
ทรงประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์พระที่นั่งริมทะเลสาบเจนีวา
วันที่ 4
ตุลาคม พ.ศ.2491
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประสบอุบัติเหตุ
เนื่องจากรถพระที่นั่งที่ทรงขับเองชนท้ายรถบรรทุกที่หยุดกะทันหัน
ทรงได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณพระพักตร์และพระเศียร
แต่ไม่มีพระอัฐิส่วนใดแตก
ทรงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำบลมอร์เซล์
เป็นเวลาประมาณ 3 สัปดาห์
ระหว่างที่ประทับอยู่ในโรงพยาบาลนั้นมีม.ร.ว.สิริกิติ์คอยเฝ้าถวายการพยาบาลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จออกจากโรงพยาบาลที่ประทับ
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2491
และได้เสด็จเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง
เพื่อผ่าพระเนตรข้างขวา
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2491
ประทับอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 5
วัน
ผลการผ่าตัดปรากฏว่าเป็นที่พอใจของแพทย์ผู้ถวายการรักษา
การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้
และการที่ม.ร.ว.สิริกิติ์
ได้มาเฝ้าถวายการพยาบาลอย่างใกล้ชิด
เป็นมูลเหตุให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับม.ร.ว.สิริกิติ์ที่มีมาแต่เดิมลึกซึ้งแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เป็นลำดับ
พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
ในวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ.2492
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงประกอบพิธีหมั้นม.ร.ว.สิริกิติ์อย่างเงียบ
ๆ ที่โรงแรมวินเซอร์
เมืองโลซานน์
จนกระทั่งเดือนกันยายนปีเดียวกัน
จอมพล
ป.พิบูลสงครามได้เผยแพร่ขาวการหมั้นระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับม.ร.ว.สิริกิติ์แก่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ในไม่ช้าข่าวก็แพร่ไปสู่ประชาชน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จนิวัติพระนครในวันที่
24 มีนาคม พ.ศ.2493
พร้อมด้วยม.ร.ว.สิริกิติ์
หม่อมเจ้านักขัตรมงคล
หม่อมหลวงบัว กิติยากร
จากนั้นเสด็จประทับที่พระบรมมหาราชวัง
ตลอดเส้นทางมีประชาชนคอยเฝ้ารับเสด็จด้วยความจงรักภักดีแน่นขนัด
วันที่ 28
เมษายน พ.ศ. 2493 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 12
ค่ำ เดือน 6 ปีขาล
ได้ทรงอภิเษกสมรสกับม.ร.ว.สิริกิติ์
กิติยากร
โดยได้จดทะเบียนสมรสกับม.ร.ว.สิริกิติ์
กิติยากร ตามกฏหมายไทย
ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์
บรรพ 5
ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศใช้เมื่อเดือนตุลาคม
พ.ศ. 2474
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัติย์ไทยประกอบพิธีราชาภิเษกสมรสอย่างเปิดเผย
และเป็นทางการ
แสดงออกอย่างแจ้งชัดถึงพระราชจรรยาที่จะทรงดำเนินพระองค์ตามระบอบประชาธิปไตยทุกประการ
พระปฐมบรมราชโองการ
ต่อมาวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
โดยพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า


ในพระราชพิธีบรมราชภิเษกนี้
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
สถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระราชินีขึ้นเป็น
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินี ด้วย
เมื่อเสร็จพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว
ได้เสด็จกลับสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้งหนึ่ง
เพื่อรักษาพระวรกายตามคำแนะนำของแพทย์
ในวโรกาสนี้ได้ประทับอยู่จนมีพระประสูติกาลพระราชธิดาพระองค์แรก
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าอุบลรัตน์ราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี
ประสูติ ณ โรงพยาบาลมองซัวซีส์
เมืองโลซานน์ เมื่อวันที่ 5
เมษายน พ.ศ.2494
หลังจากนั้นก็เสด็จนิวัติพระนคร
และประทับอยู่ ณ
พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
ต่อมาจึงย้ายไปประทับ ณ
พระที่นั่งอัมพรสถาน
พระราชวังดุสิต
ซึ่งได้มีพระประสูติกาลพระราชโอรส
และพระราชธิดาอีกสามพระองค์
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์
ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 28
กรกฎาคม พ.ศ.2495
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดา
กิติวัฒนา ดุลโสภาคย์
ประสูติเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2498
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์
อัครราชกุมารี
ประสูติเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม
พ.ศ.2500
เสด็จออกทรงผนวช
พ.ศ. 2499
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
ให้สมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินี
ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในตำแหน่ง
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
แล้วเสด็จออกทรงผนวช ณ พระอุโบสถ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ได้เสด็จ ฯ
ประทับ ณ พระตำหนักปั้นหยา
พระตำหนักทรงพรต
วัดบวรนิเวศวิหาร
จนเสด็จลาผนวชเมื่อวันที่ 5
พฤศจิกายน พ.ศ. 2499
ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
สถาปนาเฉลิมพระอิสริยศักดิ์
สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
ขึ้นเป็น
สมเด็จพระบรมราชินีนาถ
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2499
จากวันนั้นทรงปกครองบ้านเมืองโดยธรรม
ลุถึงกาลปัจจุบัน
|