ปีที่ 2 ฉบับที่ 744 ประจำวันพุธที่ 28 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542 |
กี่พรรษาไม่สำคัญ ขอมีจิตที่ศรัทธาไม่หวั่นไหวต่อวิชชาตถาคต
อาสาฬหบูชาปีนี้ มีโอกาสได้ตื่นแต่เช้า มาทำบุญตักบาตรกับเขา รู้สึกสบายใจเป็นพิเศษ 28 สิงหาฯ เทศกาลเข้าพรรษา พระภิกษุสงฆ์จะจาริกไปไหนอย่างไร ก็ต้องกลับมาจำวัด
พระสงฆ์บางรูปท่านไม่ปรารถนาอยู่ในชุมชนเมือง ก็เที่ยวหาที่เงียบสงัดตามป่าเขา ถ้ำ เพราะปรารถนาในวิเวก จำพรรษา เจริญสมาธิตลอด 3 เดือน ก็มี
คิดถึงพระเพื่อนที่ร่วมบวชเรียนกันมา เป็นทหารเกณฑ์ขี้เมาหยำเป นักเลงหัวไม้ เตะต่อย ตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊ก ปล้นแม้กระทั่งสตางค์ในกระเป๋าผู้บังเกิดเกล้าฯ
ปลดจากทหารเกณฑ์เพื่อนคนนี้ ก็หายหน้าไม่ได้รับการติดต่อกันจนเกือบลืมกันไป
แต่โลกมันกลม ผมมาเจอเพื่อนคนนี้อีกครั้ง แทบไม่เชื่อสายตา เมื่อเพื่อนของเรา กลายเป็นพระนุ่งห่มเหลือง สีหน้าเปล่งปลั่ง
ผิดหูผิดตาจากสภาพอสุรกุ๊ย กลายเป็นนักบวชผู้เจริญในศีล เคร่งครัดแต่พระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง ผมต้องยกมือทั้งสองขึ้น พนมไหว้ท่าน ในฐานะผู้อาวุโส บวชเรียนก่อนผม ถึง 2 พรรษา ขณะที่ผมเองเป็นนวกะใหม่ซิงๆ
ผมลาสิกขามาเมื่อปี 2534 แวะเวียนไปหาท่านบ่อยครั้งในช่วงระยะแรก แต่ไม่ค่อยได้พบ
พรรษาที่แล้วนึกว่า พระเพื่อนท่านจะกลับมาจำพรรษาที่กรุงเทพฯ วัดบวรฯ ก็ไม่พบ พรรษานี้สอบถามพระเณรที่วัด ก็ได้คำตอบว่า สงสัยหลวงพี่ท่านจะชอบอยู่ป่า พรรษานี้ อาจจำ อยู่ในลาวหรือเขมร
เขียนมาอย่างนี้ ก็มิได้ต้องการ เอาเรื่องส่วนตัว มาเล่าให้ใครฟัง แต่เห็นว่า ตรงกับช่วงเข้าพรรษาพอดิบพอดี และยังชี้ให้เห็นว่า คนที่คลุกคลีกับกิเลสตัณหา หากตัดก็ตัดได้เด็ดขาด ส่วนพวกที่บวชเรียนมีความรู้ถึง ปธ.9 ตำแหน่งเจ้าคุณจ่อคิว ยังแพ้ภัยตัวเอง สึกหาลาเพศมาใช้ชีวิตปุถุชนทั่วไป
สรรพสิ่งมีเกิดดับเกิดดับ ปุถุชนๆๆๆ
จึงฝากให้เพื่อนพี่น้องชาวพุทธ โดยเฉพาะพี่มหานอกวัด ตระหนักถึงความเป็นพระภิกษุนั้น มีความยากลำบากเพียงใด เหน็ดเหนื่อยเพียงใด ต่อการต่อสู้กับ กองมาร กองกิเลส
พูดให้ชัดๆ ไปเลยดีกว่า
เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต ท่านก็ทรยศพ่ายแพ้ต่อ ความเป็นเพศสมณะมาแล้ว หันหลังให้กับพระนิพพานแล้ว
จะวิพากษ์วิจารณ์พระในพระศาสนา ก็ควรยืนอยู่บนใจที่ไร้อคติ การพูดหรือการแสดง ความคิดเห็นเพื่อนำไปซึ่งความสะใจ เมามันในอารมณ์ หรือกระพือเพื่อลาภสักการะ ก็ควรมี จรรยาบรรณในวิชาชีพบ้าง
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเลาที่ผ่านมา 6-7 เดือน กรณีธรรมกาย กลายเป็น กรณีวิวาทะ เผ็ดร้อนมาโดยตลอด และส่วนใหญ่ผู้ที่ออกมาชี้นำ ก็มักเอาอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว มาตัดสิน แทนปัญญาทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็น มาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญกรมการศาสนา ก็มีภาพขายความสะใจ ฟ้องร้องเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย จนเจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ ท่านรับประทับรับฟ้องไปแล้ว ก็ออกมาให้ข่าวขู่ว่า จะฟ้องอีกคดี
ไม่สงสารพระแก่ๆ บ้างหรือครับ เข้าพรรษาแล้ว ท่านจะได้ใช้เวลาเจริญสมาธิ ปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่างเต็มแรงบ้าง
วันนี้ วันมงคล ผมไม่ขอพูดถึงเรื่องเสื่อมทราม สินบนไว้วันหน้า
แต่เรื่องที่สื่อมวลชนพยายามบิดเบือน สุมหัวกับคอลัมนิสต์ เสนอข่าว สินบน 3 ล้าน กล่าวหาว่า วัดพระธรรมกาย ออกมาให้ข่าวว่า ตำรวจรีดเงินวัดนั้น ทำไมถึง บิดเบี้ยวข้อมูล ความจริง ได้ถึงเพียงนี้
หยุดเถิดครับ ขบวนการ 18 อรหันต์ หัดกันเขียนข่าว ทำร้ายคนบริสุทธิ์ ที่ผ่านมา วัดไม่เคยแตะต้องพนักงานสอบสวน มีแต่ชมเชยว่า ตำรวจเข้าใจพระดีว่า มีข้อจำกัดอย่างไร
แต่แล้วก็มีข่าวอัปมงคลบิดเบือนกล่าวหาว่า วัดพระธรรมกายแจ้งว่า มีตำรวจพนักงานสอบสวน รีดไถเงิน เพื่อล้มคดีความ
ใครจะรับ ใครจะให้ซึ่งสินบน ก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้องทั้งนั้น ดังนั้น ควรทำกรณีนี้ให้กระจ่าง หวังใจว่า พนักงานสอบสวน คงมีความหนักแน่นเกี่ยวกับเรื่องนี้
อีกเรื่องว่า จะไม่พูดแต่ก็ต้องพูดถึง สองวันที่แล้ว ส.ศิวรักษ์ นักเหน็บแนมมืออาชีพ พ่นน้ำลายก่นด่าพระไปทั่วประเทศ ณ โรงละครแห่งชาติ
สงสัย ส.ศิวรักษ์ จะมาผิดที่ผิดทาง ที่ว่าโรงละครนั้น เป็นละครสัตว์อ่ะป่าว!!!
จึงพูดจากชนิดไม่กลัวนรกสวรรค์ พระสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ช่วยเหลือเกื้อกูลสัตว์โลก เป็นผิด เป็นเลว ร้องว่า ไม่ใช่กิจของสงฆ์ พระบอกบุญตั้งกองทุนกู้ชาติ เป็นธุระรับ บริจาคเงิน ทองคำจากประชาชนคนไทย ก็หาว่า เพี้ยน
แล้ว ส.ศิวรักษ์ คนดีมีคุณธรรมสูง เหนือเดรัจฉานเป็นไหนๆ จะให้พระเหล่านี้ ท่านทำอะไรดีครับ?
เออ.. ลืมไป พระรูปอื่นเลวหมด ไม่เฉพาะแต่วัดพระธรรมกาย
แต่ท่านก็ยังเปิดใจกว้างชื่นชม พระธรรมปิฎกว่า เป็นพระดี เคร่งครัดพระธรรมวินัย ก็ตั้งพระธรรมปิฎกเป็นศาสดา ไปเสียเลยซี
พร้อมกับร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ใหม่ มีส.ศิวรักษ์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พระธรรมปิฎกเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีพระพยอมเป็นเหรัญญิก หรือ พระสมุบัญชี นับเงินเข้าเงินออก ก็เข้าท่าดี
ชำระพระไตรปิฎกเสียใหม่ ประกาศเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ดังกระหึ่มโลกไปด้วยว่า ...
พระนิพพานของอาตมาผู้มีอัตตาใหญ่ๆ ต้องเป็น "อนัตตา" นะโยม..
แล้วก็เที่ยวของจาริกวางตนเป็นพระนักธรรมทูต ออกเทศน์นิพพานใหม่ๆ มาแล้วจ้า นิพพาน เอาไหมจ๊ะ สัมผัสไม่ได้นะ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง อาตมาก็ยังไม่รู้ เพราะไม่มีตัวตน เป็น เพียงลมปาก ที่เพิ่งคิดค้นได้ ไม่ถึงชั่วอายุคนนี้เองจ้าคุณโยม
แล้วก็นิมนต์ ท่านเจ้าคุณปยุต เจริญสัมพันธ์ไมตรี กับตะวันออกกลาง ช่วยเจรจาสันติภาพให้เกิดขึ้นในตะวันออกกลางหรือติมอร์นั้นแหละ
นี่แหละครับกิจนิมนต์ของพระในอุดมคติ
โซตัส