ปีที่ 2 ฉบับที่ 613 ประจำวันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2542
สหัสวรรษที่ 3
จากนารีพิฆาต ถึงวินาศภัย ลูกไม้เก่าๆ แค่เปลี่ยนรูปแบบใหม่
ผมว่า จะไม่งงแล้วเชียวนา
แต่เมื่อเช้านี้ผมงงจริงๆ ใครได้ดูรายการไอทีวีตอนเช้า คุณสุภาพแกทำข่าวเรื่องระเบิดลงบ้านคุณเสฐียรพงษ์ ซึ่งผมดูจาก ข่าวหน้า หนังสือพิมพ์ แล้วยังสั่นหัว เพราะมือระเบิดแบบนี้เรียกว่า กระจอกมาก ขว้างยังไง รถเบนซ์คันสวยไม่ยักโดน ไปโดนเอารถญี่ปุ่น ถลอกปอกเปิก ไปนิดหน่อย
เรียกว่า เป็นรายการเขย่าขวัญเล่นๆ แค่นั้นแหละ
เพราะตอนนี้ท่านเสฐียรพงษ์ เป็นราชบัณฑิต เป็นบุคคลระดับชาติ ต้องทนุถนอมกันหน่อย ขนาดนายกฯ ยังเป็นห่วงสุขภาพ ถึงขนาดโทร.มาถามไถ่ทุกข์สุขปลอบขวัญ
แต่ที่ผมงงก็ตอนที่คุณสภาพต่อสายตรงถึงท่านเสฐียรพงษ์ แล้วคำถามก็ชี้นำไปเลยว่า คุณเสฐียรพงษ์ จะต้องฟันธงแน่นอน โดยเฉพาะ คำถามที่ว่า คุณเสฐียรพงษ์ได้เคยฟันธงไว้แล้วว่า จะต้องสึกเจ้าอาวาส อย่างแน่นอน
แต่คำตอบจากปากเจ้าตัวมีเสียงโทรศัพท์ชัดเจนว่า ผมไม่เคยฟันธงเรื่องจะต้องสึกเจ้าอาวาส หนังสือพิมพ์ ไปเขียนกันเอง ไม่เคยให้ สัมภาษณ์อย่างนั้น และคำถามที่ว่า การปาระเบิดครั้งนี้ น่าจะเป็นฝีมือชาวธรรมกายหรือไม่ แกก็ตอบชัดเจนว่า ไม่น่าจะใช่ คิดว่าเป็นฝีมือของ คนจิตไม่ปกติมากมากว่า หรืออีกนัยหนึ่งแกคงอยากบอกว่า เป็นมือที่สามที่สร้างสถานการณ์
ครับ ถ้าไม่งงตอนนี้ ก็ไม่รู้จะไปงงตอนไหน ยิ่งคำพูดตอนหนึ่งที่คุณเสฐียรพงษ์บอกว่า บางเรื่องผมไม่ได้ให้สัมภาษณ์เลย ไปเขียนกันเอง ทำไมสื่อมวลชนเป็นอย่างนี้ เล่นเอาคุณสุภาพแกอึ้งหน้าแตกไปกลางทีวี
ผมว่า สื่อทีวีนี่ดีอย่าง เป็นรายการสดๆ ตัดต่อไม่ได้ ใครเขาพูดอะไรก็ออกมาอย่างนั้น จะเอามาดัดแปลงแต่งเติมก็ยาก
แต่สิ่งที่ผมได้ยินได้ฟังเมื่อเช้านี้ ทำให้ผมงงไปหมด ถ้าเป็นละครมือเซียนก็ต้องเป็นระดับโลก ที่ลึกลับซ่อนเงื่อนจนไม่รู้ว่า ใครเป็นพระเอก ใครเป็นผู้ร้าย เหมือนหนังฝรั่งเรื่องสารวัตรปัวโรต์ ต้องรอตอนจบสุดท้าย ถึงได้บางอ้อ
เพราะสิ่งแรกที่ผมคิดได้ก็เหมือนชาววัดพระธรรมกาย คิดไว้ทุกคน ทันทีที่ได้ยินข่าว เรื่องการวางระเบิด คนที่โจมตีวัดพระธรรมกาย ผมก็นึกแว๊บทีเดียว นี่คงรายการสุดท้ายก่อนปิดรายการแล้วนั่นคือ ต่อจากยุทธศาสตร์การสร้างเรื่องสีกาทั้งหลาย ที่เขียนกันชนิดถึงพริกถึงขิง เหมือนดูถ่ายทอดสดแล้ว ซึ่งเรียกว่า ยุทธการนารีพิฆาต
แผนสุดท้าย ชื่อว่า วินาศภัยซึ่งแผนนี้สามารถทำให้ยอกย้อนซ่อนเงื่อนมากกว่าปรกติได้ เพื่อไม่ให้เสียเหลี่ยมมือระดับชาติ สามารถสร้าง สถานการณ์ให้เกิดความตื่นเต้น เพื่อเอาไปสร้างหัวข่าวและออกทีวีได้ เพราะตอนนี้ข้อมูลสำหรับเขียนข่าว มันก็งวด จนไม่รู้จะไปหาอะไร เขียนแล้ว
นอกจากแกล้งปล่อยข่าวลือ ว่าจะมีการก่อวินาศภัยในวัด จนคนในวัดเขารู้ได้ ไม่ตื่นเต้นตามไปด้วยแล้ว ก็สามารถก่อวินาศภัย ให้กับผู้เป็น ศัตรูกับวัด เพื่อสร้างภาพว่า คนธรรมกายนี่เป็นอาชญากรตัวร้าย น่ากลัวอันตราย
เพราะแม้ในรายการของ กมธ. ก็ยังระบุชัดว่า วัดพระธรรมกายนี้ เป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ เป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ซึ่งทำให้ผมหวนนึกถึงมาตรา 17
สมัยก่อน ถ้าไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรก็ตีคลุมๆ ไป แล้วยัดข้อหาความมั่นคงแห่งชาติไปเลย
เพราะข้อหานี้ ไม่ต้องพิสูจน์มาก ใช้คำว่า รายงานจากการสืบราชการลับ ที่ไม่ต้องเปิดเผย
และตอนนี้ คณะกรรมาธิการของรัฐสภา ในรัฐบาลประชาธิปไตยเต็มใบชุดนี้ กำลังใช้มาตรการนี้ฟันธงว่า วัดนี้เป็นภัยต่อความมั่นคง แห่งชาติ ตัดสินฉับไปเลย ต้องสึกเจ้าอาวาส
ฉะนั้น เพื่อให้บทมันสอดคล้องต้องกัน ผู้เขียนบท (หรือมือที่สาม) ก็ต้องสร้างสถานการณ์ว่า คนเข้าวัดนี้เป็นคนร้ายใจบาป มีพฤติกรรม เป็นภัยของสังคม ต้องรีบเร่งกำจัดโดยด่วน
จากนั้น ก็จะสร้างสถานการณ์ต่อไปว่า จะต้องมีการอารักขาผู้คิดร้ายต่อวัดพระธรรมกายประดุจบุคคลสำคัญของชาติเพื่อให้สถานการณ์ น่าเกรงขามและเข้มข้น
และผมก็คงไม่แปลกใจอะไร ถ้าจะหน่วยปฏิบัติการพิเศษบุกเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อหาร่องรอยของมือระเบิด โดยอาจจะยก กำลังเข้าไปเป็นร้อยๆ เพราะวัดนี้มีพระเป็นพัน อาจจะมีการซ่อนอาวุธไว้ต่อสู้ จะเกิดกลียุค และเหตุการณ์จราจรใหญ่ ... ไปโน่น
และไหนๆ จะเขียนบทให้มันยิ่งกว่านี้ มันก็ต้องไปค้นร่องรอยเช่น ถังน้ำมันที่คล้ายกัน พร้อมทั้งหลักฐาน อีกบางชิ้นของการเตรียมการ วางระเบิด
แน่นอน ถ้าวางยุทธศาสตร์มาได้ขนาดนี้ ก็ต้องใช้ยุทธศาสตร์สุดท้าย ยุให้ชาววัดนับแสน เกิดความโกรธแค้น ออกมาก่อม๊อบ สร้างความ วุ่นวาย แปลว่า เข้าล๊อคตามขบวนการที่วางไว้มาตั้งแต่ต้น
ครับ ดูแล้วเหมือนนิยายตื่นเต้นของพนมเทียน ส.เนาวราช หรือ เศก ดุสิต ที่ผมเคยอ่านสมัยเด็กๆ คิดอย่างนี้ผมก็คิดได้ แต่ผมว่า
คนคิดเรื่องนี้ ไม่เก่งขนาดนั้นหรอกครับ
เพราะการวางระเบิดในวันมาฆบูชามันบ้องตื้นไปหน่อย ถ้าชาววัดโง่ๆ เขาจะทำ เขาก็คงไม่ทำเพื่อดับข่าว ในวันมาฆบูชาหรอก เพราะ คนวัดตัวจริงเขาจะเตรียมงานวัดกันจนไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ และทุกคนก็จะใจจดจ่อที่จะรอดู โคมมาฆประทีปที่สวยงาม เจริญตาเจริญใจ ไปนั่ง สมาธิดีกว่า ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม
กาขาว(แทน)