ปีที่ 2 ฉบับที่ 618 ประจำวันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2542 แรม 3 ค่ำเดือน 4
หน้า 1
นิพพานเป็น "อัตตา" โดยหลวงปู่มั่น |
ดูปฏิปทา พระสุปฏิปันโนพูดถึงเรื่องนิพพานเป็น "อัตตา" โดย พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธโล) ถามพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร ตอบดังปรากฏ อยู่ในหนังสือของ ชมรมพุทธศาสตร์ เอสโซ่ พิมพ์ถวายวัดป่าชัยรังสี หน้า 78-80
ก.ถามว่า ตามที่ข้าพเจ้าได้ฟังมาว่า สอุปาทิเสสนิพพานนั้น ได้แก่พระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ อนุปาทิเสสนิพพานนั้น ได้แก่ พระอรหันต์ ที่นิพพานแล้ว ถ้าเช่นนั้น ท่านคงหมายความถึงเศษนามรูป เนื้อแลกระดูกที่เหลืออยู่นี่เอง?
ข.ตอบว่า ไม่ใช่ ถ้าเศษเนื้อเศษกระดูกที่หมดแล้วว่า เป็นอนุปาทิเสสนิพพานเช่นนั้น ใครๆ ตาย ก็คงเป็นอนุปาทิเสสนิพพาน ได้เหมือนกัน เพราะเนื้อแลกระดูกชีวิตจิตใจก็ต้องหมดไปเหมือนกัน
ก.ถามว่า ถ้าเช่นนั้น นิพพานทั้ง 2 อย่างนี้ จะเอาอย่างไหนเล่า?
ข.ตอบว่า เรื่องนี้มีพระพุทธภาษิตตรัสสอุปาทิเสสสูตรแก่พระสารีบุตร ในอังคุตตรนิกายนวกนิบาต หน้า 31 ความสังเขปว่า วันนี้เป็น เวลาเช้า พระสารีบุตรไปเที่ยวบิณฑบาต มีพวกปริพพาชกพูดกันว่า ผู้ที่ได้บรรลุสอุปาทิเสส ตายแล้วไม่พ้นนรก กำเนิดดิรัจฉาน เปรตวิสัย อบาย ทุคติวินิบาต
ครั้นพระสารีบุตรกลับจากบิณฑบาตรแล้ว จึงไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลตามเนื้อความ ที่พวกปริพพาชกเขาพูดกันอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า สอุปาทิเสสบุคคล 9 จำพวก คือพระอนาคามี 5 จำพวก พระสกทาคามีจำพวกหนึ่ง พระโสดาบัน 3 จำพวก ตายแล้ว พ้นจากนรก กำเนิดดิรัจฉานเปรตวิสัย อบายทุคติวินิบาต
ธรรมปริยายนี้ยังไม่แจ่มแจ้ง แก่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาเลย เพราะได้ฟังธรรมปริยายนี้แล้ว จะประมาทแลธรรมปริยายนี้ เราแสดง ด้วยความประสงค์จะตอบปัญหาที่ถาม ในสอุปาทิเสสสูตรนี้ ไม่ได้ตรัสถึงอนุปาทิเสส แต่ก็พอสันนิษฐานว่า อนุปาทิเสสคงเป็นส่วนของพระอรหันต์
ก.ถามว่า ถ้าเช่นนี้ ก็หมายความถึงสังโยนชน์ ที่หมดแล้วไม่มีส่วนเหลืออยู่ คือพระอรหัตตผล ว่าเป็นอนุปาทิเสสนิพพาน?
ข.ตอบว่า ถูกแล้ว
ก.ถามว่า เราพูดอย่างนี้ คงไม่มีใครเห็นด้วย คงว่าเราเข้าใจผิด ไม่ตรงกับเขา เพราะเป็นแบบสั่งสอนกันอยู่โดยมากว่า สอุปาทิเสสนิพพาน ของพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ อนุปาทิเสสนิพพานของพระอรหันต์ที่นิพพานแล้ว?
ข.ตอบว่า ข้าพเจ้าเห็นว่า จะเป็นอรรถกถาที่ขบพระพุทธภาษิตไม่แตกแล้ว ก็เลยถือตามกันมา จึงมีทางคัดค้านได้ไม่คมคายชัดเจน เหมือนที่ ทรงแสดงแก่พระสารีบุตร ซึ่งจะไม่มีทางคัดค้านได้ หมายกิเลสนิพพานโดยตรง
ก.ถามว่า สอุปาทิเสสสูตรนี้ ทำไมจึงได้ตรัสหลายอย่างนัก มีทั้งนรก กำเนิดดิรัจฉาน เปรตวิสัย อบายทุคติวินิบาต ส่วนในพระสูตรอื่นๆ ถ้าตรัสถึงอบาย ก็ไม่ต้องกล่าวถึงนรก กำเนิดดิรัจฉาน เปรตวิสัย อบายทุคติวินิบาต?
ข.ตอบว่า เห็นจะเป็นด้วยพระสารีบุตรมากราบทูลถามหลายอย่าง ตามถ้อยคำของพวกปริพพาชกที่ได้ยินมา จึงตรัสตอบไปหลายอย่าง เพื่อให้ตรงกับคำถาม
ก.ถามว่า ข้างท้ายพระสูตรนี้ ทำไมจึงมีพระพุทธภาษิตตรัสว่า ธรรมปริยายนี้ ยังไม่แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาเลย เพราะได้ฟัง ธรรมปริยายนี้แล้ว จะประมาท และธรรมปริยายนี้ เราแสดงความประสงค์จะตอบปัญหาที่ถาม?
ข.ตอบว่า ตามความเข้าใจของข้าพเจ้า เห็นจะเป็นด้วยพระพุทธประสงค์ คงมุ่งถึงพระเสขบุคคล ถ้าได้ฟังธรรมปริยายนี้แล้ว จะได้ความอุ่นใจ ที่ไม่ต้องไปทุคติ แลความเพียร เพื่อพระอรหันต์จะหย่อนไป ท่านจึงตรัสอย่างนี้
ก.ถามว่า เห็นจะเป็นเช่นนี้เอง ท่านจึงตรัสว่า ถ้าได้ฟังธรรมปริยายนี้แล้วจะประมาท?
ข.ตอบว่า ตามแบบที่ได้ฟังมาโดยมาก พระพุทธประสงค์ ทรงเร่งพระสาวก ผู้ยังไม่พ้นอาสวะให้รีบทำความเพียรให้ถึงที่สุด คือพระอรหันต์ (หมายเหตุข้อมูลจากศิษย์สุปฏิปันโน ศิษย์พระราชญาณวิสุทธิโสภณ หรือพระมหาบัว วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี)