ปีที่ 2 ฉบับที่ 632 ประจำวันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2542
สหัสวรรษ ที่ 3
ลาก่อนขบวนการเปรตขอส่วนบุญ
ในที่สุดมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดของพุทธศาสนาในเมืองไทย ก็ได้มีคำพิพากษาออกมาเป็นที่สุดว่า วัดพระธรรมกาย มิได้กระทำ การใดที่ทำให้พุทธศาสนาเสียหาย ที่จะต้องลงโทษตามที่มีผู้กล่าวหา ทั้งในทางส่วนตัวของเจ้าอาวาส และการบริหารวัด นี่คือมติของทางคณะสงฆ์ ที่ตัดสินในเรื่องสงฆ์ ส่วนในเรื่องทางโลกมิใช่หน้าที่ของคณะสงฆ์ที่จะต้องตัดสิน
นอกจากนี้ เนื่องจากเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานในการเผยแผ่พุทธศาสนาให้เป็นแนวเดียวกันกับวัดทุกวัดทั่วประเทศ ให้วัดพระธรรมกาย ปฏิบัติดังนี้
1.ให้วัดพระธรรมกาย มีการเรียน การสอนพระภิธรรม
2.ให้วัดพระธรรมกาย มีการปฏิบัติบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติบรรลุถึงพระวิปัสสนาญาณตามลำดับชั้น
3.ให้วัดพระธรรมกาย สำรวมระวังในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เพราะวัดมีการเผยแผ่พระพุทธศาสนามากมายหลายด้าน เป็นที่จับตา มองของสาธารณชนในวงกว้าง จะต้องสำรวมระวัง และปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคมเป็นพิเศษ
4.ให้วัดพระธรรมกาย ปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบคำสั่ง มติประกาศ พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช โดยเคร่งครัด เป็นพิเศษ เพื่อความสงบเรียบร้อยดีงามของวัด และพระพุทธศาสนา
ครับ ชัดเจนดีหรือไม่ ถ้าบรรดาบุคคลที่อ้างตัวเองว่าเป็นปราชญ์ เป็นบัณฑิตยังอ่านภาษาไทย และแปลความหมายคำสั่ง พระมหาเถระ ผู้ใหญ่ แค่นี้ไม่เข้าใจ ถ้าเป็นราชบัณฑิต ก็ควรจะถูกถอดจากตำเหน่ง เพื่อมิให้เสียสถาบัน ถ้าเป็นบัณฑิตที่รับปริญญามาจากไหน ก็ควรเอา ปริญญาไปคืนสถาบัน เพื่อมิให้เสียเกียรติแห่งมหาลัยแห่งนั้น
ถ้าใครที่เรียกตัวเองว่า เป็นปราชญ์ ก็ควรจะเรียกตัวเองว่าเป็นเปรต ผู้โหยหวนคอยขอส่วนบุญต่อไป เผื่องานหน้า จะมีคนแผ่เมตตา แบ่งบุญให้ และผมเชื่อว่าบรรผู้มีมิจฉาทิฐิเหล่านี้ คงพยายามหาทางทำลายล้าง ทำให้พุทธศานาแตกแยกต่อไปไม่มีวันจบ ตามนโยบายของเทวทัต ที่ส่งทายาทให้ตามมาล้างพุทธศาสนาทุกชาติ
ผมกำลังห่วงว่าจะมีรายการธรณีสูบยุคไฮเทคให้เห็นในไม่ช้านี้แหละ
เพราะกรรมที่บุคคลเหล่านี้สร้างนั้นใหญ่หลวงนัก ปรักปรำคนบริสุทธิ์ ถือศีล เข้าวัดเป็นแสนๆ คนว่าเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา งมงาย ด่าพระผู้บริสุทธิ์ ที่ถือศีล 227 ข้อนับพัน นับหมื่นรูปที่มาร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์
บาปครั้งนี้ ถือเป็นอภิมหาบาปอมตะนิรันดร์กาล ที่ผลแห่งกรรมนี้จะไปถึงเจ้าตัว ถึงครอบครัว ลูกหลาน และจะส่งผลในไม่ช้านี้แหละ ใครที่สร้างบุญมาน้อย และนอกจากมิได้สร้างเพิ่มยังเร่งสร้างอภิมหาบาป ก็เท่ากับเป็นการเร่งกรรมให้ส่งผลเร็วเข้า
ผมติดตามดูอย่างใกล้ชิดทุกรายการนะครับ
ในเมื่อคำตัดสินของดพระมหาเถรสมาคมแจ้งชัดเจนแล้วว่า วัดพระธรรมกายใไดมีความผิดอย่างใด จึงไม่การลงโทษอย่างไร เพียงแต่ มีคำชี้แนะบางประการ
ข้อแรก ในเรื่องนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา ไม่ต้องเถียงกันให้แตกแยกกันเอง จนเสื่อมพุทธศาสนา อายศาสนาอื่นเขา ใครอยากรู้ ก็ให้ปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน ไปให้ถึงนิพพาน แล้วก็จะรู้เอง พระมหาเถระและเรื่องนี้ ให้สอนกันในโรงเรียนพระอภิธรรม นิพพานจะเป็น อย่างไรไปนั่งปฏิบัติไปถึงแล้วจะเห็นเอง
ความจริง เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วผมไม่อยากจะเถียงกับใครหรอกครับ ในพจนานุกรมพุทธศาสตร์ฉบับของมหาจุฬาฯ เขียนคำนิยามของคำว่า พระนิพพาน ไว้ว่า มี 2 ประเภท คือ นิพพานยังมีอุปาทิเหลือ และนิพพานไม่มีอุปาทิเหลือ ซึ่งแยกเป็น กิเลสปริพพาน กับ ขันธปรินิพพาน
คนที่เขียนและแปลพจนานุกรมฉบับนี้ คือท่านมหาปยุต พระธรรมปิฎก เองนะขอรับ พระคุณเจ้า ใครที่ยังไม่อยากจบ อยากเถียงเรื่องนี้ ก็ไปปิดห้องเถียงกันเองเอง เพราะผมแปลภาษา "กาขาว" ของผมก็แปลว่า นิพพาน มี 2 ประเภท นิพพานแบบดับสิ้นไม่เหลือเศษ กับนิพพานที่เรา สามารถเข้าถึงได้ในสภาพที่เรายังเปนมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจธรรมดานี้แหละ ที่ท่านพุทธทาสเองก็สอนฝรั่งว่า Nirvana, Now หรือนิพพานเดี๋ยวนี้
ฉะนั้น นิพพานเป็นอัตตา หรืออนัตตา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ พระที่ปฏิบัติกับพระไม่ปฏิบัติก็เถียงกันมาหลายยุคหลายสมัย ไม่เห็นจะเป็น เรื่องใหญ่โตอะไรเหมือนสมัยนี้ นี่เล่นถึงข้อหาบ่อนทำลายพุทธศาสนา ทำลายชาติไปโน่น จะเอากันถึงคุกตะรางเชียวล่ะ
แต่สำหรับพระมหาเถระฯ ท่านถือว่าจบแล้ว ไม่ต้องไปเถียงกัน อยากรู้ก็ให้นั่งไปดูเอาเอง
ข้อที่สอง ที่พระมหาเถระฯ ให้คำชี้แนะแก่วัดพระธรรมกาย เนื่องจากเป็นวัดใหญ่ที่สามารถดึงคนเข้าวัดได้มาก มีพิธีกรรมใหญ่ มีการ ถ่ายทอดทั่วประเทศ เป็นที่จับตาของบุคคลนอกและประชาชนทั้งประเทศก็ให้ทำด้วยความระมัดระวัง รอบคอบมากขึ้น ท่านไม่ได้ให้เลิก แต่ให้ ยึดถือพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดพิเศษ (จะได้ไม่ไปตำหูตำตาตำใจ คนหรือพระอื่นที่อิจฉาในใจ ตัวทำไม่ได้ก็ไม่อยากให้คนอื่นทำได้ อันนี้ "กาขาว" แปลเอง)
และข้อสุดท้าย การจะทำบุญ บอกบุญ จะทำพิธีกรรมอะไรก็ให้ยึดถือตามกฎ คำสั่งฯ ของสงฆ์ ของมหาเถรสมาคมอย่างเคร่งครัด (แปลว่า ทำอะไรก็ให้ระวังหน่อย อย่าให้เกินหน้าเกินตาใครมากนัก อะไรที่ถูกแล้วก็ให้ทำต่อไป อะไรที่ดูจะก้าวหน้ามากไป ก็ให้คอยดูพรรคพวกบ้าง เพราะเขายังตามไม่ค่อยจะทัน อย่าวิ่งเร็วนัก.. "กาขาว" แปลเอง)
บทสรุปที่สำคัญก็คือ ณ วันนี้วัดพระธรรมกายบริสุทธิ์จากข้อกล่าวหาทุกข้อแล้ว มีคำพิพากษาเป็นที่สุดแล้ว ผม "กาขาว" ขอขอบคุณ ชาวพิมพ์ไทยทุกคนที่ต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยง เพื่อความถูกต้อง โดยไม่หวั่นเกรงอิทธิพลใดๆ
วันนี้ คือการพิสูจน์แล้ว พวกท่านยอดเยี่ยมที่สุด ผมขอคารวะและขออนุญาตลาไปก่อน เพราะผมถือว่าจบแล้ว พบกันใหม่เมื่อวัดต้องการ
"กาขาว"(แทน)