ปีที่ 2 ฉบับที่ 731 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 15 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542

วิวาทะ

วิวาทะแห่งพระนิพพาน ใครกันแน่ ที่กล่าวตู่พระพุทธศาสนา (2)

วิวาทะนิพพานเป็นอนัตตาหรืออัตตา จากฉบับเมื่อวาน เป็นความเห็นของม.ล.จิตติ นพวงศ์ ศิษย์ห้องกระจก แห่งวัดบวรนิเวศ ซึ่งวิพากวิจารณ์ความเห็น เกี่ยวกับ พระนิพพานของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลงทางผิดรูปผิดรอย เป็นความเห็นของ ผู้ทรามปัญญา ซ้ำยังนำมาเผยแผ่สอนผู้อื่น ให้เห็นเหมือนหลวงปู่มั่นด้วย

ม.ล.จิตติ นพวงศ์ ถูกสังคมชาวพุทธจับตาเป็นพิเศษ เมื่อหล่อนออกมาเคลื่อนไหว และมีกระแสเข้าไปข้องเกี่ยวกับ พระลิขิตของ สมเด็จพระสังฆราชฯ และยังเป็นอีกผู้หนึ่ง ที่ออกมา โจมตี วัดพระธรรมกาย และพระราชภาวนาวิสุทธิ์

หล่อนยังยืนยันชัดแจ้งด้วยว่า พระลิขิตเป็นของจริง ไม่ใช่ของปลอม แม้พนักงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเข้าไปตรวจสอบ ตามหน้าที่ แต่ก็ถูก ม.ล.จิตติ นพวงศ์ ตำหนิว่า เป็นการ ไม่บังควร อย่างยิ่ง ที่จะมาตรวจสอบ

จนกลายมาเป็นประเด็นคับข้องใจกันอยู่ทุกวันนี้ว่า พระลิขิตนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร

จริงอยู่ แม้ว่าสำนักเลขานุการ ในสมเด็จพระสังฆราชฯ โดยพระราชรัตนมงคล จะออกหนังสือรับรองภายหลังว่า พระลิขิตจริงแล้วก็ตาม แต่ก็เกิดขึ้น หลังจากการบีบรัดจาก คนรอบข้าง

แต่ก่อนหน้านี้ พระราชรัตนมงคล ในฐานะเลขานุการในสมเด็จพระสังฆราชฯ ซึ่งมีหน้าที่สนองงานพระสังฆราชฯ โดยตรง กลับปฏิเสธยืนยันว่า ไม่เคยรับรู้เกี่ยวกับ เรื่องพระลิขิต มาก่อน แม้จะมีพระลิขิตออกมา ในช่วงนั้นแล้ว 1-2 ฉบับ และอีกหลายๆ ฉบับในเวลาต่อมา

พระราชรัตนมงคลยืนยันว่า ไม่เคยเห็น "กูไม่รู้เรื่อง" ตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับพระลิขิตทั้งวัน จนไม่เป็นอันต้องทำอะไรแล้ว

ต่อเมื่อมีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบที่ไปที่มาของพระลิขิต พระราชรัตนมงคลจึงได้ทำหนังสือยืนยันออกมาภายหลัง รับรองพระลิขิต

จึงมีความถามว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทำไมไม่แสดงความกล้าหาญในการปกป้องพระสังฆราชฯ ด้วยการทำความจริงให้ปรากฏ

เพราะการเข้าไปตรวจสอบเพียงวันสองวัน แล้วถูกศิษย์ห้องกระจกตะเพิดออกมา อีกทั้งเอกสารหลักฐาน ซึ่งคือพระลิขิต ตัวจริงหรือตัวต้นฉบับนั้น ก็ไม่มีการนำม าพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ พฐ. ยึดถือปฏิบัติกันตามปกติอยู่แล้วนั้น

จะต้องนำกระบวนการดังกล่าวมาปกป้องรักษาองค์ประมุขสงฆ์ เพื่อไม่ให้มีการกล่าวอ้างถึงเรื่องพระลิขิต ในทางที่เสื่อมเสียอีก

ดังปรากฏเป็นความคดีอาญาร้อนแรงขึ้นเร็วๆ นี้

เสฐียรพงษ์ วรรณปก ผู้ที่เคยจาบจ้วงบังอาจเสนอแนะให้องค์สมเด็จพระสังฆราชฯ ลาออกจากตำแหน่งปกครองสงฆ์ เพื่อยุบคณะมหาเถรสมาคม ชุดเดิมทิ้ง แล้วให้ตั้ง คณะกรรมการ มหาเถรสมาคมชุดใหม่ ให้ดำเนินการพิจารณาตัดสิน วัดพระธรรมกาย ตามความรู้สึก และเจตนาของกลุ่มคณะบุคคล พรรคพวกตนเอง

กลับแสดงตนเป็นผู้ปกป้องพระสังฆราชฯ ในเวลาต่อมา ด้วยการฟ้องร้องแจ้งความ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีอาญา กับเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ที่ออกมา พูดถึงเรื่องพระลิขิต จนเข้าข่ายหมิ่น สมเด็จพระสังฆราชฯ

ผลพวงที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่หย่อนยานของเจ้าพนักงาน ที่เข้าไปตรวจสอบพระลิขิตนั่นเอง

จึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ที่สังคมไทยเราขาดบุคลากรที่มีความกล้าหาญ จนกลายมาเป็นประเด็นปัญหา กระทบกระเทือนไปถึง เบื้องพระบาทสมเด็จพระสังฆราชฯ ถึงเพียงนี้

กลับมาพูดถึงความเห็นเรื่องพระนิพพานต่อ

เมื่อปี 2515 ม.ล.จิตติ นพวงศ์ เขียนบทความหักยอดพระนิพพานตอบโต้พระอาจารย์มั่น ในหนังสือพิมพ์ศรีสัปดาห์ มีเนื้อหายืนยันว่า แนวทางของพระอาจารย์มั่น ผิดรูปผิดรอย เป็น ไปไม่ได้ที่พระอรหันต์ จะกลับมาแสดงท่านิพพาน ให้พระอาจารย์มั่นดู เพราะไม่มีปรากฏ ในพระไตรปิฎกว่า พระอรหันต์นิพพานไปแล้ว จะกลับมาทำเช่นนั้นได้

สรุปเพื่อความเข้าใจให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ม.ล.จิตติ นพวงศ์ ปฏิเสธสภาพนิพพานเป็นอัตตา ตามที่พระอาจารย์มั่นท่านยืนยัน แต่หล่อนมีความเห็นว่า พระนิพพานต้องเป็นอนัตตา นิพพาน ไปแล้ว คือการดับสูญ เปล่าเปลือยนั่นเอง

ความเห็นของม.ล.จิตติ นพวงศ์ จึงไม่ต่างอะไรไปจากนักการศาสนาอย่าง เสฐียรพงษ์ วรรณปก หรือพระปริยัติ ที่มีแต่หนังสือ และการรู้จำจากตำรับตำราเท่านั้น

โดยไม่สนว่า พระพุทธองค์จะทรงถึงการไม่ยึดถือยึดติดไว้อย่างไร ต้องทำความเข้าใจตรงนี้ให้ตรงกันก่อนว่า พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เมื่อพระองค์ดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ให้ถือ เอาพระธรรมวินัยเป็นศาสนาแทนพระองค์

คำว่าพระธรรมวินัย ไม่ใช่พระไตรปิฎกที่ผ่านมือปุถุชน บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรตามรู้ภูมิปัญญา ปัญหาของแต่ละบุคคล ผ่านร้อนผ่านหนาว แก้ไขมายาวนานกว่านั้น พระพุทธองค์ ยังทรงตรัสถึงธรรม ที่พระองค์แสดงเปรียบไปแล้ว ก็เท่ากับใบสมอลายในกำมือ แต่พระธรรมที่พระองค์ ทรงค้นพบยิ่งใหญ่กว่ามากมายนัก พระองค์เปรียบธรรมที่ค้นพบคือ ใบสมอลาย ในป่าใหญ่

คนโง่เขลาเบาปัญญาก็ยังออกมาแสดงอวิชชาที่ตนยึดติด สำคัญเป็นปราชญ์เที่ยวสั่งสอนผู้อื่นให้มาก มีอวิชชาดังตน

ม.ล.จิตติ นพวงศ์ มีความเห็นแย้งกับพระอาจารย์มั่นว่า ไม่มีพระบาลีระบุไว้ว่า พระอรหันต์นิพพานไปแล้วจะมาสนทนากับ คนที่ยังไม่นิพพานได้ ก็ถูก

แต่ก็ไม่มีปรากฏในพระบาลีเลยว่า พระอรหันต์ที่นิพพานแล้ว จะมาทำเช่นนั้นไม่ได้เป็นอันขาด

เรื่องพุทธวิสัย คนปัญญาหยาบหนาไม่อาจเข้าใจได้ รู้แต่เพียงนิพพานไม่มีปัจจัยมาปรุง หมดเชื่อแห่งกิเลสตัณหาอย่างสิ้นเชิง บังคับบัญชานิพพานแห่งตน ให้เป็นได้ทั้งอัตตา หรือ อนัตตา ตามสัญญาที่มนุษย์อุปโลกขึ้นมา อยู่ในพุทธวิสัย ของผู้ทรงนิพพาน จะเสกสรรปั้นแต่งอยู่แล้ว

ขอเพียงเข้าใจว่า พระนิพพานหลุดพ้นจากอำนาจแห่งไตรลักษณ์ นิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้ว คงพอเห็นแสงสว่างมีสัมมาทิฏฐิก่อนลงโลงกันบ้าง

(อ่านต่อฉบับหน้า)

โซตัส

[หน้าหลัก] [หน้า1][วิวาทะ][ปุจฉา]

1