วิวาทะ

ประชาพิจารณ์ล็อคสเปก กรณีกฎหมายหัวดำปกครองสงฆ์

ความพยายามผ่านกฎหมายฆราวาสปกครองสงฆ์ หรือที่เรียกกันอย่างสวยหรูว่า พ.ร.บ.อุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา ที่มีกระทรวงศึกษาธิการเป็นแม่งานใหญ่

วิชัย ตันศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะผู้กำกับดูแลกรมการศาสนา กระแอมมาว่า ได้ผ่านนโยบายให้กรมการศาสนา จัดทำแนวทางบริหารจัดการ อุปถัมภ์ คุ้มครองศาสนาขึ้น เพื่อนำหลักการทางศาสนาไปพัฒนาคุณภาพ ของประชาชน

ขณะที่ ไพบูลย์ เสียงก้อง ก็ออกมาขานรับนัยว่า นโยบายดังกล่าวของวิชัย เป็นนโยบายที่เป็นรูปธรรมยิ่ง และจะมีการสัมมนาในหัวข้อ "การพัฒนางานการศาสนา ตามแนวทาง ปฏิรูปการศึกษา" ณ พุทธมณฑล ในวันพุธที่ 26 เมษายน ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าจนถึงสี่โมงเย็นโน้น โดยจะเชิญพระผู้ทรงคุณวุฒิทางวิชาการศาสนา จำนวน 100 รูป พร้อม ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาศาสนาอีก 100 คน ร่วมกันตั้งวงถก

ผมหลับตาดูก็พอจะคาดเดาได้ว่า การสัมมนาดังกล่าวจะขึ้นต้นด้วยอะไร และจบลงด้วยอะไร ก็คือ การจัดทำประชาพิจารณ์เฉพาะกลุ่ม ที่มีความมุ่งหมายเดียวกัน เข้าไปตั้งโต๊ะ เสวนา ก่อนผ่านกฎหมายฉบับหัวดำปกครองสงฆ์

เลาๆ ว่า งานนี้ จะมีการถ่ายทอดสดทางทีวีช่อง 11 ด้วย

บอกได้คำเดียวครับ "ไม่แฟร์" และไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งต่อการจัดฉาก ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากเวทีที่ใต้ถุนรัฐสภา ที่จัดโดยคณะกรรมาธิการการศาสนา ที่มี อำนวย สุวรรณคีรี และพระหน้าเดิม ๆ ตั้งกระทู้เด็ดๆ ขึ้นต้นด้วยปุจฉาที่ว่า "ใครทำลายพระพุทธศาสนา"

งานนี้ มีคนอย่าง เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ร่วมวงอยู่ด้วย ซึ่งบุคคลดังกล่าว มีความเก่งกาจ ทั้งด้านงานการศาสนาวิชาการทั่วไป และทำธุรกิจเก่งกาจ ปล่อยดอกเบี้ยร้อยละ 20 หลายคน บ่นมาว่า เลือดไหลซิบ ๆ จนปัจจุบันได้เป็นวุฒิสมาชิก กทม. เรียบร้อยโรงเรียนตามหาแก่นธรรมไปแล้ว

ผมเคยให้คำตอบต่อวงสัมมนาที่ใต้ถุนรัฐสภาไปแล้วว่า ใครคือผู้ทำลายพระพุทธศาสนาก็ขอตอกตะปูย้ำอีกครั้งว่า เวทีอย่างกรรมาธิการการศาสนาฯ เนี้ยแหละทำลายพระศาสนา

ครับ อย่าหาว่า ผมปรามาสการสัมมนาของกระทรวงศึกษาฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 เมษายนนี้เลย แต่ผมเชื่ออย่างสนิทใจว่า คงมีวิธีการที่ไม่ต่างกันเสียเท่าไหร่

ทำไมผมจึงเรียกการจัดสัมมนาที่กำลังจะมีขึ้น เป็นเพียงการโยนก้อนหินถามทาง หรือ เป็นการทำประชาพิจารณ์เฉพาะกลุ่ม อีกนัยหนึ่งคือการล็อคสเปก

ต้องพิจารณาเปรียบเทียบ มองให้รอบ เหรียญมีสองด้านจริงบ่??

เหตุใดเล่าการจัดสัมมนา หรือ ประชุมเชิงวิชาการที่ จิตตภาวันวิทยาลัย มีพระกิตติวุฑโฒ เป็นแม่งาน กลับถูกกรมการศาสนา ขัดขวางทุกวิถีทาง ซ้ำยังส่งคนของ กรมการศาสนา ไปเฝ้าสังเกตบริเวณงานอีกด้วย

ขณะเดียวกัน หากกรมการศาสนากระทำอย่างตรงไปตรงมา มีจุดยืนเพื่อรักษาปกครองพระสงฆ์ และพระศาสนาแล้ว เหตุใดจึงไม่ไปตามคำเชื้อเชิญของพระกิตติวุฑโฒ

ผมไม่เข้าใจว่า คนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เหตุใดจึงมีนิสัยสันดาน เหมือนพวก "อีแอบ" ทำลับๆ ล่อๆ ไม่เข้าใจจริงๆ ครับ !!!

ก่อนการจัดงานจิตตภาวันฯ มีการปล่อยข่าวว่า พระกิตติวุฑโฒ แอบอ้างพระเถระในมหาเถรสมาคม เพื่อสร้างความไขว้เขวให้กับชาวพุทธ และมีจุตประสงค์ เพื่อล้มเลิกงาน ดังกล่าว

ถึงขั้นมีการปลุกกระแสข่าวว่า พระกิตติวุฑโฒเตรียมล้มเลิกงาน เนื่องจากถูกวัดพระธรรมกายเบี้ยวเงินเบี้ยวทอง

นี้คือ กระบวนการของมหามาร คนใจบาปหยาบช้า ไม่หวั่นเกรงกลัวต่อนรก!!!

ภาพการทั้งหมดจึงเป็นเรื่องที่ไม่แฟร์ และไม่เป็นธรรม

ก่อนหน้านี้ กรมการศาสนาถูกมองว่า เป็นหน่วยงานที่สนองพระพุทธศาสนา พูดง่าย ๆ เข้าใจภาษาชาวบ้าน ก็คือ เด็กวัดที่พระท่านจะสั่งอะไร ก็ต้องเคารพเชื่อฟัง และปฏิบัติตาม เสมอ

แต่กรมการศาสนา ณ วันนี้ กลับมีพฤติกรรมเป็นผู้บงการ ชี้นำ สั่งสอน อบรม ทั้งที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย !!

ช่วยไม่ได้หรอกครับ สำหรับคนลุแก่อำนาจ อดรนทนไม่ไหว ก็พยายามจะผ่านกฎหมายหัวดำปกครองสงฆ์ จนกลายเป็นภาพที่ว่า กรมการทำลายศาสนาไปเสียนี่

ยอมรับความจริงเถอะครับ ไพบูลย์ เสียงก้อง ผมเชื่อว่าอธิบดีคนนี้ น่าจะเป็นคนที่เข้าใจคำว่า บทบาทหน้าที่ โดยเฉพาะเรื่องของพระพุทธศาสนา มีกฎแห่งกรรมเป็นหัวใจ

ภรรยาของท่านล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งร้าย ผ่านพ้นรอดปลอดภัย ก็ด้วยคุณของพระรัตนตรัยทั้งสิ้น

ดังนั้น การบริหารงานในกรมการศาสนา จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ สุขุมคัมภีรภาพ

อย่าได้เต้นตามกระแส ปัญหาพระพุทธศาสนา ไม่ได้วิกฤติตามอย่างที่มหาขี้เมา ประโยค 9 เที่ยวเห่าหอนโป้ปดให้สังคมพุทธเราได้ตื่นตระหนกกันหรอกครับ"

หากจะวิกฤติ ก็คงหนีไม่พ้นน้ำมือของคนกลุ่มนี้ไปได้ อย่าเลือก และก็โปรดอย่าเต้นตามกระแสเลยครับ

หากไพบูลย์ แปลว่า ความพร้อมสมบูรณ์ ผมก็หวังใจว่า อธิบดีกรมการศาสนาคนนี้ จะพร้อมสมบูรณ์ ด้วยศีล สมาธิ และปัญญา เลิกเล่นบทเลือกที่รักมักที่ชังดีกว่าครับ

อย่างไรเสีย พระท่านก็มีศีล 227 ข้อ พวกเราเป็นฆราวาส ขี้เหม็น กิน ขี้ ปี้ นอน สมบูรณ์ด้วยกิเลส ตัณหา ราคะ อีกไม่กี่ปีก็ตายจากกันแล้ว จารึกสิ่งดีให้กับวงศ์ตระกูลดีกว่า

โซตัส