ปีที่ 2 ฉบับที่ 716 ประจำวันพุธที่ 30 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2542

หน้า 1

บ้านกัลยาณมิตร แค่ปฏิบัติธรรม

สมเด็จพระสังฆราชฯ ตรัส คนดีจะต้องช่วยกันปกป้องบ้านเมือง และพระพุทธศาสนา ลูกศิษย์วัดธรรมกายมึน โทร.ถึง "พิมพ์ไทย" วัดจัดโครงการบ้านกัลยาณมิตร ผิดตรงไหน เป็นการส่งเสริมการปฏิบัติธรรมในหมู่ลูกศิษย์ และไม่ได้มีการเรี่ยไรนอกวัด ตามที่ถูกกล่าวหา ด้านนายอำนาย สุวรรณคีรี ยังเล่นไม่เลิก ยุตั้งชุดเฉพาะกิจ สังกัดนายกรัฐมนตรี ช่วย พิจารณาคดีวัดพระธรรมกาย ซ้ำซ้อนกับงานมหาเถรฯ และตำรวจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานอนุญาต ให้คณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้า ถวายสักการะ ซึ่งตามกำหนด พระศาสนกิจ ผู้อำนวยการ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และคณะจะเข้าเฝ้า ถวายสักการะ แต่เมื่อถึงกำหนดเวลา ได้มีการติดต่อขอเลื่อนไป จึงมีเพียงประชาชนทั่วไป เข้าเฝ้าถวายสักการะ รวมทั้งคณะของ นายนะเพ็งพาแสง กฤษณามระ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายงานลูกค้าบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และคณะบุคคล จากบริษัท สยามร่วมมิตร จำกัด เข้าเฝ้าถวายสักการะ และเวลา 09.30 น. นายพิเชฐ พัฒนโชติ และ ดร.ทิวา ศุภจรรยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย ด้านเศรษฐกิจ ได้เดินทางมาเข้าเฝ้า ถวายสักการะ

จากนั้น สมเด็จพระสังฆราช เสวยพระกระยาหาร บริเวณด้านหน้าพระตำหนักที่ประทับ คอยท่าปราโมช คณะเหลืองรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร

ต้องช่วยกันปกป้องบ้านเมืองและพระพุทธศาสนาเพื่อให้สิ่งต่าง ๆ ผ่านพ้น

นายทินกร รัตนกุสุมภ์ เลขาธิการในสมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายคฤหัสถ์ เปิดเผยหลังจากเข้าเฝ้าถวายสักการะสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ว่า สมเด็จพระสังฆราช ทรงรับสั่งถึงประวัติศาสตร์การเริ่มสร้างบ้านเมือง ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และได้ตรัสถึงดวงเมืองว่า คนดีจะต้องช่วยกัน ปกป้อง บ้านเมืองและ พระพุทธศาสนา เพื่อให้สิ่งต่าง ๆ ผ่านพ้นไปได้ บุคคลใดที่ทำกรรมดี ก็ต้องได้รับผลดี บุคคลใดไม่ดี ผลร้ายก็ตอบสนอง พร้อมทรงเปรียบเทียบว่า สมมติให้ความดี เป็น เหมือนก้อนหิน ความไม่ดีเป็นสำลี ทั้งสองสิ่งอย่างไร ก็ต้องตกสู่พื้น แต่คนที่ทำไม่ดี แล้วยังได้ดีอยู่ ก็เพราะกรรมดียังส่งผล แต่ในไม่ช้า ผลของกรรมไม่ดี จะต้องตามมาอย่างแน่นอน เพราะว่า คนดีอยู่เฉย ๆ ไม่ออกมาช่วยกัน กู้บ้าน กู้เมือง ออกมาร่วมกัน สมัครสมานสามัคคี ช่วยกันให้ชาติบ้านเมืองอยู่รอด แบบร่มเย็นเป็นสุข

ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายคนหนึ่งให้ความเห็นว่า เรื่องการจัดตั้งโครงการ บ้านกัลยาณมิตร ที่วัดพระธรรมกาย กำลังทำอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นการส่งเสริมการปฏิบัติธรรม ในหมู่ลูกศิษย์ ไม่ใช่เป็นการคิดหาเงินเข้าวัด อย่างที่ถูกกล่าวหาแต่ประการใด

ในช่วงที่ผ่านมา วัดพระธรรมกายถูกสื่อมวลชนโจมตีอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดความรู้สึกขุ่นมัวขึ้นในจิตใจ ทางพระราชภาวนาวิสุทธิ์ เจ้าอาวาส จึงเห็นว่า ควรจะให้ลูกศิษย์ วัด พระธรรมกาย ปฏิบัติธรรมให้มากขึ้น เพื่อชำระความไม่ผ่องใสของจิตใจออกไป และทำใจให้สงบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ไปตอบโต้ ทั้งนี้เพื่อความสุข และชีวิตความเป็นอยู่ของ ลูกศิษย์ วัดเอง

โครงการบ้านกัลยาณมิตร จะคงดำเนินการต่อไป เพราะถือว่า เป็นการส่งเสริมการปฏิบัติธรรมภายในครอบครัวของลูกศิษย์ ไม่ได้มีการเรี่ยไรนอกวัด ตามที่ถูกกล่าวหา และไม่ผิด คำวินิจฉัยของมหาเถรสมาคมอีกด้วย

ส่วนเรื่องที่นิตยสาร "ไทม์" เอาเรื่องของเจ้าอาวาส ไปตีพิมพ์นั้น เป็นการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ตามธรรมดาเท่านั้นเอง ทำไมสื่อมวลชนต่างประเทศจะตีพิมพ์ข่าวของวัด ไม่ได้ หรืออย่างไร และสิ่งที่ตีพิมพ์ออกไป ก็เป็นเรื่องการปฏิบัติธรรมของเจ้าอาวาส ไม่ใช่เรื่องอาชญากรรม หรือโสเภณีข้ามชาติ ไม่ส่งผลเสียต่อภาพพจน์ของประเทศ จึงเป็นสิ่งที่น่าสงสัยว่า สื่อมวลชน ทำไมจึงต้องโจมตีวัดด้วยถ้อยคำรุนแรง ทั้งๆ ที่ บางเรื่องไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย

สำหรับเรื่องการถือครองที่ดินของเจ้าอาวาสนั้น ที่ดินส่วนใหญ่ที่ได้มา ก็ได้มาโดยสุจริต เจ้าของที่ดินเต็มใจโอนให้ทุกแปลง ไม่มีการไปขู่เข็ญบังคับ ตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งเชื่อว่า ในเรื่องนี้ ศาลยุติธรรมจะสามารถพิสูจน์สิทธิ การถือครอบครองของเ จ้าอาวาสได้เป็นอย่างดี เพราะเรามีพยานหลักฐานครบถ้วน จึงอยากให้ลูกศิษย์วัด ที่เป็นห่วงเป็นใยอยู่ขณะนี้ สบายใจได้ หลังจากผลการพิสูจน์สิทธิ์ของศาล มีผลสรุปออกแล้ว เรื่องปัญหาที่ดิน น่าจะจบ เพราะเป็นการพิพากษาของ ศาลยุติธรรม ซึ่งถือเป็นบรรทัดฐานของสังคม

นายอำนวย สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษา คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร แสดงความห่วงใยต่อขั้นตอน การพิจารณาปัญหาวัดพระธรรมกาย ในทาง สงฆ์ ซึ่งเป็นอยู่ขณะนี้ว่า ควรเป็นอย่างที่ตน เคยเสนอมาตลอด ให้มีการตั้งชุดเฉพาะกิจ ที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยชุดดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการในทุกด้าน ได้แก่ หน่วยข่าวต่าง ๆ อัยการ เป็นต้น เพื่อสืบสวนสอบสวนข้อมูล ให้กับทางสงฆ์ ให้สงฆ์ได้ใช้ข้อมูลดังกล่าว พิจารณาตามลำดับชั้น เพราะเป็นไปไม่ได้ ที่พระจะลงไปปฏิบัติการ หาข้อมูลเอง ถ้าทำอย่างนี้แล้ว การ พิจารณา ก็จะรวดเร็ว ช่วยเหลือ พระผู้ตัดสิน ให้มีข้อมูลชัดเจน และจะมี เหตุผลของผล การพิจารณา สามารถที่จะชี้แจงให้กับ ประชาชนได้อย่างเข้าใจ เป็นระบบ ไม่ใช่แค่ฟ้อง หรือไม่ฟ้อง

ชี้นิติธรรมพุทธศาสนากับนิติในทางวิชาการแตกต่างกัน

นายอำนวย กล่าวถึงนักวิชาการที่ออกมากล่าวโจมตีพระธรรมปิฎก เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัณว่า นิติธรรมพุทธศาสนา กับนิติในทางวิชาการ แตกต่างกัน นักวิชาการจะมีความรู้ แต่ไม่มีปัญญา ต้องแปลงความรู้ให้เป็นปัญญาเสียก่อน นักวิชาการมีสิทธิที่จะชี้นำสังคม แต่สังคมจะต้องรู้ว่า เมื่อเกิดความคิดแตกต่างสับสนกัน ก็ต้องย้อนกลับดูว่า ในศาสนาพระพุทธเจ้า สอนไว้ว่าอย่างไร ต้องย้อนกลับไปคิดว่า ระหว่าง นักวิชาการกับพระธรรมปิฎก จะเชื่อใคร ก็ต้องเชื่อพระธรรมปิฎกอยู่แล้ว เพราะท่านมีปัญญาที่จะรู้บาปบุญ คุณโทษ ของการเปลี่ยนแปลง พระไตรปิฎก ซึ่งเป็นของพระศาสดา ของพระพุทธศาสนาดั้งเดิม ไม่ได้คิดแบบนักวิชาการ ที่คิดในปรัชญาสมัยใหม่ ถ้าคิดแบบปรัชญาสมัยใหม่ คิดได้หลากหลายอยู่แล้ว แต่พวกนี้ จะไม่รู้จัก บาปบุญคุณโทษของการไปเปลี่ยนแปลง

"คนที่จะบรรลุเป็นโสดาบัน ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ห่มผ้าเหลืองอย่างเดียว แต่ต้องมีปัญญา พวกนักวิชาการ นักปรัชญาบางคนไปใช้วิชาการแบบเบี่ยงเบนผิดไป เรียนสูงแล้ว ก็ยิ่งเพี้ยน" นายอำนวย กล่าว

ด้านพ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม เปิดเผยเกี่ยวกับการดำเนินการในคดีวัดพระธรรมกายว่า ขณะนี้กำลังออกหมายเรียกพยาน จำนวน 7 คน ที่เป็น เจ้าของที่ดินในกรุงเทพฯที่ได้มอบที่ดินให้วัดมาสอบสวน และจากการได้สอบถามเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน พบว่า ยังไม่มีการยักยอก เพียงแต่เป็นการให้ด้วย ความเสน่ห์หา โดยในวันศุกร์นี้ จะมีการประชุมเพื่อ แบ่งงานในส่วนที่ยังขาดอยู่

[หน้าหลัก] [หน้า1][วิวาทะ][ปุจฉา]

1