ปีที่ 2 ฉบับที่ 702 ประจำวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2542
หน้า 1
ศิษย์ธรรมกายฮือ ถวายชีวิต ป้องธัมมชโย
หลวงพ่อเชื่อ "ชวน" ยึดมั่นในหลักการ
ศิษย์ธรรมกายถวายชีวิตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ประกาศปกป้องหลวงพ่อจนนาทีสุดท้าย ระบุรัฐบาลจงใจเลือกปฏิบัติ ทำผิดกฎหมาย แพ่งและกฎหมายรัฐธรรมนูญ แจงเรื่องที่ดินทำดีที่สุดแล้ว แต่กลับนำมาเป็นประเด็นเล่นงานหลวงพ่ออีก ด้านเจ้าอาวาสฯ พูดชัดยกที่ดินให้วัด หมดแล้ว เชื่อมั่น "ชวน" จะยึดมั่นในหลักการความยุติธรรม
พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กล่าวระหว่างนำญาติโยมกว่า 1,000 คน นั่งปฏิบัติธรรมสมาธิที่สภา ธรรมกายสากล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน ว่า ได้ยกที่ดินให้เป็นของวัดหมดแล้ว โดยให้คณะกรรมการไปจัดการตามวัตถุประสงค์ของลูก ๆ ทุกคน ส่วนใครจะทำอย่างไรต่อไป ไม่รับรู้ และเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ในขณะนี้จะมีการพูดคุยเจรจาแก้ไขปัญหากันได้ เพราะเชื่อมั่นในความ ยุติธรรม ของรัฐบาล โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่ยึดมั่นในหลักการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพมายาวนาน จนประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก จึงเชื่อว่า จะให้ความยุติธรรมที่กำลังเกิดขึ้น ในขณะนี้ด้วย รวมทั้งเชื่อมั่นในคณะสงฆ์ โดยมหาเถรสมาคมที่จะดูแล เรื่องนี้ ด้วยความยุติธรรมตามพระธรรมวินัย เหมือนพ่อปกครองลูก ถ้าลูก ๆ จะช่วยหลวงพ่อ ให้นั่งสมาธิทำจิตใจให้เบิกบาน และตามผู้มีบุญมา ช่วยกันสร้างสภาธรรมกายสากล มหาธรรมกายเจดีย์ และมหาวิหารมงคลเทพมุนีให้สำเร็จ
รายงานระบุด้วยว่า ช่วงเช้า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (พระธัมมชโย) ได้เทศน์ให้ญาติโยมปฏิบัติธรรมเข้าถึงวิชชาธรรมกาย ซึ่งมีอยู่ในมนุษย์ ทุกคนในโลก เมื่อใดที่มนุษย์เข้าถึงธรรมกายแล้ว จะเกิดความสันติสุขของมวลมนุษยชาติ สิ่งใดที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ก็จะเป็นไปได้ ช่วยสร้าง สันติสุขในโลกอย่างประหยัด ขอให้ลูกชักชวนให้เข้าถึงวิชชาธรรมกายด้วย ส่วนการสร้างถาวรวัตถุ ก็เพื่อให้ทุกคนสะดวกสบาย ในการปฏิบัติ ธรรม มิได้มักใหญ่ใฝ่สูงหรือเด่นดัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมตัวแทนวัดพระธรรมกายนัดว่า จะแถลงข่าวกรณีเจ้าอาวาสถูกกรมการศาสนาแจ้งความกล่าวโทษ ปรากฏว่า เมื่อถึง เวลานัด 10.30 น. ตัวแทนวัดพระธรรมกายแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ มีเพียงการแจกแถลงการณ์ เป็นเอกสาร ชี้แจง เรื่องการยกที่ดินของเจ้าอาวาส ให้วัดแทน ในเอกสารออกโดยคณะกรรมการจัดการที่ดินระบุว่า ข้อกล่าวหาทั้ง 3 ข้อของกรมการศาสนาคือ แจ้ง ความเท็จ เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร้ายแรงเกินกว่าที่จะรับได้ ทั้งนี้ คณะกรรมการได้ดำเนินการ ทุกอย่าง ในการดำเนินการโอนที่ดินให้เป็นของวัด และติดต่อกับกรมการศาสนามาโดยตลอด โดยที่เอกสารการโอนที่ดินจำนวน 304 ไร่ ที่มอบ ให้ กรมการศาสนา นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ได้รับรู้และมอบหมายให้นายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธมณฑล มา ช่วยเตรียมเอกสารด้วยดี แต่พอถึงวันที่ 10 มิถุนายน ตัวแทนจากวัดได้รับโทรศัพท์จากนายพิภพว่า ต้องการให้นำเอกสารโอนที่ดินทั้งหมด มอบให้ ในเวลา 16.00 น. ไม่เช่นนั้น ก็ไม่ต้องไป การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ทำให้ตัวแทนของคณะกรรมการสับสน ต่อมาเมื่อมีการแจ้งความ กล่าว โทษข้อหาร้ายแรงนี้ คงมีการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
เอกสารชี้แจงกล่าวว่า เมื่อกรมการศาสนาได้ให้ตัวแทนไปแจ้งความกล่าวโทษเจ้าอาวาสแล้ว ยิ่งก่อให้เกิดความสับสนกับทุกฝ่าย ดังนั้น ถ้ากระบวนการยุติธรรมได้สร้างความจริง ปรากฏชัดแก่สาธารณชนว่า ที่ดินในการถือครองของเจ้าอาวาส ได้มาด้วยความถูกต้องชอบธรรม ไม่ใช่ ถวายให้แก่วัด หรือนำเงินบริจาคของวัดไปซื้อ ตามที่มีผู้กล่าวหา กรรมการขอยืนยันอีกครั้ง เมื่อความจริงปรากฏชัดเจนแล้ว เจ้าอาวาสจะยกที่ดิน ทั้งหมดให้เป็นประโยชน์แก่ศาสนา ตามที่ตั้งใจแต่เดิมแน่นอน
เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) พล.ต.ท.อนันต์ ภิรมย์แก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เดิน ทางมายังวัดพระธรรมกาย เพื่อตรวจเยี่ยมดูแลความสงบเรียบร้อยตามปกติ โดยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ทุกอย่างไม่มีปัญหา ในวัดยังมีความสงบ เรียบร้อยดี ตนได้จัดเวรยามในวัดไว้ ผลัดละประมาณ 50 นาย ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนเรื่องคดี ทำต่อจากที่ได้รับแจ้งความ ซึ่งจะต้องมีการสอบสวน พยานหลักฐาน เพิ่มเติมจากเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกายว่า ขณะนี้ ลูกศิษย์วัด มีความไม่พอใจต่อท่าทีของรัฐบาลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการบีบบังคับ ให้เจ้าอาวาสโอนที่ดิน ลูกศิษย์วัดส่วนใหญ่เห็นว่า เจ้าอาวาสถูกทางราชการกลั่นแกล้ง โดยตั้งคำถามถึงรัฐบาล 4 ประเด็น คือ
ประเด็นแรก รัฐบาลไม่ยุติธรรม จงใจเลือกปฏิบัติ ถ้าจะให้วัดพระธรรมกายโอนที่ดินเพียงวัดเดียว โดยที่วัดอื่น ยังไม่มีการดำเนินการ เท่ากับว่า ทางราชการจงใจกลั่นแกล้งวัด เพราะความไม่ชอบพอเป็นส่วนตัว
ประเด็นที่สอง รัฐบาลปฏิบัติขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ระบุว่า พระสามารถถือที่ดินในนามส่วนตัวได้ จะตกเป็นของวัดต่อเมื่อมรณภาพ และกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในเรื่องสิทธิทางทรัพย์สิน รัฐบาลเอากฎหมายอะไรมาบังคับ ให้เจ้าอาวาสต้อง โอน ที่ดินให้เป็นของวัด ซึ่งบรรดาลูกศิษย์ ต่างไม่พอใจในเรื่องนี้มาก
ประเด็นที่สาม คือ การปฏิบัติในลักษณะนี้ เท่ากับว่า รัฐบาลจงใจหาเรื่องเฉพาะวัดพระธรรมกายเพียงวัดเดียว เมื่อมาถึงจุดนี้ กัลยาณมิตร ทั้งหลาย มีความเห็นว่า พร้อมที่จะต่อสู้ในทุกรูปแบบ ถ้ามีการมาจับเจ้าอาวาสในวัด ลูกศิษย์วัดจะไม่ยอมรับ คือจับเมื่อไหร่ มีเรื่องทันที
ลูกศิษย์วัดรายหนึ่งกล่าวว่า พวกเราไม่เคยกลัวตาย เพราะมีที่พึ่งแน่นอนอยู่แล้ว ทำบุญไว้มาก ถ้าต้องมามีเรื่องหรือตายเพราะเหตุนี้ เราก็ พร้อมสละชีวิต ชีวิตเป็นของไม่ยั่งยืนอยู่แล้ว เราเชื่อในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าการที่เรานั่งสมาธิ ถือศีล ปฏิบัติธรรมแล้ว ถูกกลั่น แกล้งรังแก เราก็พร้อมจะสู้ ไม่เคยกลัวตาย และไม่เสียใจ ซึ่งแตกต่างจากพวกคนบาป ที่กลัวตาย เพราะมีกิเลสหนา
การที่ทางวัดชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบไปแล้ว ทางรัฐบาลถ้ามี หิริ โอตตัปปะ เพียงพอ น่าจะเข้าใจว่า เจ้าอาวาสไม่ได้ยักยอกทรัพย์ เพราะ มีทั้งพยาน หลักฐาน ชัดเจน ไม่ได้มีการนำเงินวัดไปซื้อที่ดินอย่างที่กล่าวหา และเจ้าภาพก็ตั้งใจถวายที่ดิน ให้เป็นของเจ้าอาวาส ไม่ใช่ถวายให้วัด
ขณะนี้ ยังไม่ทราบเลยว่า ทางกรมการศาสนา เอาอะไรมาเป็นประเด็นฟ้องท่านเจ้าอาวาส อีกทั้งเจ้าอาวาสก้ได้แสดงเจตนา ในการโอน ที่ดินไปชัดแจ้งแล้ว แต่ที่ยังไม่สามารถโอนได้ ก็เพราะว่า พระจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามประสงค์ของญาติโยมที่ถวาย เพราะพระมีหน้าที่รักษา ศรัทธาญาติโยมอยู่แล้ว ถ้าไม่ทำตามนี้ ก็ไม่ใช่วิสัยของพระ จะเห็นได้ว่า เจ้าอาวาสได้ลงนามชัดเจนในเรื่องการโอนที่ดินไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. ตอนนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการโอน ทำไมต้องเร่งรีบนัก ไม่เข้าใจจริงๆ
น่าแปลกอยู่เหมือนกัน บ้านเมืองทุกวันนี้ คนชั่วอยู่สุขสบาย คนทำความดีถูกกลั่นแกล้งรังแก มีการโกงกันทั้ง SDH ผักสวนครัวรั้วกินได้ โกงแทรกแซงราคาข้าว ทุจริตยา โกงกันเป็นหมื่นล้าน ล่าสุดโกงเลือกตั้ง ส.ท. จังหวัดสมุทรปราการ แต่ไม่มีใครได้รับโทษ ถ้าบ้านเมืองยังเป็น อย่างนี้ต่อไป เราจะอยู่กันได้อย่างไร รัฐบาลแย่มาก ไม่เอาใจใส่บ้านเมือง กลับปล่อยให้หน่วยงานรัฐ มาเอาผิดคนทำดี สมเป็นยุคคนกราบหมา ฆราวาสด่าพระจริงๆ
"พวกเราพร้อมสู้ตาย ถ้ามีการบุกจับเจ้าอาวาสจริง พวกเราจะไม่ยอม ต้องข้ามศพไปก่อน เราว่ามีการประเมินคนวัดผิดไปจากความเป็นจริง พวกเรากิเลสยังไม่หมด เมื่อถึงที่สุดแล้ว เราจะลุกขึ้นมาต่อสู้ ขนาดเราหลบมาอยู่ในวัดแล้ว ยังมารังแกกัน คงต้องให้ตายกันซัก 100-200 คน จึงจะ สำนึก แต่อยากถามว่า ตายกันขนาดนั้นขึ้นมาจริงๆ รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ ประเทศไทยจะเน่าเหม็นไปทั่วโลก คนดีอยู่ไม่ได้ คนชั่วก็จะอยู่ไม่ได้ เหมือนกัน" คณะศิษย์วัดพระธรรมกายกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีประชาชนกว่า 30 คน มาขอเข้าเฝ้าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่วัดบวร นิเวศวิหาร ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชได้เสด็จลงจาก พระตำหนักคอยท่าปราโมช ประทานพรประชาชนที่เข้าเฝ้ารับเสด็จ และประพรมน้ำ พระพุทธ มนต์ โดยขณะนี้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์แล้ว และสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้เปิดให้ประชาชนเข้าเฝ้า อย่างไม่เป็น ทางการในเวลาประมาณ 07.00 น.ทุกวัน โดยในวันนี้สมเด็จพระสังฆราช เสด็จยังพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อสดับพระปาติโมกข์ร่วมกับ พระสงฆ์รูปอื่น ในเวลา 13.00 น. เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นเสด็จกลับตำหนักที่ประทับที่คณะเหลืองรังษี