ปีที่ 3 ฉบับที่ 1060 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 8 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2543 |
ศาสนาพุทธในสายตาโลก ความเหมือนที่แตกต่าง
เมื่อตอนที่ผมเป็นนิสิตเรียนวิชารัฐศาสตร์ อาจารย์ได้ห้ามไว้ว่า สองเรื่องที่มนุษย์ไม่ควรจะถกเถียงกันจนเอาเป็นเอาตาย อาจถึงฆ่ากันตายได้ เพราะความเชื่อที่แตกต่างกันคือ การเมือง กับ การศาสนา
ถ้าจะถกเถียงเพื่อหาความกระจ่างทางปัญญา ก็ให้ดูวิธีลับสมองด้วยคำพูดนุ่มนวลแบบโสกราติสในอดีต เป็นการไล่เรียงความคิด เพื่อให้เกิดความกระจ่างใส
อันเป็นต้นแบบของ วิชาปรัชญา วิชาแห่งความงดงามทางความคิด การถกเถียงให้เกิดปัญญา มิใช่เกิดอารมณ์
ยิ่งในเรื่องศาสนาเป็นเรื่องลึกซึ้งละเอียดอ่อน เป็นเรื่องของศรัทธา ความเชื่อถือที่มีพื้นฐานลึกซึ้ง และมีความผูกพันยาวนาน ถ้าเป็นต้นไม้ก็หยั่งรากลึกจนถอนยาก
การก้าวล่วงความคิดของผู้อื่น พยายามโน้มน้าวที่จะหักล้างเปลี่ยนศรัทธา เปลี่ยนวิธีคิดในศาสนา ในทางพุทธศาสนา ถือว่า เป็นการเบียดเบียนความคิดผู้อื่น
ยิ่งพวกเราชาวพุทธ ถือว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา เป็นศาสนาแห่งปรัชญาและศาสนาแห่งสัจธรรม
แก่นแท้ที่สำคัญ ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น จะซาบซึ้งดื่มด่ำได้ก็ด้วยการปฏิบัติเท่านั้น หาใช่การเรียนรู้ถกเถียงทางทฤษฎีแต่เพียงอย่างเดียวไม่ ที่สำคัญธรรมะเป็นสิ่งดีงาม ไม่ต้องยัดเยียด ใครอยากได้ ก็ต้องแสวงหา แต่สุดท้ายก็คือวิชาสร้างคนให้เป็นคนดีทุกคนเหมือนทุกศาสนา
ผมคิดว่า ทุกศาสนาก็สอนคนให้เป็นคนดี เหมือนกันอย่างนี้แหละ
ผมมีเพื่อนที่เป็นชาวคาทอลิกที่เคร่งครัด ไปโบสถ์อย่างสม่ำเสมอ มีวาจาอ่อนหวาน เป็นคนดีในสังคม เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมีหลักธรรมะของชาวคริสต์ ซึ่งผมดูแล้ว ก็ไม่เห็นแตกต่างจากชาวพุทธตรงไหน เป็นคนที่น่ารัก เป็นหัวหน้าครอบครัวที่อบอุ่น เป็นเพื่อนที่ดี มีน้ำใจเมตตา มีความโอบอ้อมอารี ให้เกียรติทุกคนเสมอกัน
ผมคิดว่า ชาวคริสต์ที่แท้ ก็เช่นเดียวกันกับชาวพุทธแท้ เป็นคนดีที่โลกต้องการเหมือนกัน
เพื่อนของผมอีกท่านหนึ่งเป็นชาวมุสลิมที่เคร่งครัด เป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย เป็นกรรมการกลางอิสลาม ตอนนี้เป็นถึงวุฒิสมาชิก เป็นคนน่ารัก เป็นเพื่อนที่ดี
เป็นหัวหน้า ครอบครัวที่ดี เป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่ง มีน้ำใจ พูดจา นุ่มนวล ยิ้มแย้มแจ่มใส จิตใจเต็มไปด้วยเมตตาธรรม
ชาวมุสลิมที่แท้ ก็เช่นเดียวกับชาวคริสต์ที่แท้ และชาวพุทธที่แท้ เป็นคนดีที่โลกต้องการ ทั้งที่มีความเชื่อที่แตกต่างกัน นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกัน พิธีกรรมที่แตกต่างกัน
มีอยู่วันหนึ่ง ผมนั่งอยู่ในร้านอาหารกลางกรุงนิวยอร์ค เพื่อนผมซึ่งเป็นชาวยิวที่เคร่งครัดมาก เป็นคนดีมีนิสัยน่ารัก เป็นนักธุรกิจใหญ่ชาวอิสราเอล ถามโพล่งขึ้นมาว่า
คุณเชื่อเรื่องพระเจ้าไหม?
ผมกำลังจะตักข้าวเข้าปาก ต้องหยุกกึกกลางคัน เพราะผมเห็นหน้าตาเขาถามแบบเอาจริงเอาจัง นึกไม่ออกว่า ถ้าผมตอบไม่เข้าหูเขานี่ เขาจะยังคบกับผมต่อไปไหมนี่
และจะกลาย
เป็นเรื่องถกเถียงกันจนเสียเพื่อนหรือไม่
เพราะอันที่จริง พุทธศาสนาเราไม่ได้สอนในเรื่องพระเจ้า และเราก็ไม่มีพระเจ้า แต่คนอื่นเขามี เราจะบอกกับเขาว่าอย่างไร เพราะเขาก็รู้อยู่แล้วว่า เราไม่มีพระเจ้า
ผมเคยศึกษาพระคริสต์ธรรมทางไปรษณีย์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า เขาสอนอะไรกัน แม้ตอนเด็กๆ ก็เคยเข้าโบสถ์ในต่างจังหวัด เพราะอยากให้ฝรั่งเขาสอนภาษาอังกฤษ ไปร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้ากับพระเยซู กับเขามาแล้วเหมือนกัน แต่ก็ทำไปแบบเด็ก ๆ ร้องเพลงสนุกสนานไพเราะดี แต่กลับบ้าน ผมก็กราบพระก่อนนอนทุกคืน
เพราะกฎข้อที่หนึ่งของการนับถือคริสต์ศาสนาคือ ต้องมีศรัทธาในพระเจ้า ต้องเชื่อว่า มีพระเจ้า มิฉะนั้น ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ ก็จะเข้าโปรแกรมไม่ได้ เพราะกดรหัสไม่ถูก
ด้วยความรักที่มีต่อเพื่อนชาวยิวของผม เป็นกัลยาณมิตรที่ดีของผมมาโดยตลอด ผมจึงกลั้นใจค่อยๆ ตอบเขาไป ดังนี้
ในพุทธศาสนาเราไม่มีพระเจ้า เรานับถือพระพุทธเจ้าเป็นต้นแบบ เป็นครูอาจารย์สอนธรรมะให้เราเป็นคนดีในสังคม เราเชื่อในกฎแห่งกรรม
แต่ที่สำคัญที่จะคล้ายกับทุกศาสนา
ก็คือ เราเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่ามีจริง ถ้าเราทำความดี เราก็ต้องได้รับผลแห่งความดี ซึ่งบางครั้ง อาจเกิดขึ้นอย่างมหัศจรรย์ ผมเชื่อสิ่งมหัศจรรย์
ถ้าคุณจะเรียกสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันมหัศจรรย์นั้นว่า พระเจ้า ก็อาจจะเป็นไปได้ในความเชื่อของคุณ
ผมเห็นเขายิ้มอย่างพอใจ พยักหน้าหงึกๆ แล้วบอกผมว่า โอเค แต่เชื่อเถอะ วันหนึ่งคุณจะต้องเชื่อว่า พระเจ้ามีจริง
ผมก็ได้แต่ยิ้ม ครับ ก็รอดตัวไปได้ เพราะผมเห็นว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งเถียงกันว่า พระเจ้ามีจริงหรือไม่ ถ้าเขาเชื่อว่ามีก็มี ถ้าเราเชื่อว่า ไม่มีก็ไม่มี
แต่ที่ผมรู้แน่ๆ ก็คือ ตอนนี้ ที่สหรัฐฯ กำลังให้ความสนใจด้านศาสนาจากตะวันออก มีการค้นคว้า มีการเขียนหนังสือเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย เรื่องราวของจิตวิญญาณ
การกลับชาติ มาเกิด ชีวิตหลังความตาย การนั่งสมาธิ การฝึกจิต เรื่องพลังจิต กลายเป็นวิชายอดนิยมของนักแสวงหาสัจธรรม และความสุขที่แท้จริง
ดาไลลามะ กลายเป็นพระในพระพุทธศาสนา ที่โด่งดังที่สุดในโลก ไปปาฐกถาที่ไหน จะมีคนซื้อบัตรเข้าฟังแน่นห้องประชุม ทั้งที่บัตรใบละนับหมื่นบาท
ถ้าสื่อมวลชนจะสัมภาษณ์
เรื่องพุทธศาสนา นิตยสารระดับโลกจะสัมภาษณ์ดาไลลามะ ซึ่งเป็นพระสงฆ์สายทิเบต
พระสงฆ์ในพุทธศาสนาที่โด่งดังในการเป็นนักเขียนที่งดงามคือ ท่าน ธิค นัท ฮันส์ เป็นพระเวียตนาม ซึ่งมีผลงานเต็มแผงหนังสือฝรั่ง สำหรับพุทธศาสนาในประเทศไทย
ไม่เคยอยู่ ในสายตาของ
ชาวตะวันตกแม้แต่น้อยนิด ไม่มีใครรู้ว่า เราเป็นประเทศที่พุทธศาสนาเจริญที่สุดในโลก
ยกเว้นก็แต่เรื่องวัดพระธรรมกายเท่านั้น ที่ตอนนี้ ดังไปทั้งโลก ดังไปถึงวาติกันเชียวล่ะ
กาขาว