ปีที่ 2 ฉบับที่ 633 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2542
วิวาทะ
วิวาทะตำราเป็นสรณะ พุทธกาลไร้พระไตรปิฎก
หยุดเชื่อน้ำคำอมนุษย์
ผมได้รับจดหมายและโทรสารเป็นจำนวนมาก แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความขัดแย้งทางพระพุทธศาสนา มีทั้งชื่นชมบทบาทของ "พิมพ์ไทย" ที่กล้าเสนอข่าวสวนกระแส พร้อมกับคำติติงด่าทอของชาวพุทธที่ไม่เห็นด้วย
ผมจะนำความคิดอีกฝั่งหนึ่ง ที่ไม่เห็นด้วยกับท่าทีของวัดพระธรรมกาย ยืนยันว่า "พุทธแท้ต้องตำรา พุทธแท้ต้องพระไตรปิฎก"
จดหมายฉบับนี้ใส่ซอง AIR MAIL ลงชื่อ ดร. สุชาติ เกิดหิรัญ 2006 Allen ct. Dr, Germantown USA. แต่ผมเข้าใจว่า จดหมายฉบับนี้ ไม่ได้ส่งจาก USA. เพราะปิดผนึกประทับตราไปรษณีย์ไทยตรงนี้ไม่ใช่ปัญหา
ที่มีผมจะนำความเห็นของดร.สุชาติ เรื่อง "หน้าที่ชาวพุทธ" มาพิจารณากันว่า ผู้ที่มีความรู้เป็นถึงดร. ท่านคิดเห็นเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ ทางพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นกันอย่างไร ดังนี้
ชาวพุทธคือบุคคลที่นับถือพระพุทธศาสนา ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ในฐานะชาวพุทธ ควรศึกษาหาความรู้ปฏิบัติตาม หลักธรรม และประเพณีพิธีกรรมทางศาสนาอย่างถูกต้อง เผยแผ่พระศาสนา ปกป้องไม่ให้ใครมาทำลาย โดยถือว่า เป็นหน้าที่ที่ต้อง ปฏิบัติของ ชาวพุทธ ดังนี้
1) ศึกษาหาความรู้ ชาวพุทธมีหน้าที่ต้องศึกษาหาความรู้ในทางโลก อันเป็นผลดีต่อตนเอง และต้องศึกษาหาความรู้ทางธรรม สามารถนำมา ใช้แก้ปัญหาชีวิต อยู่กับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ในส่วนตนและส่วนรวม
2) การปฏิบัติตามหลักธรรม และประเพณีพิธีกรรมทางศาสนา ชาวพุทธมีหน้าที่ศึกษาศาสนพิธี ปรเพณีต่างๆ การศึกษามารยาท ขนบธรรมเนียมประเพณีที่เกี่ยวข้องกับศาสนา จนเข้าใจและนำมาปฏิบัติอย่างถูกต้อง
3) การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ชาวพุทธมีหน้าที่สร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ มีการส่งเสริมการปฏิบัติธรรม เช่นการอบรม วิปัสนา กรรมฐาน เพื่อให้เข้าถึงพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ส่งเสริมให้มีการปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เช่น การจัดกิจกรรม ในวัดสำคัญ ทางศาสนา พิธีกรรมใดที่ไม่ถูกต้อง หรือขัดกับหลักศาสนา ก็ควรชักชวนให้เลิกกระทำ และแนะแนวทางในสิ่งที่ถูกต้อง
4) การปกป้องศาสนา
เนื่องจากพุทธบริษัท 4 ไม่ศึกษา
ไม่สนใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์อย่างแท้จริง
ย่อหย่อนต่อพระธรรมวินัย
หลักคำสอนถูกนำไปตีความอย่างผิดเพี้ยน
มีการอวดอ้างสิ่งที่พบจากการปฏิบัติเองว่า
เป็นคำสอนของพระพุทธองค์
มีการจ้วงจาบพระไตรปิฎก
มีการบิดเบือนคำสอนจากศาสนิกชนที่ยึดถือ
"อัตตา"
โดยหวังลาภสักการะจากผู้ที่มีความรู้ทางธรรมน้อย
ให้หลงเชื่องมงาย
และเกิดความเข้าใจผิด คิดว่า
เป็นแนวทางของพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท
ทำให้เกิดภัยศาสนา
ชาวพุทธควรปกป้องพระศาสนาโดย
ก. ศึกษาความรู้อย่างถูกต้องและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ถูกต้องตามพระไตรปิฎก มีการรักษาศีล ปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนา และปัญญาภาวนา โดยศึกษาให้เข้าใจอย่างแท้จริง
ข.มีความเคารพและยอมรับพระไตรปิฎก อาศัยหลักคำสอนในพระไตรปิฎกเป็นคำตรัสของพระพุทธองค์ ผู้ที่อ้างว่า ปฏิบัติไม่ต้อง อาศัยพระไตรปิฎกก็คือ ผู้ที่ปฏิเสธพระพุทธเจ้า เราไม่เรียกเป็นพระพุทธศาสนา พระสงฆ์และฆราวาสที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามพระธรรมวินัย ควรได้รับการสนับสนุน ยกย่อง สรรเสริญ
นี่คือความเห็นจากเอกสารฉบับหนึ่งที่อ้างชื่อ ดร.สุชาติ มีตัวตน พำนักอยู่ที่ USA.
เข้าใจว่า ผู้เขียนมีเจตนาพูดถึงวัดพระธรรมกาย และพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (พระธัมมชโย) ปฏิเสธพระไตรปิฎก
ผมสันนิษฐานว่า ท่านดร.ผู้นี้ ก็คืออีกหลายๆ ท่าน ที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับ การตัดสินของคณะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเชื่อมั่นว่า ท่านดร.ผู้นี้ คงไม่เคยเข้าไปดูกิจกรรมวัดพระธรรมกาย
เชื่ออีกว่า ท่านเสพสื่อมวลชนที่โจมตีวัดพระธรรมกาย จนโงหัวไม่ขึ้น
และลืมหลักธรรมขั้นพื้นฐานที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ถึงเรื่อง "อนัตตา" การไม่ยึดไม่ถือมั่นในตำราต่างๆ รวมทั้งตัวพระองค์ ซึ่งเป็น พระศาสดา แต่ให้น้อมนำหลักธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ มาพิจารณาและลงมือปฏิบัติตาม
ท่านดร.สุชาติให้เหตุผลว่า พระหรือผู้ปฏิบัติธรรมท่านใด ปฏิเสธพระไตรปิฎกก็เท่ากับปฏิเสธพระพุทธเจ้า ปฏิเสธพระพุทธศาสนา อย่างสิ้นเชิง ดูจะเป็นการด่วนสรุปเกินไป
ผมต้องออกตัวก่อนว่า ผมไม่ใช่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย แต่ผมมองวัดพระธรรมกายอย่างที่ลูกศิษย์พระพุทธเจ้า มองกัน ไม่ใช่มองกันด้วย ความอิจฉา พยาบาท ขาดเมตตาธรรม หรือมีอคติแอบแฝง
ค่อนข้างเชื่อเหลือเกินว่า หลายคนที่ออกมาด่าว่าวัดพระธรรมกาย ไปวัดพระธรรมกายถูกหรือไม่ เคยเห็นข้อวัตร ข้อปฏิบัติของพระวัดนี้ หรือไม่
ถ้าไม่เคยแล้ว ออกมาพูดตามสื่อมวลชน และคนใจบาป หยาบช้า ที่สำคัญตนเป็นพระไตรปิฎก เคลื่อนที่สำคัญตนเป็นศาสดา จ้วงจาบ พระเถระ มีประวัติมีคดีด่างพล้อย ปากเปราะไม่กลัวนรก หมิ่นแม่แต่สถาบันพระมหากษัตริย์
ควรแล้วหรือที่สาธุชนจะต้องหลงเชื่อน้ำคำของอมนุษย์เหล่านั้น ที่สำคัญยังดึงพระสงฆ์ลงมาแปดเปื้อน วิวาทะเรื่องพระนิพพาน สอนนิพพาน ในวงสุราเมรัย มักมากในกามคุณ ลูกเขาเมียใครไม่เว้น
สื่อมวลชนบางแขนงเสนอตัวปกป้องพุทธศาสนา ทั้งที่ความจริงแล้วตัวเองสกปรกโสมม มีสภาพ มีชีวิตเป็นผู้เป็นคนจากธุรกิจนอกกฏหมาย เอาเงินสกปรกเหล่านั้น มาฟอกผันเป็นธุรกิจสื่อ แล้วไอ้คนที่พูดที่เขียน มันมีความรู้ทางศาสนากันขนาดไหน ลูกเขา เมียใคร มันก็ฟาดไม่ไว้หน้า นรกจะถามหานะโยม
ผมพูดเรื่องจริง พระพุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องที่บุคคลทุศีลจะนำมาล้อเล่นต่อรอง เพื่อผลประโยชน์เข้ากระเป๋าองค์กรใดองค์กรหนึ่ง พระพุทธศาสนา คือทางร่มเย็น เป็นมหาสมบัติอันล้ำค่าของสัตว์โลก
การพูดกล่าวหากันเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเสียแล้วในสังคมไทย โดยสื่อมวลชน รู้มาแค่หางอึ่ง ก็บรรยายเป็นข่าว อย่างกับร่วมอยู่ใน เหตุการณ์ด้วย
โดยเฉพาะประเด็น 6 สีกา นี่ยิ่งชัดใหญ่ ถ้าบรรยายได้ลึกซึ้งขนาดนั้น ผมว่า คนเขียนข่าวน่าจะได้รูปภาพถ่ายให้เห็นกันจะจะ หรือจะเก็บ หลักฐาน การเลิฟซีน มาชิงรางวัลข่าวยอดเยี่ยมแห่งปี หรือถวายศาลสงฆ์ให้จับพระฉาวดังว่า พ้นเพศบรรพชิต ให้รู้แล้วรู้รอดไปซะดีกว่า
ก็งงอยู่เหมือนกันว่า พระวัดพระธรรมกายบิดเบือนพระไตรปิฎก มีความรู้ทางธรรมน้อย จึงนำมาซึ่งการให้เปิดสอนพระอภิธรรมขึ้นในวัด แต่ทำไมวัดพระธรรมกายกลับมีพระ และสามเณรสอบได้ประโยคชั้นสูง ๆ มากกว่าวัดอื่นเกือบทุกปี
สำคัญกว่านั้น ก็อยากให้คนที่มีมันสมองถึงระดับดร. ไม่ควรไหลตามกระแส เพราะปลาตายเท่านั้น ที่ลอยตามน้ำ ส่วนปลาเป็น มันลอยทวน น้ำเสมอ
ท่านดร.ต้องศึกษาพุทธประวัติด้วย ไม่ใช่ออกมากล่าวแต่เชิงวิชาการ ผมพิจารณาความเห็นของท่านแล้ว ก็อยากจะถามว่า เมื่อครั้งพุทธกาล ผู้ที่สำเร็จอรหัน มีตำรา หรือพระไตรปิฎกมาเป็นทางนำไปสู่พระนิพพานหรือไม่
องค์คุลีมาร เที่ยวไล่เข่นฆ่าผู้คนจำนวนมาก แต่ก็ได้สำเร็จอรหันต์ เพียงแต่พระพุทธเจ้าตรัสกับองคุลีมารว่า เราหยุดแล้ว ท่านยังไม่หยุด องคุลีมารอ่านพระไตรปิฎกเล่มไหนกันครับ
พระพุทธเจ้าก่อนดับขันธ์ปรินิพพาน ก็ตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า "เมื่อพระองค์ละสังขารไปแล้ว ให้ถือพระธรรมวินัยเป็นแนวทางปฏิบัติตาม พระองค์ ไม่ได้บอกให้ถือพระไตรปิฎกอย่างที่เข้าใจกัน"
ปิดท้ายเรื่องพระนิพพาน "อัตตา-อนัตตา" หยุดวิวาทะกันเถิดครับ เพราะธรรมสองตัวนี้ ต้องพึ่งพากัน ไม่มีอัตตา อนัตตาก็ไม่ไม่ ไม่มีอนัตตา ก็ไม่มีอัตตา???
โซตัส
[หน้าหลัก] [หน้า1] [วิวาทะ] [สกู๊ปพิเศษ]