกรุงศรีอยุธยาเสียเมือง กองกำลังสำคัญที่ช่วยกู้ชาติ จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ชั้นสูงสืบมา คือ ชาวมุสลิมในเมืองไทย ก็เป็นคนที่รักชาติไทย ยอมสละชีวิตเข้าสู้กับข้อศึกศัตรู ด้วยความเสียสละ กล้าหาญ จนปรากฏใน ประวัติ ศาสตร์

เมื่อผมเรียนหนังสือมัธยมผมมีเพื่อนสนิท 3 คน สนิทมากที่สุด ปรากฏว่า เป็นมุสลิมทั้ง 3 คน แม้เราจะมีธรรมเนียมปฏิบัติที่ต่างกัน เราก็อยู่ด้วยการเคารพสิทธิส่วนตัวเป็นอย่างดี เมื่อวันหนึ่งที่คนหนึ่งเสียชีวิต เพราะอุปัทวเหตุ ที่ต้องทำศพกันใน 24 ชั่วโมง ผมก็เป็นเพื่อนคนแรกที่ถูกตามด่วนให้ไปร่วมในพิธีฝังศพด้วย

และอีกสองคนที่เหลือ เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจนทุกวันนี้ คนหนึ่ง ตอนนี้รับราชการอยู่ที่สุไหงโกลก อีกคนทำงานธนาคารอยู่ในกรุงเทพนี่เอง คำพูดที่ว่า "แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง" คือนโยบายที่ดีที่สุด ที่เรารักษามิตรภาพมาได้ทุกวันนี้

ที่ผมพูดถึงเพื่อนชาวมุสลิม เพราะมีความรู้สึกส่วนตัวว่า ชาวมุสลิมในเมืองไทยนั้น แตกต่างจากภาพชาวมุสลิมในประเทศ เพราะชาวมุสลิมที่ผมรู้จักทุกคน เป็นคนรักสงบ มีความ อ่อนน้อม ยิ้มแย้มแจ่มใส ก็เป็นคนไทยเหมือนกับเรานี่แหละ

หรืออาจจะเป็นไปได้ ที่ฝรั่งได้ช่วยกันสร้างภาพทั่วโลก ว่าเป็นศาสนาที่โหดร้ายเห็นแก่ตัว ชอบใช้อาวุธ เพราะเท่าที่ทราบ แม้มุสลิมก็มีหลายนิกาย มีวิธีการ และแนวความคิด ความเชื่อ ที่แตกต่างกัน และแต่ละประเทศ แต่ละภูมิประเทศก็ไม่เหมือนกัน

แต่ผมกลับมองในอีกมุมหนึ่ง ก็อาจจะเป็นไปได้ ที่ฝรั่งรังแกแขกอาหรับไล่ข่มเหง แอบเข้าไปเจาะน้ำมันไปขายทั่วโลก แล้วเจียดเงินให้เจ้าของประเทศเขานิดเดียว จนประเทศตัวเอง ร่ำรวย ถ้าใครได้ดูหนัง "ลอเร้นซ์ ออฟ อารเบีย" ที่มี ปีเตอร์ โอทูล เป็นพระเอก เป็นหนังที่ประทับใจมาก ที่คนอังกฤษคนหนึ่งทนเห็นแขกอาหรับถูกข่มเหงไม่ไหว

จับอาวุธนำกองทัพอาหรับขึ้นฟาดฟันกับฝรั่งจนฝรั่งทั้งโลกตกใจ และวันนี้ชาวอาหรับทั้งหลายก็ประกาศอิสรภาพ ลุกขึ้นสู้ฝรั่ง จนฝรั่งทั้งโลกตกใจ และวันนี้ชาวอาหรับ ทั้งหลาย ก็ ประกาศอิสรภาพลุกขึ้นสู้ฝรั่ง เพื่อเอาเหมืองทองคำ คือน้ำมันใต้ดินของเขาคืน ไล่ฝรั่งกลับบ้าน และกลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกทุกประเทศ

ก็มิใช่ฝรั่งนี่หรอกหรือ ที่จับประเทศของเขาแยกเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยหลักสงครามโลก เพื่อมิให้เขารวมกันได้ และเมื่อเขาลุกขึ้นต่อสู้ กลับถูกจัดว่าเป็นผู้ร้ายในสายตาโลก

นี่คือความคิดของชาวพุทธคนหนึ่งที่มองโลกด้วยสายตาแบบวิธีพุทธ ที่มองด้วยความอุเบกขา และให้ความเป็นธรรม เรามองคนที่มาอยู่ร่วมกับเราอย่างเป็นเพื่อน และเขาก็มองเรา อย่างเป็นเพื่อนที่มีน้ำใจ

ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้ใหญ่ระดับสูงของวงการมุสลิม ซึ่งถ้าออกชื่อแล้ว ผมว่าทั้งคุณเด่น โต๊ะมีนา และคุณอำนวย สุวรรณคีรี จะต้องสะดุ้ง ได้ช่วยในการเอา รายชื่อของชาวมุสลิม ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ชาวธรรมกาย ไม่ได้รับความเป็นธรรม ได้รับการปฏิบัติผิดรัฐธรรมนูญ มามอบให้กับวัดพระธรรมกาย

ทุกคนได้แสดงความเห็นใจอย่างสุดซึ้ง และในฐานะที่เป็นคนไทยเหมือนกัน แม้จะเป็นชาวมุสลิมบางคนไปเกี่ยวข้อง

สิ่งที่เขาแสดงออกมานั้น เป็นน้ำใจของชาวมุสลิม มาอย่างเพื่อน มาอย่างเห็นใจ และจะไปช่วยกันเซ็นมาให้มากกว่านี้อีก ไม่ต้องห่วง

ผมเห็นปึกเอกสารที่อยู่ตรงหน้า นับเป็นร้อยฉบับ ระหว่างที่นั่งเขียนอยู่นี้ นึกทบทวนทีไร้ก็น้ำตาซึม ซึ้งในน้ำใจของคนที่มีศาสนาอยู่ในหัวใจ แม้จะอยู่ต่างศาสนากัน แต่นี่คือเมืองไทย คนไทยที่ไม่เหมือนใคร

นี่ช่างเป็นภาพตรงข้ามกับรายการ "ตามหาแก่นจันทร์" เมื่อวันก่อนที่นอกจากเอาบุคคลในศาสนาหนึ่งมาออก ด้วยการยกย่องพินอบพิเทา ยังเออออห่อหมก คุยเรื่องพระเจ้า เป็นการ โปรโมท ให้เป็นอย่างดี ตั้งคำถามชนิดตั้งลูกให้เตะลูกโทษ หลังจากที่นับเป็นเวลาเดือนๆ ที่คุกคามศาสนาพุทธ ด้วยการเอาพระโนเนมกับพระเด็กๆ มาด่าพระผู้ใหญ่ กลางทีวี เป็นซีรีส์ ติดต่อกัน

ผมคิดว่า ตอนนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของเมืองไทย ถ้าผู้บริหารบ้านเมืองวันนี้ยังสายตาสั้น ไม่ทันเกม ทำตัวไม่รู้ไม่เห็น กระบนการทำลายพุทธไทยให้สิ้นสภาพ เข้ายุทธศาสตร์ "สวัสดิการ สัมพันธไมตรี นารีพิฆาต และ วินาศภัย" ที่บุคคลบางกลุ่ม บางคน ในศาสนาหนึ่ง ทุ่มเทใช้กับเมืองไทยมานาน เห็นที่จะได้ผลในยุครัฐบาลที่อ่อนแอสุดในยุคนี้

ถ้าอย่างนั้น "อนาคตพุทธศาสนาในเมืองไทย" จะฝากไว้กับใครดีครับ

"สิงห์ขาว"


[หน้าหลัก][หน้า1][วิวาทะ][สหัสวรรษ][ปุจฉา]

1