ปีที่ 3 ฉบับที่ 997 ประจำวันจันทร์ที่ 10 เดือนเมษายน พ.ศ. 2543 |
มหาเดวิทย์โต้มหาเถียร มั่วกม.ตื้บพระ
โวยชุมนุมสมภารไม่ใช่หมาหางด้วน ต้องการป้องพุทธ
"ชวน" ศรัทธาถอย กรรมติดปีก ปัดสวะเงิน "ตาบัว"
โยนบาป "เต่า" คุกเข่ารับเงินบุญ ลอยตัวรัฐบาลไม่เคยรู้เห็น
พระธัมมชโยปลื้ม ใกล้ฉลองเจดีย์ กล่าวเห็นใจกัลยาณมิตรที่ทุ่มจนมหาธรรมกายเจดีย์สำเร็จ ด้านพระมหาเดวิทย์ ออกโรงสวนหมัดเสฐียร-สนิท สีสำแดง ที่กล่าวหาการต่อต้าน พ.ร.บ.หัวดำปกครองพระว่า เป็น หมาหางด้วน และโจรคบโจรเตือนอย่าแปลเจตนารมณ์ของพระสังฆาธิการผิด การจัดสัมมนาที่จิตตภาวัน
เป็นเพราะทุกรูปต่างห่วงใย
ใน วิกฤติพระศาสนา ไม่ใช่เป็นอลัชชีร้อนตัวอย่างที่กล่าวหา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกายเมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) ว่า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ พระธัมมชโย ได้เดินทางถึงสภาธรรมกายสากล เมื่อเวลา 09.30 น. จากนั้น
ได้นำ สวดมนต์
บูชาพระรัตนตรัย รวมทั้งสั่งสอนให้พุทธศาสนิกชน ประมาณ 7,500 คน ร่วมกันนั่งสมาธิจนถึงเวลา 10.30 น. จึงได้กล่าวสอนธรรมะแก่ญาติโยม
พระธัมมชโยกล่าวว่า ทรัพย์สมบัติต่าง ๆ อันเป็นทรัพย์สินของตน ย่อมเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจของคนที่มีสมบัติ จะนำไปซื้อหาสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ตนเองอย่างไรก็ได้ ตามแต่ใจปรารถนา บางคนก็จะแบ่งนำไปทำบุญบ้าง เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางศาสนา และเพื่อเป็นพุทธบูชาตามแต่กำลังศรัทธา
เพื่อสั่งสมบุญบารมีไว้ให้เกิดผลในภพหน้า
อย่างไรก็ตาม การใช้ทรัพย์สิน หรือสมบัติ ทุกคนจะมีโอกาสใช้ได้แต่เพียงระหว่างที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น เมื่อตายไปแล้ว ก็จะนำไปด้วยไม่ได้ไม่ว่าจะมีสมบัติมากน้อยแค่ไหนก็ตาม เช่น อาตมาเองถ้าจะมองไปแล้วก็จะเห็นว่า มีทรัพย์สมบัติมาก โดยส่วนใหญ่ได้มาจากญาติโยมถวายให้ แม้ว่าจะยังไม่ตาย แต่อาตมาเองก็ยังเอาติดตัวไม่ได้เลย
ก็อย่างที่เห็นกัน
อยู่อย่างนี้
ในช่วงที่ผ่านมา รู้สึกเห็นใจญาติโยมที่เข้ามาเป็นเจ้าภาพกองบุญ และรองเจ้าภาพกองบุญด้วยแรงศรัทธาที่มีต่อมหาธรรมกายเจดีย์ ด้วยจิตที่เป็นบุญ ซึ่งอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ อาตมาก็จะเห็นสาธุชนที่เป็นเจ้าภาพร่วมกันสร้างมหาเจดีย์ ให้มีภาพออกสู่สายตกของผู้คนทั่วโลก ให้ได้รู้ได้เห็น และปลาบปลื้มปิติยินดีกับงานฉลองยิ่งใหญ่ครั้งนี้
เพื่อให้เป็น
ประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนาสืบไป
ด้านพระมหาเดวิทย์ ยสสีภิกขุ ประธานองค์การยุวสงฆ์แห่งประเทศไทย ได้ออกมากล่าวตอบโต้ นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ที่พูดดูหมิ่นพระสังฆาธิการจำนวน 4 พันกว่ารูป ที่ไปร่วมงานสัมมนาที่จิตตาภาวันวิทยาลัย โดยกล่าวว่า ตามที่ได้มีการร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และ พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการร่าง ก็ได้มีพวกอลัชชี ที่กลัวเสียประโยชน์ ได้สร้างกระแสต่อต้านขึ้นมา เป็นการสร้างกระแสแบบหมาหางด้วน การที่นายเสฐียรพงษ์พูดเช่นนี้ เท่ากับไม่เคารพพระสังฆาธิการ
ที่ร่วมทำ สังฆามติค้าน พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับดังกล่าว
พระมหาเดวิทย์กล่าวอีกว่า ก่อนที่นายเสฐียรพงษ์จะออกมาพูด ได้เคยศึกษาเรียนรู้ร่าง พ.ร.บ.มาก่อนหรือไม่ว่า เขาทำกันไปถึงไหนแล้ว ขณะนี้ร่างทั้งสองฉบับดังกล่าว ได้ถูกนำเสนอไปถึงนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่กำลังร่างอย่างที่นายเสฐียรพูด เพียงรอให้นายกรัฐมนตรี จะลงนามเมื่อไหร่เท่านั้นเอง
ดังนั้น จึงขอฝากไปยังนายเสฐียรพงษ์ว่า หากยังไม่เคยอ่านร่าง พ.ร.บ.มาก่อน หรือ ยังหาอ่านไม่ได้ ก็ให้มาขอที่อาตมาได้ และขอฝากไปยังพระสังฆาธิการที่ได้เข้ามาสัมมนา
ที่จิตตภาวัน
วิทยาลัยด้วยว่า การที่ นายสนิท สีสำแดง พูดดูหมิ่นพระสังฆาธิการที่ร่วมงานสัมมนาในจิตตภาวัน และกล่าวว่า วัดพระธรรมกาย
หลอกลวงชาวบ้านให้เข้ามา
ทำบุญ แล้วยังได้ขยายความคิดนี้ ไปยังจิตตภาวันวิทยาลัย เปรียยเสมือนโจรคบโจร
เรื่องนี้ อาตมาอยากจะถามนายสนิทว่า ได้เคยเข้าไปยังงานสัมมนาดังกล่าวหรือไม่ และเคยถามพระสังฆาธิการที่ร่วมสัมมนาหรือเปล่าว่า
เขาถูกเกณฑ์หรือบังคับให้ไปหรืออย่างไร ตามที่องค์การยุวสงฆ์ได้เข้าไปร่วมด้วย อาตมาจึงรู้มาว่า พระสังฆาธิการที่เดินทางมาร่วมสัมมนานั้น เป็นเพราะได้รับทราบกระแสจากสื่อต่าง ๆ และจากหนังสือที่ส่งไปยังวัด และมาด้วยจิตสำนึกที่ห่วงใยในวิกฤติพระพุทธศาสนา
ถ้านายสนิทไม่ได้เข้าไป ก็แสดงว่า นายสนิทได้กล่าวดูหมิ่นดูแคลนต่อพระสังฆาธิการถึง 4 พันรูป อย่างชัดเจน โดยกล่าวหาว่า พระที่ไปร่วมงานเป็นโจร ถึงจะไม่กล่าวโดยตรง แต่ก็เกี่ยวโยงถึงวันสัมมนา
"ชวน" ปัดสวะปัญหาเงินหลวงตามหาบัว ย้ำ "หม่อมเต่า" คุกเข่ารับเงินกองทุนผ้าป่าคนเดียว รัฐบาลไม่รู้เรื่อง โยงความหวังใหม่ ระบุเป็นตัวสร้างปัญหา หวังถล่มรัฐบาล ฝ่ายค้านระบุรัฐบาลโยนขี้แบงก์ชาติ เป็นแพะรับบาป สบช่องเขย่า "ธารินทร์" หมดความชอบธรรม นั่งเก้าอี้ขุนคลัง ด้านโพลตอกย้ำ ภาพซื่อสัตย์ลูกแม่ถ้วนสิ้นมนต์ขลัง เผยประชาชนสิ้นศรัทธารัฐบาล เชื่อคำพูดหลวงตามหาบัวมากกว่าร้อยละ 80
นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปราศรัยต่อประชาชน เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่จ.สระแก้ว ตอนหนึ่งถึงกรณีการบริหารเงินกองทุนผ้าป่าของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ว่า เงินจากการทอดผ้าป่าดังกล่าว ทางหลวงตามหาบัว ไม่ได้มอบให้รัฐบาลโดยตรง เหมือนกรณีเงินบริจาคจากกองทุนอื่น ๆ
โดยหลวงตามหาบัว ได้มอบให้
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ทั้งนี้รัฐบาลไม่เคยทราบข้อมูลเลยว่า ธปท.ได้รับเงินไปจำนวนเท่าใด และมีวิธีการบริหารอย่างไร แต่เมื่อมีข่าวออกมา ก็รู้สึกตกใจ โดยได้สอบถามนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รมว.คลังแล้ว ซึ่งนายธารินทร์ก็ไม่ทราบเรื่องเช่นเดียวกัน เพราะธปท.ไม่เคยรายงานให้รับทราบ
เนื่องจากวันที่ส่งมอบเงิน
กองทุนดังกล่าว ทางผู้ว่าการธปท. ได้ไปรับเงินมาด้วยตนเอง โดยรัฐบาล ไม่มีส่วนรับทราบใด ๆ เลย