ปีที่ 2 ฉบับที่ 709 ประจำวันจันทร์ที่ 21 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2542

ปุจฉา วิสัชนา

เรียน ฯพณฯ นายก ชวน หลีกภัย ที่นับถือ

ดิฉันในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ใคร่ขอร้องเรียนความเป็นธรรมจากท่าน สำหรับกรณีวัดพระธรรมกาย ดิฉันและครอบครัว ได้เข้า ปฏิบัติธรรม ณ วัดพระธรรมกายเป็นเวลาเกือบ 20 ปี ได้รู้เห็นถึงมโนปณิธานของท่านเจ้าอาวาส และหมู่คณะ ในการที่จะทำแผ่นดินไทย ให้เป็น แผ่นดินธรรม ทำโลกนี้ให้ร่มเย็น และสร้างคนดีให้สังคม ตัวดิฉันเอง ภายหลังจากที่ได้เข้าวัด ได้รบการพัฒนาคุณธรรมต่างๆ มากมาย อาทิเช่น มีความเคารพเกรงกลัวต่อบาป อย่างยิ่งยวด ถือศีล 5 เป็นปกติวิสัย ถือศีล 5 ตามกาล มีความรักและเมตตา ต่อเพื่อมนุษย์และสรรพสัตว์ ถือเป็น เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย มีความโลภเห็นแก่ตัวน้อยลง รู้จักการแบ่งปันส่วนเกินของตนเอง เพื่อผู้อื่น

ปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่กับการทำงาน ถือศีล และบำเพ็ญสมาธิภาวนา ขัดเกลากิเลสของตนเอง ให้น้อยลง ตามลำดับ และยังมีคุณธรรมอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้รับการปลูกฝังจากวัดแห่งนี้ ดิฉันคงจะไม่มีวันนี้ ถ้าไม่มีวัดพระธรรมกาย ปัญหาจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ ดิฉันอยากกราบเรียนท่าน ให้มองโดยภาพรวม และจุดมุ่งหมายหลักของ วัดพระธรรมกาย คือการสร้างคนดี ให้สังคม และเจตนาอันบริสุทธิ์ของท่านเจ้าอาวาส   ซึ่งดิฉันคิดว่า เป็นการช่วย ประเทศชาติทางอ้อม ถ้าคนไทยมีศีลธรรม ประเทศชาติย่อมเจริญรุ่งเรืองอย่งแน่นอน

ก่อนที่ท่านจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยนี้ และกำลังแข่งขันกับฝ่ายตรงข้าม ดิฉันเป็นผู้หนึ่งซึ่งภาวนา ขอให้ท่านเลือกเป็นนายก รัฐมนตรี เพราะมีแต่ท่านเท่านั้น ที่ดิฉันคิดว่า จะพาประเทศให้รอดพ้นภัย ดิฉันเข้าใจดีว่า ปัญหาของบ้านเมืองเรา ไม่อาจแก้ได้ในระยะเวลาอันสั้น ถึงแม้จะมีข่าวโจมตีท่านเป็นระยะ แต่ความเชื่อมั่น ที่ดิฉันมีต่อท่าน มิได้สั่นคลอน เฉกเช่นเดียวกันกับ ท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในเวลานี้

ท่านอุตส่าห์เหนื่อยยากตรากตำมาเป็นเวลา 30 ปี ทุกคืนที่ท่านนอนดึกๆ ทุกเช้าที่ตื่นแต่ตีสี่ครึ่ง ท่านและหมู่คณะ ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เพื่อดึงคนเข้าวัดมาปฏิบัติธรรม เราไม่ต้องพูดถึงนิพพานว่า เป็นอัตตาหรืออนัตตา เพราะสิ่งนี้ควรเป็นเรื่องของพระสงฆ์ ที่จะแสดงความเห็นต่อกัน สำหรับดิฉัน นิพพานจะเป็นอะไร ก็ควรจะรู้ได้ด้วยตนเอง เมื่อปฏิบัติธรรมสำเร็จแล้ว เปรียบเช่นประเทศชาติ ในยามนี้มีคนไม่รู้หนังสือมากมาย เราจะไม่ฝันว่า จะนำคนเหล่านี้มาเรียนให้จบปริญญาเอก เอาแค่นำมาขัดเกลาอุปนิสัยให้เรียบร้อย มีระเบียบวินัย ไม่ก่อความเดือดร้อนให้ใคร จบการศึกษาภาคบังคับได้ ก็เพียงพอแล้ว เปรียบเช่นเรา ไม่หวังให้เขาบรรลุถึงนิพพาน เพียงแค่รู้จักการให้ การแบ่งปัน ถือศีลห้า เพียงแค่นี้ ประเทศชาติของเราก็คงจะอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข

ดิฉันและครอบครัวรวมทั้งลูกศิษย์วัดพระธรรมกายคนอื่นๆ ต้องอดทนอดกลั้นเป็นอย่างมาก ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับวัดพระธรรมกาย ด้วยเราไม่ต้องการสร้างปัญหา ให้เกิดเพิ่มขึ้นกับ บ้านเมือง ขอท่านโปรดเมตตากรุณา และเห็นใจต่อพวกเราบ้าง พวกเรามิใช่อาชญากร แต่มุ่งมั่น ฝึกฝนตนเอง ด้วยการทำทาน ถือศีล และบำเพ็ญภาวนา ดิฉันไม่อยากเห็นคนไทย ขัดแย้งกันเอง จนกลายเป็นสงครามศาสนา ประเทศชาติ บอบช้ำมากพอแล้ว ฯพณฯ ท่านก็ต้องทำงานหนัก เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจของบ้านเมือง โปรดอย่าละเลยปัญหาวัดพระธรรมกาย เพราะถ้าเรื่อง ลุกลามใหญ่โตแล้ว อาจจะยากเกินแก้ไข ความอดทนของคนเรา ก็มีวันสิ้นสุด ตราบใดที่ยังไม่สำเร็จอรหันต์ บุคคลที่ทางวัดธรรมกาย แสนเคารพ บูชา ประดุจบิดาบังเกิดเกล้า ถูกเหยียบย่ำและกล่าวหา อย่างไม่เป็นธรรม มาเป็นเวลา 7 เดือนแล้ว ซึ่งนานพอดู

ดิฉันขอกราบแทบเท้าของท่าน โปรดจงเข้าใจและให้ความเป็นธรรม โปรดอย่าให้ทุกอย่างสายเกินไป

ขอแสดงความนับถือ

กมลวรรณ พงศ์สุพัฒน์ อายุ 45 ปี

การศึกษาปริญญาโทต่างประเทศ

ไอ้ทิด

[หน้าหลัก] [หน้า1][วิวาทะ][สหัสวรรษ][ปุจฉา]

1