ปีที่ 2 ฉบับที่ 731 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 15 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542
หน้า 1
"วิชัย" ประกาศจุดยืน กู้วิกฤติพุทธ ตามหลักกฎหมาย
นายกฯ ขอเวลาให้รมต. แก้ปัญหาวัดธรรมกาย
โพลชี้ รัฐบาลพังก่อนวัด
ตำรวจขอเวลาสอบที่ดินธรรมกาย ระบุยังไม่สามารถชี้ความผิดพระธัมมชโยได้ ด้านนายกฯ ชวน ลั่นเรื่องศาสนาละเอียดอ่อน ต้องใจเย็นๆ ย้ำอย่าแบ่งเป็น ความรับผิดชอบ ของพรรคใด พรรคหนึ่ง ด้าน "วิชัย ตันศิริ" ประกาศจุดยืน ไม่รับหลักการ แก้ปัญหาธรรมกาย ตามพระลิขิตสังฆราช พูดชัด ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย เผยโพลชาวบ้าน ไปก่อนวัด พระธรรมกาย ขณะที่กมธ.ศาสนา กัดไม่ปล่อย ประธานมุสลิม เสนอหน้า แก้ปัญหาพุทธ ร้องหนังสือมงคลชีวิต บิดเบือนพระไตรปิฎก เดินหน้าเสนอ มส.ห้ามเผยแผ่ด่วน.
มีการประชุม พนักงานสอบสวน กรณีการดำเนินคดีกับ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ 14 ก.ค. โดยมี พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผู้บัญชาการ สำนักงาน คณะกรรมการ ข้าราชการ ตำรวจ หัวหน้าชุดสอบสวน เป็นผู้นำเสนอรายงานต่อ พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติ
เพื่อนำเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีการฉายสไลด์ภาพของ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ และวัดพระธรรมกาย โดยไม่ได้ให้สื่อมวลชน เข้ารับฟังแต่อย่างใด
พล.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวภายหลังรับฟังรายงาน สรุปการสืบสวนสอบสวนคดี พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ว่า การสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก แม้จะใช้เวลาไปถึง 1 เดือนแล้ว แต่ก็ยัง ไม่เพียงพอ ที่จะสรุปสำนวนเสนอ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยชุดสอบสวน ได้ขอเวลาอีกระยะหนึ่ง
เนื่องจาก มีพยานอีกหลายปาก ที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้สอบ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินตรวจสอบได้ยาก เพราะการซื้อขาย ทำมานานตั้งแต่ปี 2534 ซึ่งกรมที่ดินให้เหตุผลว่า สำนักงาน ที่ดิน ในต่างจังหวัด ไม่มีระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
พล.ต.ท.วาสนา ได้เสนอให้มีการแต่งตั้ง พนักงานสอบสวนเพิ่มอีกกว่า 10 คน ซึ่งจะเป็น พนักงานสอบสวน ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัด ของที่ดินที่มีชื่อ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ กระจายอยู่ทั่ว ประเทศ รวม 15 จังหวัด นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะประสานกับ สถาบันการเงิน ในการตรวจสอบบัญชีเงินฝาก ของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ การโอนขายที่ดินของ วัดพระธรรมกาย การดำเนินการต่างๆ ต้องรอบคอบ เพื่อรวบรวมเอกสารให้สมบูรณ์ แล้วนำไปสู่การวินิจฉัยว่า ผิดหรือไม่ ถ้าผิด ก็จะมีการขออนุมัติ ออกหมายจับกุม ต่อไป
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ต้องมีการสอบปากคำ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ อย่างแน่นอน แต่ขั้นตอนขณะนี้ยังไม่ถึง และจากการสอบสวนเจตนา และที่มาที่ไป ของการ ซื้อขายที่ดิน ของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ บางแปลง ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ต่อรูปคดี แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
"แม้ว่าขณะนี้จะมีหลักฐานรวบรวมอยู่มาก แต่ยังยืนยัน ในเรื่องการแจ้งข้อหากับ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ไม่ได้ ต้องรอไปก่อน ส่วนที่เกรงกันว่า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ อาจหลบหนี ไปเหมือนยันตระนั้น พล.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า ในขณะที่ยังไม่มีการจับกุม ต้องถือเป็น สิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล ที่จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ได้"
พล.ต.ท.วาสนา กล่าวว่า ได้รับการติดต่อจาก พระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย เพื่อขอเลื่อนวัน ให้ปากคำออกไปอีก แต่ตนยืนยันให้มาให้ปากคำ ในวันที่ 16 กรกฎาคม ที่กองปราบปราม จนถึงช่วงบ่าย ถ้าไม่มา ตำรวจจะมีมาตรการดำเนินการ
นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า พรรคชาติไทยอยากจะเข้าไป ดูแลปัญหาวัดพระธรรมกาย ด้วยตัวเอง เนื่องจากที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความล่าช้าว่า เรื่อง การแบ่งงานใน กระทรวงศึกษาธิการ ขึ้นอยู่กับอำนาจของ รัฐมนตรีว่าการ จะตัดสินใจให้ใครดูแล
แต่ทั้งหมด รัฐมนตรีว่าการ จะต้องมีส่วนรับผิดชอบ ซึ่งได้ขอให้รัฐมนตรีทั้งสามคน ช่วยกันทำงาน ให้เป็นทีมเดียวกัน โดยไม่ควรแบ่งว่า เป็นรัฐมนตรีจากพรรคใด และการ ดำเนินการ แก้ปัญหา วัดพระธรรมกาย เป็นเรื่องของฝ่ายสงฆ์ ที่จะต้องดูแล ในเรื่องของ กฎนิคหกรรม ซึ่งยอมรับว่า ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรที่เร็ว อย่างที่อยากเห็น ดังนั้น ต้องใช้เวลา เพราะ การสอบฝ่ายสงฆ์ เป็นเรื่องที่จะต้อง ระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีก็ทราบดีว่า ประชาชนเร่งรัด อยากให้ปัญหาดังกล่าว ยุติโดยเร็ว ซึ่งทางรัฐมนตรี ก็กำลังเร่งติดตามอยู่ จึงอยากขอ โอกาสให้รัฐมนตรี ได้ทำงานก่อน
อีกด้านหนึ่งที่ รัฐสภาว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร มีนายเด่น โต๊ะมีนา เป็นประธาน ได้พิจารณาถึง กรณีวัดพระธรรมกาย โดยเชิญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจง ประกอบด้วยนายปราโมทย์ โชติมงคล รองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย นายสุวัฒน์ เงินฉ่ำ รองปลัดกระทรว งศึกษาธิการ นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมศาสนา
ภายหลังการประชุม นายอำนวย สุวรรณคีรี ที่ปรึกษากรรมาธิการฯ แถลงว่า เนื่องจากการที่คณะกรรมาธิการฯ ได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด ล่าสุดพบว่า ทางวัดพระธรรมกาย จัดโครงการ ตอบปัญหาธรรมะ ทางก้าวหน้า โดยใช้หนังสือมงคลชีวิต เป็นหนังสืออ้างอิง ซึ่งหนังสือเล่มนี้ จากการตรวจสอบของ นักวิชาการทางศาสนา พบว่า เป็นหนังสือที่แต่งขึ้น โดยบิดเบือน หลักพระไตรปิฎก
ทางกรรมาธิการฯ ก็เห็นด้วย และจะประสานไปยัง สถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับทราบ และจะจัดเก็บ หนังสือมงคลชีวิต ซึ่งเผยแพร่ ตาม ชมรมพุทธศาสนา สถาบันต่าง ๆ ต่อไป
ในส่วนของกระทรวงศึกษาฯ ขณะนี้กำลังรวบรวม นักวิชาการศาสนา ทำการศึกษาวิเคราะห์ หนังสือมงคลชีวิต อีกครั้ง โดยจะวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อสรุปรายงานผล นำเสนอต่อ ที่ประชุม คณะกรรมการ มหาเถรสมาคม ต่อไป ในอันที่จะขอมติ มหาเถรฯ เพื่อจัดเก็บหนังสือเล่มนี้ มิให้เผยแพร่ ออกไปสถาบันอื่น
ค่ำวันเดียวกันนี้ สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 รายการ กรองสถานการณ์ของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้เชิญ นายวิชัย ตันศิริ รัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ ร่วมกับ วิทยากรอีก 2 คน ทั้งนี้ รายการได้เปิดสายโทรศัพท์ ให้ผู้ชมทางบ้าน แสดงความคิดเห็นว่า "ใครไปก่อนกัน" ระหว่างรัฐบาลกับวัดพระธรรมกาย ผลปรากฏว่า มีผู้แสดงความเห็นว่า รัฐบาล ไปก่อนถึง 235 ราย และวัดพระธรรมกายไปก่อน มีเพียง 60 ราย
ระหว่างการสนทนา นายวิชัย ตันศิริ ถูกยิงคำถามเกี่ยวกับ การแก้ไขปัญหา วัดพระธรรมกาย โดยพิธีและวิทยากร อีก 2 คน เสนอว่า ถ้าเขาเป็นรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ จะดำเนินการ แก้ไขปัญหา วัดพระธรรมกาย ตามพระลิขิตของ สมเด็จพระสังฆราช
อย่างไรก็ตาม นายวิชัย ปฏิเสธที่จะรับแนวทาง หรือความคิดเห็นดังกล่าวไปปฏิบัติตาม โดยให้เหตุผลว่า การแก้ไขปัญหา วัดพระธรรมกาย ต้องคำนึงถึง กฎหมายเป็นหลัก เพราะ บ้านเมืองหรือสังคมเรา อยู่กัน ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ใช่กรณี จะเอาความเห็นไปตัดสิน หรืออีกกรณี เอากฎหมายไปตัดสิน เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จะถูกมองว่า เป็นการเลือกปฏิบัติได้
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะเลือกไม่มีความชัดเจน ในการแก้ไขปัญหา วัดพระธรรมกาย เพราะยังหวังพึ่ง คะแนนเสียงธรรมกายอยู่หรือไม่ นายวิชัย ปฏิเสธทันทีว่า ไม่เคยคิดถึง เรื่องคะแนนเสียง การที่เขามารับหน้าที่ตรงนี้ มีจุดประสงค์เพื่อ ทำนุบำรุงพระศาสนาเป็นหลัก ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับคะแนนเสียงแต่อย่างใด
ต่อข้อถามที่ว่า การทำงาน มีความหนักใจที่จะทำงานร่วมกับรัฐมนตรีพรรคชาติไทยหรือไม่ นายวิชัย ระบุว่า ไม่มีความหนักใจอะไร เพราะเขารู้จัก และเคยร่วมงานกับ รัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ คือ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล โดยเฉพาะ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา เคยทำงานร่วม ในคณะกรรมาธิการ ชุดเดียวกันมาแล้ว จึงไม่น่าจะมีความเห็นขัดแย้งอะไร