ปีที่ 2 ฉบับที่ 626 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2542

สหัสวรรษที่ 3

ยุทธศาสตร์พระเจ้าเงินตรา

โลกาภิวัฒน์ฉบับซาตาน

ในความเชื่อของหลายศาสนาระบุว่า ทุกอย่างในโลกนี้ พระเจ้าเป็นผู้สร้างทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดิน แสงสว่าง มนุษย์ สรรสัตว์และสิ่งที่มีชีวิตในโลก สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ เป็นไปตามพระประสงค์

แต่สิ่งที่ผมถามและยังไม่ได้รับคำตอบ คือ แล้วใครล่ะ ที่สร้างซาตาน และสร้างมาทำไม ในเมื่อมีแต่สร้างความวิบัติ ความทุกข์ยาก ให้กับ โลก ในทางพุทธศาสนาถือว่า ธรรมกับอธรรมเป็นสิ่งเกิดคู่กันมาตั้งแต่กำเนิดจักรวาล มีฝ่ายสร้างมีฝ่ายทำลาย ทำให้เกิดดุลยภาพ บางครั้ง ฝ่าย ธรรมะแข็งแกร่งกว่า โลกก็อยู่เย็นเป็นสุข บางครั้งฝ่ายอธรรมแข็งแรงกว่า โลกก็มีแต่ความเศร้าหมอง

ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ มาตั้งแต่กำเนิดจักรวาล ก่อนมีพุทธศาสนาเสียอีก

ครับ สงครามชิงจักรวาล หรือที่เรียกกันว่า ศึกชิงภพ จึงมิได้มีแต่ในรามเกียรติ์เท่านั้น แต่ยังยืดเยื้อมาจนกระทั่งทุกวันนี้ การต่อสู้ระหว่าง ฝ่ายดำกับฝ่ายขาว โดยมีพวกเราเป็นแค่ตัวเบี้ยในกระดาน เป็นตัวละครที่ถูกส่งมาให้ต่อสู้กัน

แต่ผมสังเกตว่า ในระยะหลังนี้ ฝ่ายดำมักจะเอาชนะได้ในทุกสมรภูมิ ไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศ เพราะคนดี ๆ พอขึ้นเป็นใหญ่ มีอำนาจวาสนา บารมี มีอาการเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างน่าใจหาย พอมีเงินมีทอง ชัดพูดเสียงดัง เริ่มอวดเก่ง เริ่มดูถูกคนอื่น เริ่มเยาะเย้ยถากถาง จะพูดอะไร คนอื่นจะต้องคล้อยตาม ถ้าใครไม่ฟังก็จะโกรธ ทั้งนี้ เพราะคำว่า "อำนาจ" ตัวเดียว ที่เปรียบเสมือนยาเสพย์ติดชนิดใหม่ ที่สามารถ เปลี่ยนนิสัยมนุษย์คนเดิมให้เต็มไปด้วย "โลภะ" ยิ่งรวยยิ่งโลภ "โทสะ" ใครไม่เห็นด้วย โกรธ อาฆาต แค้น พยาบาท "โมหะ" หลงมัวเมา ในคำ ยกย่อง สรรเสริญ ประจบสอพลอ ลาภยศ บริวาร

แต่ที่สำคัญที่สุด ทั้งหมดนี้ เกิดจาก "อำนาจเงิน" แท้ๆ ตัวเดียว

อำนาจเงินนี้แหละ ที่กลายเป็นอาวุธใหม่ที่ใช้ครอบครองโลกได้ ในสังคมยุคใหม่ที่โลกกำลังไร้พรมแดน ไร้ชาติ เป็นสังคม ที่ยึดถือเงินตรา เป็นเครื่องวัดอารยธรรม วัดความสามารถของประเทศ ประเทศใดรวย ประเทศใดจน ประเทศรวย ประเทศนั้น ก็จะได้เปรียบ สามารถใช้เงิน ซื้อได้ทุกสิ่ง จากประเทศที่ยากจน จนสุดท้ายก็เข้าครอบครองประเทศ ได้ครอบครองทรัพยากรอันมั่งคั่งของประเทศนั้นได้

ยุทธศาสตร์นี้เอง ที่มนุษย์เพิ่งคิดค้นได้ในยุคนี้ หลังจากที่ในอดีตต้องใช้กองทัพแสนยานุภาพ เข้ารุกรานประเทศอื่น ใครมีทหารมากว่า มีกำลังเข้มแข็งกว่า ก็สามารถยึดดินแดนคนอื่นได้ แต่ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า ยุคนี้การยึดได้ด้วยกำลังนั้น นอกจาก จะอยู่ไม่ได้นาน ค้านสายตาประชาคมโลก แต่ยังจะถูกต่อต้านด้วยชีวิตและเลือดเนื้อ ในที่สุดก็ต้องปล่อยมือ

ตรงกันข้าม ถ้ายึดได้ทางเศรษฐกิจและอำนาจเงิน กลับนิ่มนวลและดูว่า ไม่ผิดกติกาการค้าระดับโลก เป็นเรื่องของความยินยอมพร้อมใจเอง และไม่มีใครรังเกียจ อยากค้าขายไม่เก่งสู้เขาไม่ได้ ก็ต้องแพ้เขากลายเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจของเขาไป

และนั่นเองคือ ที่มาของการค้นพบยุทธการใหม่ การเข้ายึดครองที่ง่ายกว่า และไม่ต้องใช้อาวุธ ไม่ต้องใช้กองทัพ แต่ใช้แสนยานุภาพ ทาง เศรษฐกิจการเงิน เข้าครอบงำ การเข้าครอบงำเศรษฐกิจด้วยวิธีเงียบๆ แต่แยบยลโดยกลุ่มอิทธิพลมืดที่มีอำนาจมหาศาล และเครือข่าย การทำงาน ทั่วโลก การใช้อำนาจเงินเป็นอาวุธลับ และแฝงตัวเข้าไปมีบทบาทในกลุ่มผู้นำของทุกประเทศ

ทั่วโลกการใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง ดาวรุ่งที่จะพุ่งขึ้นเป็นผู้มีบทบาทของประเทศในอนาคตทุกวงการ

ยุทธศาสตร์ใหม่อันน่าสะพรึงขวัญต่อโลกนี้ ชื่อว่า E-MOC ยกกำลังสอง

E คือ การเข้าครองเศรษฐกิจของโลก แทนการใช้กำลังทหาร และวิธีการก็คือ

M คือ Mental การล้างสมอง ครอบครองภูมิปัญญาของชาติ ล้างสมองนักการเมือง นักการเงิน นักวิชาการ สื่อมวลชน ผู้นำความคิด ของ ประเทศ ล้างสมองเยาวชน ทำลายล้างค่านิยมและเอกลักษณ์ของประเทศ ความเชื่อและศรัทธาเดิม

O คือ Organization การทำลายองค์กรสถาบันระบบราชการระบบรัฐสภา ระบบเลือกตั้ง ทำลายองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ สถาบันการเงิน ธนาคาร สถาบันการศึกษา สถาบันสื่อสารมวลชน องค์กรผู้นำความคิด สถาบันศาสนา วัดวาอาราม

C คือ Cash Control นั่นคือการเข้าครองประเทศด้วยการควบคุมกระแสการเงินทั้งหมดของชาติ บีบให้จนตรอก บีบให้เงินสดขาดมือ การเข้าโจมตี ค่าเงินแต่ละครั้ง สร้างความเสียหายให้หนักที่สุด ในที่สุดเมื่อเงินหมดกระเป๋า ก็จะกลายเป็นชาติขอทาน แบมือขอเงิน ต่างประเทศ เข้ามาเลี้ยงตัว ยาไส้ เสร็จแล้ว นักการเมืองก็จะล้วงกระเป๋าของชาติใส่กระเป๋าตัวเอง ระบบการเมืองก็ยิ่งเน่า ชาติก็จะยิ่งหมดเนื้อหมดตัว การตั้ง กฎเกณฑ์ของเจ้าหนี้ ก็จะเป็นไปตามยุทธศาสตร์ ของการเข้ายึดประเทศ อย่างนิ่มนวล และแยบยล

C ยกกำลังสอง ก็คือ หมากสองชั้นในการเข้ายึดประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งการเงิน เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม และการสร้างโลก ทั้งโลก ให้กลายเป็นโลกเดียวกัน ตามยุทธศาสตร์ที่ปล่อยให้หลงกลมานานแล้ว คือ โลกาภิวัฒน์ หลอกให้ประเทศติดตามฝรั่ง สิ่งเปิดประเทศ โดยไม่ม ีระบบป้องกันตัวเอง จากนั้นปลาใหญ่ก็จะกินปลาเล็ก ประเทศที่แข็งแรงก็จะยึดครองประเทศที่อ่อนแอ กลายเป็นทาสเมืองขึ้น ทางเศรษฐกิจ ไปในที่สุด

บางคนจะบอกว่า เหมือนฟังเรื่องคนบ้า

ครับ จริงไอ้เจ้าพวกนี้บ้าจริง และพวกคนบ้านี่แหละที่ครองโลกมาได้ ทุกครั้งที่สำคัญคือ มันจะเป็นยุทธศาสตร์ จากสวรรค์หรือนรก ก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือกลุ่มคนที่คุมยุทธศาสตร์นี้มีตัวตนจริง และเป็นขบวนการใหญ่ที่ทำตัวเป็นรัฐบาลโลก อยู่เบื้องหลัง บุคคลที่มีอิทธิพลของโลก ในเกือบทุกประเทศ

ครับ ร้ายกว่าที่คุณนึก ลึกกว่าที่คุณคิด เอ๊ะ... แล้วศึกถล่มเศรษฐกิจประเทศไทย กับศึกถล่มธรรมกายนี้ เป็นหนึ่ง ในเหยื่อขบวนการ เหล่าร้ายนี้ หรือไม่ วันจันทร์จะวิเคราะห์ ให้ฟัง

สิงห์ขาว

[หน้าหลัก] [หน้า1] [วิวาทะ] [สหัสวรรษ] [ปุจฉา]

1