ปีที่ 2 ฉบับที่ 696 ประจำวันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2542
วิวาทะ
มองต่างมุมพระธรรมปิฎกกรณีวัดพระธรรมกาย (7)
วิจารณ์งานของพระธรรมปิฎกอกจะล้ำเส้นไป กรณีที่ผมเห็นว่า ท่านมีมานะ ทิฐิ มุ่งร้ายต่อวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่หน้าแรก ยันหน้าสุดท้าย ของหนังสือกรณีธรรมกาย ฉบับสมบูรณ์
เปิดอ่านที่หน้า 115 ภาค 2 บุญ-บารมี ที่จะกู้แผ่นดินไทย ก็เห็นท่านกล่าวถึงเรื่องบุญเพื่อสร้างสรรค์ชีวิต และชุมชน ก็เห็นเข้าท่าดีอยู่
แต่ทฤษฎีที่สวยหรูยังคงเป็นเพียงความคิด ยังเป็นเพียงตำรา ยังไม่มีหน่วยงานใด โดยเฉพาะองค์กรสงฆ์ใดนำไปเผยแผ่และปฏิบัติต่อสังคม เพื่อยกพื้นใจของคนในสังคมให้เจริญด้วยปัญญาตามหลักพระศาสนาแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องเศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง
ความจริงหากจะพูดกันถึงการพัฒนาสังคม โดยมีสถาบันสงฆ์เข้ามาเป็นเบ้าหลอม พัฒนาคุณภาพชีวิตให้แด่คนในสังคมแล้ว ตรงนี้ในความ เป็นจริงแล้ว ยังถือเป็นเรื่องห่างไกล จากความเป็นจริงมาก
แม้จะมีความพยายามจากหลายฝ่ายทั้งภาครัฐบาลและเอกชนที่จะเข้ามาดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ดูเหมือนว่า จะเข้าลักษณะต่างคน ต่างพายเสียมากกว่า
แต่วัดพระธรรมกายได้เริ่มทำแล้ว และดูท่าจะไปได้สวย แต่ก็มาสะดุดกับปัญหาร้อยแปด
วัดจำนวน 30,000 วัด หลายวัด มีพระภิกษุอยู่จำวัดเพียง 1 รูป มันคุ้มแล้วหรือกับสถานที่ใหญ่โตเช่นนั้น?
เมื่อพื้นที่ของวัดใหญ่โตเพียงนั้น (เทียบกับจำนวนพระภิกษุและจำนวนผู้เข้าไปใช้ประโยชน์) หลายครั้งเกิดเรื่องเศร้าสลดใจ คนใจบาป จับหญิงสาวโทรมข่มขืนภายในกำแพงวัด
พระอุโบสถตามวัด วาอารามหลายแห่ง ว่างเว้นจากการปฏิบัติศาสนกิจ จนเกือบเป็นอารามร้าง หลายวัดต้องนำเครื่องพันธนาการโซ่กุญแจ มาล็อคปิดประตูโบสถ์ เพื่อไม่ให้มิจฉาชีพเข้าไปลักขโมยพระพุทธรูปของมีค่า
อีกเรื่องที่พระธรรมปิฎกหยิบยกขึ้นมาโจมตีวัดพระธรรมกาย
คงจะปฏิเสธมิได้เรื่องการเรี่ยไร
แต่ทำไมวัดพระธรรมกายจึงตกเป็นเป้าสายตาของคนจำนวนมาก ทั้งฝ่ายสงฆ์ด้วยกันเอง และฆราวาสทั่วไปเพราะวัดพระธรรมกาย มีการ ทำบุญที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นรูปแบบธุรกิจเต็มตัว โดยเฉพาะการผ่อนบุญ?
วัดพระธรรมกายเป็นวัดใหญ่ มีผู้คนศรัทธาเข้าวัดจำนวนนับแสนคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะเกิดปัญหาตามมาบ้าง สังคมใหญ่เท่าไหร่ ก็มีปัญหามากดังเงาตามตัว
เรื่องการผ่อนบุญถูกสังคมโจมตีอย่างหนัก ลุกลามไปถึงตัวพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ธัมมชโย) เจ้าอาวาส
ในมุมมองของผม ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการผ่อนบุญของวัดก็จริงอยู่ แต่ในเมื่อปัญหาต่างๆ มันเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะโหมไฟ ด่าทอกันอย่างไรสติปัญญา
ควรที่ทุกฝ่ายจะต้องให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหา ติติงกันด้วยความเตตาและเหตุผล
ภาพการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ผู้ถือศีลทรงธรรม เป็นพระภิกษุกลับออกมาเหน็บแนม ทำให้รู้สึกว่า ชาวพุทธเราวันนี้ ปฏิบัติต่อกัน ถึงเพียงนี้ เชียวหรือ
ไม่มีใครใช้ปัญญามองปัญหาอย่างพุทธะ
ทำไมจึงมีการผ่อนบุญ ใครเป็นผู้ดำริแนวคิดนี้ขึ้นมา มีวัตถุประสงค์อะไร?
รวมถึงเรื่องการสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ใหญ่โตด้วย
... นี้คือหลักการแห่งตรรกโดยแท้...
เราต้องพิจารณาเหตุเพื่อไปหาผล ให้รอบคอบกว่านี้ เมื่อได้ผลแล้ว ก็นำผลไปพิจารณาเพื่อหาเหตุกันอีกครั้งหนึ่งตามหลักตรรกศาสตร์ แต่เราจะใช้หลักตรรกศาสตร์ในการปกครองสถาบันสงฆ์ ซึ่งเติบใหญ่มาได้ด้วยศรัทธาเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ และนิติ ศาสตร์ เข้าไปจับ
ท้ายๆ เล่มกรณีธรรมกาย ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก ถามตอบเบ็ดเตล็ดเรื่องขนาด และจำนวน
สรุปได้ความว่า ท่านเห็นว่า วัดพระธรรมกายไม่มีอะไรดีเลย
โดยเฉพาะเรื่องของขนาด-จำนวน ท่านระบุว่า เจดีย์ธรรมกายมูลค่า 70,000 ล้านบาท มันเป็นค่านิยมสร้างวัตถุใหญ่โต ผู้ปกครองสงฆ์ท่าน ก็เตือนในช่วงที่บ้านเมืองประสบปัญหาเศรษฐกิจ แต่คนก็มองว่าคงห้ามกันไม่ได้
ท่านเจ้าคุณพูดถึงหลักการในการสร้างถาวรวัตถุว่า ควรให้เป็นเรื่องของฝ่ายคฤหัสถ์เป็นผู้ดำริ ส่วนพระภิกษุเป็นผู้ควบคุม
ส่วนความใหญ่ดต สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ควรจะยกให้ เทคโนโลยีอันทันสมัยมากกว่า
มีการถามแย้งว่า เจดีย์ธรรมกายจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ดึงคนต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย
ท่านเจ้าคุณเห็นว่า ไม่ใช่กิจของสงฆ์ นอกเรื่องธรรมะ จะทำให้ความสนใจหันเหออกไปจากทางของบุญกุศลและปัญญา มุ่งไปที่การหาเงิน
ถ้าจะหาเงินก็ไม่เห็นจะคุ้ม ถ้าสร้างแล้วช่วยให้เงินเช้าประเทศ ปีละ 100 ล้านบาท กว่าจะได้คุ้มทุน ก็ 700 ปี จึงจะครบ 70,000 ล้านบาท หรือถ้าคิดทุนสร้างแค่ 20,000 ล้านบาท ก็ 200 ปี
ควรจะทำชุมชนและสังคมของเราให้สงบเรียบร้อย พัฒนาคนให้ถูกต้องตามหลักไตรสิกขา สงวนรักษาธรรมชาติ จะดีกว่า
... นี่คือวิสัยทัศน์ส่วนหนึ่งของผู้ได้ชื่อว่า ปราชญ์แห่งพุทธ...
โดยส่วนตัวผมเห็นว่า การใช้หลักตรรกศาสตร์เข้าไปแก้ปัญหาเจดีย์ของท่านเจ้าคุณนั้น เป็นการตัดตอนบิดเบือน ไม่เปิดโอกาส รับฟัง ความเห็นของวัด
ทำไมต้องสร้างใหญ่โต สร้างแล้วได้อะไร อย่าดูถูกภูมิธรรม ความสามารถของผู้อื่น ตัวเงินกับเรื่องการทำบุญ จะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ การสร้างคนดีให้กับสังคมแม้เพียงหนึ่งคน
อย่าว่าแต่ 70,000 ล้านบาทเลยครับ ต่อให้ 700,000 ล้านบาท ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดว่าแพง เพราะความดีมันซื้อขายกันไม่ได้ อย่าง ที่ท่านว่า บุญซื้อขายกันไม่ได้
ทางกลับกัน วัดพระธรรมกายอาจขนฝรั่งตาน้ำข้าว มาปฏิบัติธรรม หรือเป็นนักบวชแต่ละปี อาจจะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศมากกว่า 100 ล้าน ก็ได้ (ปีละ 10,000 ล้านบาท 7 ปี ก็เป็นไทแล้ว)
... นี่คือการคิดเผื่อเหลือเผื่อขาด ไม่ใช่การมุ่งร้ายจับผิดกัน...
(วิจารณ์ต่อฉบับหน้า)
โซตัส