ปีที่ 3 ฉบับที่ 993 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนเมษายน พ.ศ. 2543

หน้า 1

มารสกปรก ข่มขู่ห้ามอุ้มวัดธรรมกาย

คดีธรรมกายแผ่ว พยานโจทก์จนแก้ม กรณีการนำเงินวัดไปฝาก ไม่จำเพาะแต่วัดพระธรรมกาย ด้านสนธยา โพธิ์แดง ระบุพร้อมชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ ขณะที่พระมหาเดวิทย์ ระบุมือมืดโทรศัพท์ข่มขู่ ให้ยุติบทบาทปกป้องธรรมกาย

วันที่ 5 เม.ย.2543 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ กรุงเทพฯ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) และ นายถาวร พรหมถาวร ซึ่งตกเป็นจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้เดินทางมารับฟัง การเบิกความพยานโจทก์ ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 704 ชั้น 7 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. โดยมีพระภิกษุและประชาชนทั่วไป ที่สนใจเข้ามาร่วมรับฟังประมาณ 200 คน

ศาลได้ขึ้นบัลลังก์พิจารณาคดี เวลา 09.00 น. มี นายสมพร บุญเกิด ตำแหน่งผู้จัดการธนาคารกรุงไทย สาขารังสิต ขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ จากการซักถามของทนายความ ฝ่ายโจทก์ ส่วนใหญ่จะเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับการเปิดบัญชีเงินฝากของวัดพระธรรมกาย ที่ได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารกรุงไทย สาขารังสิต ตั้งแต่ครั้งยังใช้ชื่อวัดว่า วัดวรณี ธรรมกายาราม จนต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชื่อวัดพระธรรมกาย พร้อมกับได้มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้มีอำนาจลงนามเบิกถอนเงินกับธนาคาร และการเบิกถอนเงิน โอนเงิน จากบัญชีของวัด ไปยังสาขาต่างจังหวัด

อย่างไรก็ตาม พยานโจทก์ได้ให้การด้วยว่า นอกจากวัดพระธรรมกายแล้ว ยังมีอีกหลายวัดที่มาเปิดบัญชีในนามของวัดไว้กับธนาคาร การเปิดบัญชีของวัดใช้หลักฐาน แต่เพียง หนังสือ ที่แสดงว่า ผู้ใดเป็นผู้มีอำนาจลงนามเบิกถอนเงินได้เท่านั้น ถ้าหากเป็นบุคคล ก็ใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียว ก็สามารถเปิดบัญชีได้ การนำเงินเข้าฝากผู้อื่น ก็นำเข้าฝาก ในบัญชีของวัดได้ แต่ถ้าหากมีผู้นำเงินเข้าฝากบัญชีของผู้อื่นผิดไปจากที่ต้องการ ทางธนาคารก็จะทำการตรวจสอบให้ได้ การเบิกเงินโอนเงินไปเข้าบัญชีของผู้อื่นจำนวนหนึ่ง จำนวนใด ก็รับรองให้ได้ว่า เป็นเงินจำนวนของใคร ที่นำเข้ามาฝากไว้ในบัญชี

หลังจากที่ทนายความฝ่ายโจทก์ ได้ใช้เวลาซักถามพยานอยู่ประมาณ 45 นาที ทนายความฝายจำเลย จึงขึ้นซักค้านพยานเป็นเวลาประมาณ 20 นาที แล้วทนายความฝ่ายจำเลย ก็ขึ้นซักถามอีกครั้งหนึ่ง จนถึงเวลา 10.20 น. จึงจบการเบิกความพยานโจทก์ หลังจากนั้น ศาลได้อ่านคำให้การของพยานจบลง แล้วจึงมีคำสั่ง ให้เลื่อนนัดการเบิกความ สืบพยาน โจทก์ ตามที่ได้กำหนดไว้ในครั้งต่อไป วันที่ 12 และ 19 เม.ย.2543 ไปเป็นวันที่ 26 เม.ย.2543 เนื่องจากทนายความของฝ่ายจำเลย และพระทัตตชีโว ต้องไปเข้าพบกับกรรมาธิการ การศาสนาและวัฒนธรรม ที่รัฐสภา เพื่อชี้แจงกรณีต่างๆ ของวัดพระธรรมกาย ตามที่ได้เชิญให้ไปพบ ส่วนพระธัมมชโยนั้น เนื่องจากทางวัดพระธรรมกายต้องเตรียมงาน ฉลอง มหาธรรมกายเจดีย์ ครั้งที่ 1 ซึ่งกำหนดจะให้มีขึ้นในวันที่ 22 เม.ย.นี้ จึงได้ขอเลื่อนนัดต่อศาลดังกล่าว

นายสนธยา โพธิ์แดง ได้กล่าวว่า ตนอยากจะเข้าชี้แจงถึงเรื่องวัดพระธรรมกายต่อกรรมาธิการการศาสนา และวัฒนธรรมมานานแล้ว เพื่อต้องการให้คณะกรรมาธิการ ได้รับทราบ ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายให้กระจ่างชัดขึ้น ที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายกรรมาธิการฯ และฝ่ายวัดพระธรรมกาย ก็ไม่มีความพร้อมที่จะพบให้ตรงกันได้ จึงนัดมาเป็น 10 เม.ย. แต่ที่แน่นอน ก็คือวันที่ 12 เม.ย.นี้

ในวันเดียวกัน พระมหาเดวิทย์ ยสสีภิกขุ ประธานองค์กรยุวสงฆ์แห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยว่า ทางองค์การยุวสงฆ์ฯ ได้รับการข่มขู่เข้ามาทางโทรศัพท์หลายครั้ง อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ทางองค์การยุวสงฆ์ ได้ส่งหนังงสือเรื่องการสั่งพักพระพรหมโมลีไปให้กับพระสังฆาธิการ ระดับเจ้าคณะอำเภอทั่วประเทศ รวมทั้งได้มีใบปลิวที่ประทับตรา ไปรษณีย์ ต้นทาง มาจาก จ.ลำปาง อันมีข้อความข่มขู่ ด่าว่า และจะทำร้ายต่อพระมหาเดวิทย์ หากยังไม่หยุดออกมาปกป้องวัดพระธรรมกาย และหากยังไม่หยุดการแสดงคัดค้าน ต่อการ ปลด พระพรหมโมลี นอกจากนั้น ในใบปลิวยังกล่าวหาว่า ทางองค์การยุวสงฆ์ฯ ได้แอบอ้างเอาชื่อของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มาเกี่ยวข้องด้วย

พระมหาเดวิทย์ ได้กล่าวอีกว่า ทางองค์การยุวสงฆ์ฯ ได้ทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาส่วนรวมอย่างเป็นอิสระ แม้ว่าจะมีทนายร่วมต่างๆ จากพระภิกษุทั่วประเทศ ได้แจ้งความ ประสงค์เข้ามาว่า จะให้การสนับสนุนต่อแนวทางขององค์การยุวสงฆ์ฯ กันอย่างมาก ก็ตาม แต่ก็ไม่มีการเข้ามาก้าวก่ายต่อแนวทางองค์การยุวสงฆ์ฯ แต่อย่างใด

"อาตมาอยากจะขอชี้แจงให้ทราบว่า การทำงานของอาตมาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งส่วนใด ของวัดพระธรรมกาย แต่ได้มองเห็นว่า วัดพระธรรมกายก็เป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนา อาตมาจึงต้องเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง ก็เพื่อปกป้องไม่ให้เป็นแบบอย่าง ที่ไม่ถูกต้องต่อพระศาสนาสืบต่อไป จะกล่าวก็ได้ว่า ปัญหาของวัดพระธรรมกาย ที่ถูกรังแกกันอย่างไม่เลิกนั้น เป็นเพียงปัญหาเล็กๆ ของพระศาสนาเท่านั้น ซึ่งคนที่ติดตามสถานการณ์ของพระศาสนามาอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่องจะรู้ดีว่า อะไรเป็นอะไร ส่วนทางท่านเจ้าคุณพระพรหมโมลี อาตมายืนยันได้ว่า ไม่ได้มีความสนิทสนมมาก่อน องค์กรยุวสงฆ์ฯ มีความเป็นอิสระ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับฝ่ายใดทั้งสิ้น" พระมหาเดวิทย์กล่าวในที่สุด


[หน้าหลัก][หน้า1]

1