หน้า 1

ตร.งมหาหลักฐาน   จับศิษย์ธรรมกาย

มัยฤทธิ์ - เทอดชาติ ลบข้อครหาหนีคดี เข้ามอบตัวแล้ว ปฏิเสธทุกข้อหา ขอให้การในชั้นศาล ประกันตัวออกไปคนละ 2 ล้าน ตำรวจยังควานไม่เจอหลักฐานมัดศิษย์ธรรมกาย 40 คน ด้านสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้รับรายงานเรื่องนิคหกรรมจากพระพรหมโมลี แต่โยนเรื่องกลับไปใหม่ ให้ทำรายละเอียดชัดเจนกว่าเดิม "วิชัย ตันศิริ" เล่นแรง อัด "จำนงค์ สวมประคำ ซี 10 รองเลขาสนง.วุฒิสภา ให้กลับไปเกิดใหม่

ความคืบหน้าในการสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย เมื่อเวลา 10.30 น. นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค อดีตกรรมการมูลนิธิธรรมกาย และนายเทอดชาติ ศรีนพรัตน์ สองผู้ต้องหา ที่ทางพนักงาน สอบสวน ได้ออกหมายจับกุมเพิ่มเติมในข้อหา ร่วมกันสนับสนุน ให้มีการกระทำความผิด ฐานปลอมแปลงเอกสาร พร้อมด้วย นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความ ของพระราชภาวนา วิสุทธิ์ ได้เดินทางเข้ามอบตัว กับ พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม และ พ.ต.ท. ศุภพล อรุณสิทธิ์ รอง ผกก.3ป. ตามหมายจับกุมของพนักงานสอบสวน

นายมัยฤทธิ์ เปิดเผยว่า ตนเองได้เข้าไปศึกษาธรรมที่วัดพระธรรมกาย ตั้งแต่เรียนจบจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ส่วนเรื่องถูกหมายจับกุมนั้น ตนเพิ่งทราบ เพราะไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่วัด ส่วนรายละเอียดของการให้ปากคำ ตนไม่ขอเปิดเผย

ด้านนายเทอดชาติ กล่าวว่า ที่ตนเข้ามอบตัวนั้น ขอปฏิเสธทุกข้อหา และตนเองก็จำไม่ได้ว่า ตนเข้าไปมีชื่อเป็นผู้บริหารบริษัทในเครือของวัดพระธรรมกายที่ใดบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ผู้ต้องหาทั้งสอง ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ใช้เวลาในการสอบปากคำ นานกว่า 6 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้น และทางผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นหลักทรัพย์ประกัน เป็นสมุดเงินฝากของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาประชาชื่น ในวงเงินคนละ 2 ล้านบาท โดยมี น.ส.พรทิพย์ และ น.ส. พรรณทิพย์ พิริยะโยธิน มาเป็นนายประกัน ซึ่งทางพนักงานสอบสวน ก็ให้ประกันตัวออกไปได้ ตามสิทธิของผู้ต้องหา

ด้าน พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผู้บัญชาการสำนักงาน คณะกรรมการ ข้าราชการตำรวจ ในฐานะ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งได้ร่วมสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองด้วย เปิดเผยว่า ในการสอบปากคำครั้งนี้ ทางผู้ต้องหาทั้งสอง ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ เท่าที่ควร ซึ่งก็มีบางประเด็น ที่ผู้ต้องหายอมรับเช่น ข้อความในเอกสาร ลายเซ็นในเอกสารหลักฐาน ส่วนเรื่องอื่น ขอไปให้การในชั้นศาล

ส่วนเรื่องการไม่ให้ความร่วมมือ กับพนักงานสอบสวน ก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา ที่จะกระทำ และคิดว่า ไม่มีปัญหา เพราะพนักงานสอบสวนเอง ก็มีหลักฐานที่แน่นหนา ส่วนการส่งตัว ผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัว ให้กับพนักงานอัยการนั้น ก็ขอให้ทำการตรวจสอบ ทะเบียนประวัติอาชญากรรม จากกองทะเบียนประวัติ อาชญากรรม ให้เรียบร้อยก่อน และรอผลการตรวจพิมพ์ ลายนิ้วมือ รวมทั้งตรวจสอบ ข้อบกพร่องของสำนวน ให้เสร็จสิ้นก่อน ซึ่งคาดว่า คงใช้เวลาไม่นานก็สามารถ จะส่งตัวให้อัยการได้

นอกจากนี้ ในวันที่ 17 กันยายนนี้ คณะพนักงานสอบสวน ก็จะได้เข้าร่วมประชุมกับ พนักงานอัยการ เพื่อร่วมกันพิจารณาสำนวน การสอบสวนทั้งหมด ที่สำนักงานอัยการสูงสุด โดยพนักงานสอบสวน จะคอยเป็นผู้ชี้แนะ ประเด็นความผิด ในข้อหาต่าง ๆ รวมทั้งช่วยกัน สรุปสำนวนร่วมกันด้วย อีกครั้งหนึ่ง

ทางด้านประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายฟอกเงินนั้น ทางพนักงานสอบสวน ได้ขอประสานความร่วมมือไปยัง พ.ต.อ.พีรพันธุ์ เปรมภูติ รองผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ผู้บังคับการ สถาบัน ตำรวจนานาชาติ ซึ่งเคยมีส่วนร่วมในคดีเสี่ยสอง และ พ.ต.ท.สีหนาท ประยูรรัตน์ ผกก.อก.ปส.2 ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายฟอกเงิน มาให้ข้อมูลกับ ทางพนักงาน สอบสวน ด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ ทางพนักงานสอบสวน ไม่ได้รับความร่วมมือ ในการตรวจสอบเงินของพระธัมมชโย ซึ่งได้เปิดบัญชีเงินฝากอยู่ที่ ธ.กรุงเทพฯ , กสิกรไทย และไทยพาณิชย์ คาดว่า ในเรื่องดังกล่าว อาจเกิดจากการฟ้องร้องของ นายผ่อง เล่งอี้ ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้

สำหรับการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในคดีทุจริต วัดพระธรรมกาย ซึ่งมีอยู่อีกประมาณ 40 กว่าราย ที่ต้องถูกดำเนินคดีด้วยนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่ได้รับเช็คจากทางวัด รวมเป็นวงเงิน ร่วม 829 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของพนักงานสอบสวน

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานว่า พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ได้รายงานเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ให้กับ สมเด็จ พระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลางแล้ว แต่ทางสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ให้กลับไปทำรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนเรื่องที่ตำรวจรายงานว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมาในเรื่องข้าราชการระดับสูง ที่ไปเรียกร้อง เงินทอง เพื่อยุติคดีของพระธัมมชโยนั้น หากทางตำรวจมีข้อมูลอะไร ก็คงรายงาน มาแล้ว ซึ่งตนได้มีการกำชับว่า ถ้าหากได้รับการประสานงานแล้ว และรู้ตัวว่า เป็นใคร ก็ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหากมีมูลความจริง ก็จะให้ตั้งคณะกรรมการ สอบ ทางวินัยต่อไป และขณะนี้ กำลังประสานงานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่

ดร.วิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า พระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ได้ทำหนังสือชี้แจง เป็นลายลักษณ์อักษร เสนอไปยัง พระมหาธีราจารย์แล้ว ในส่วนเนื้อหาของ รายงานนั้น ตนเองได้สอบถามไป ซึ่งทางสมเด็จฯ ยังไม่ได้ดู

จากการที่มีการเสวนาเรื่อง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ที่วัดสามพระยา เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ตนอยากจะทำความเข้าใจว่า ร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ไม่ได้ออกมาจากกรมการศาสนา หรือกระทรวง ศึกษาธิการเลย แต่ว่า ก็มีแนวทาง แนวคิด ที่จะแก้ไขอยู่ ซึ่งยังไม่ได้ตกลงกัน คิดว่า อาจจะมีการหยิบขึ้นมาพูด ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ตนอยากจะเรียนให้ทางฝ่ายสงฆ์ โดยเฉพาะ ขอให้อธิบดีกรมการศาสนา นายพิภพ กาญจนะ ทำหนังสือรายงานไปถึงมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ราชวิทยาลัย และมหามกุฏราชวิทยาลัย เพื่อรับทราบ และจะได้ชี้แจงถึงสาเหตุ

ทั้งนี้ หนังสือชี้แจงที่ พระพรหมโมลี เสนอไปยังเจ้าคณะใหญ่หนกลางนั้น เจ้าคณะใหญ่จะเป็นผู้พิจารณาเป็นลำดับแรก่อน และสำหรับเรื่องที่ นายจำนงค์ สวมประคำ รองเลขาธิการ สำนักงานวุฒิสภา ที่เข้าร่วมเสวนาด้วย พูดว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามพระเสพเมถุน หากหญิงคนใด ได้พระเป็นสามี จะประเสริฐที่สุดนั้น จะมีได้อย่างไร ใครไปเชื่อแบบนั้น ก็กลับไป เกิดใหม่

ด้านนายพิภพ กาญจนะ กล่าวภายหลังประชุมมหาเถรสมาคมว่า กรมการศาสนา ได้นำเรื่องคัดค้านหนังสือยกฟ้องเกี่ยวกับการกล่าวโทษ พระธัมมชโย ของ นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา และนายสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ ที่ขอคัดค้านคำตัดสินวินิจฉัยของเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เข้าที่ประชุม มหาเถร สมาคม ซึ่งที่ประชุมได้ให้กรมการศาสนา นำเรื่องกลับมาให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เสนอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ก่อนจะนำกลับมาเข้าที่ประชุม มหาเถรสมาคม อีกครั้ง

นอกจากนี้รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้ให้พระพรหมโมลี รายงานใหม่กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ได้มีการกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จได้ 7 วัน โดยให้นับจากวันที่ 10 ก.ย.เป็นต้นไป ซึ่งอาจจะต้องทำรายงานลำดับเหตุการณ์ ตั้งแต่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี รับข้อกล่าวหาของผู้กล่าวหาทั้ง 2 ราย