ปีที่ 3 ฉบับที่ 989 ประจำวันอาทิตย์ที่ 2 เดือนเมษายน พ.ศ. 2543 |
จริงหรือที่วัดร้างจะกลายเป็นโบสถ์ของหมอผี
สวัสดีครับ สัปดาห์นี้ผมหายไปจากพื้นที่ ติดต่อกันหลายวัน เนื่องจากมีภารกิจหลากหลาย โดยเฉพาะการรวบรวมข้อมูลต่างๆ
เพื่อจัดทำหนังสือพ๊อคเก็ตบุ๊คเกี่ยวกับ
อนาคตของ พระพุทธศาสนา ในประเทศไทย คาดว่า จะออกสู่สายตาพุทธศาสนิกชนหลังเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ของไทยเรานี้
หนังสือเล่มนี้ จะชี้ให้เห็นว่า ใครคือผู้บิดเบือนพระธรรมวินัย และใครกันแน่คือผู้ที่คิดค้นสัทธรรมปฏิรูปของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โดยเฉพาะท่านใบลานเปล่า ที่ชี้หน้ากล่าวตู่ "วิชชาธรรมกาย" เป็นของเตี้ย ๆ ไม่สูงใหญ่อย่างที่คิด และการก้าวล่วงหลวงพ่อวัดปากน้ำ
แท้จริงแล้ว ประวัติศาสตร์เป็นอย่างไร ใครกันแน่ คือ "ทุมมังกุ" ในคราบผ้าเหลือง และภัยที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลานี้ คืออะไร
อดใจรอกันอีกนิด เร็วๆ นี้ ท่านจะได้ทราบว่า คนรุ่นหลังเขาบิดเบือนประวัติศาสตร์กันอย่างไร ?!!
ครับวันนี้ ผมขอขยายความถึงงานสัมมนาทางวิชาการที่จิตตภาวันวิทยาลัย ของท่านเจ้าประคุณพระเทพกิตติปัญญาคุณ ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่ผ่านพ้นไปเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเฉพาะความเห็นของหลวงพ่อกิตติวุฑโฒ ที่ระบุว่า กรมการศาสนา จ้องแต่จะเป็นนายหน้าขายวัดร้างให้กับคนต่างชาติ นำไปทำโบสถ์ของศาสนาอื่น
ผมคนหนึ่ง ขอยืนยันว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นแล้ว ในแผ่นดินไทย
และมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้นมา โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลความเจริญ
ชาวนาชาวไร่ ผู้ยากจน กำลังจะถูกคนนอกศาสนากลืน
เรื่องเศร้าสลดใจเกิดขึ้นแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง กลับมองไม่เห็นพิษภัยที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะแถบอีสาน มีชาวบ้านจำนวนมาก
ไม่อาจดิ้นรนต่อสู้กับ ความ
ยากจน แสนเข็ญได้ หมอสอนศาสนาจะเข้าไปเอื้ออำนวยความสะดวกทุกรูปแบบ ตั้งแต่เครื่องอุปโภค บริโภค ยันเงินทอง และการศึกษา ปรับเปลี่ยนชีวิตเก่าให้ดีกว่า
โดยมีพันธะสัญญาว่า ยูจะต้องเลิกไหว้พระสงฆ์ ห้ามทำบุญตักบาตร และต้องไปแจ้งกับทางอำเภอ ตำบล เพื่อเปลี่ยนการนับถือศาสนาพุทธ โดยพลัน
ครับ การเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะด้านความเชื่อที่สืบทอดกันมา เป็นเวลาหลายชั่วอายุคน แต่ปัจจัยที่ว่า ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของหมอผีศาสนา
หากคนเหล่านี้ เรียนรู้ว่า จะเผยแผ่คัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าตัวเองได้อย่างไร ก็อาศัยหลักการง่าย ๆ ที่จะกลืนชาวพุทธผู้ยากไร้
หมอผีศาสนาจะใช้จิตวิทยาที่ว่า พี่นี้มีแต่ให้ เพราะมีความเชื่อมั่นว่า คนไทยคนพุทธ
บุญคุณมีต้องตอบแทน ดูอย่างการเลือกตั้ง ส.ว. หรือ ส.ส. ซิครับ
หัวคะแนนหอบเงิน มาแจก
ให้ชาวบ้าน เพื่อให้ลงคะแนน ซึ่งยังมีประชาชนจำนวนมาก เห็นว่า เมื่อเขาให้เงินเรา ก็ต้องไปใช้สิทธิลงคะแนนให้กับคนนั้น คนนี้ และถือเป็นบุญเป็นคุณกันทีเดียว
เขาไม่คิดหรอก ครับว่า นั่นเป็นเรื่องการตอบแทนบุญคุณ หรือว่า สมรู้ร่วมคิดกันขายชาติบ้านเมืองกันแน่
จริงอยู่ แม้ความเชื่อที่ฝังลึกจะเป็นสิ่งที่ลบล้างยาก หมอผีศาสนานั้น ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะนำเอาคัมภีร์ล้างบาป ผสมผสานกับพระไตรปิฎก รวมถึงศัพท์ต่างๆ
ที่ใช้ในวงการ สงฆ์ไทย ตลอดจนพิธีกรรมแบบชาวพุทธให้ชาวบ้านกลุ่มนี้ เห็นว่า คัมภีร์ล้างบาป มีความใกล้เคียงกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
มันเป็นเรื่องอัปยศที่เกิดขึ้นบนพื้นแผ่นดินนี้ !!!
ผมไม่เคยกลัวที่จะร่ำเรียน หรือศึกษาโต้วาทีในหัวข้อ ศาสนาเปรียบเทียบ เพราะเชื่อว่า คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็น อกาลิโก ใหม่อยู่เสมอ ที่เหตุผลที่สุด
ไม่ได้ดำเนินไป เพื่อความ
งมงาย หรือเพื่อความกำหนัด และที่สำคัญพระพุทธเจ้าเอง ก็ไม่ทรงสอนให้สาวกของท่านบูชาท่านเป็นตัวเป็นตน เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด หากแต่พระองค์ได้ยืนยันต่อสัตว์โลก อย่างแข็งขันแล้วว่า ขอให้พระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้ เป็นตัวแทนพระศาสดา หลังจากที่พระพุทธองค์ปรินิพพาน
ภัยพิบัติที่พยายามคุกคามพุทธศาสนาดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับมองเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ผมไม่ใช่คนที่มีจิตใจคับแคบ ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น แต่การแสดงความคิดเห็นของผู้อื่น จะต้องดำเนินไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ฉะนั้น ศาสนาใดก็ตามที่คิดว่าตัวเองแน่ เจ๋งกว่าพระพุทธเจ้า ก็สมควรที่จะนำหลักปฏิบัติของศาสดาตัวเอง มาเผยแผ่
การที่มันเหล่าบังอาจ เอาธรรมะของพระพุทธเจ้าไปปฏิรูป เป็นสัทธรรมปฏิรูปนั้น ต้องพูดกันแบบตรงไปตรงมาว่า หมอศาสนาเหล่านั้น มีพฤติกรรมไม่ต่างไปจาก "โจร"
และเป็น
ผู้ที่หน้าด้านไร้ยางอายที่สุด อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่ทรยศต่อ "ศาสดา" ของตัวเอง ซึ่งก็น่าเห็นใจอยู่หรอก เพราะว่าคำสอนของศาสนาท่าน ดำเนินไปเพื่อการสู้รบ แย่งชิง จึงหาเหตุผล หรือ ความเป็นจริงจากคัมภีร์เลือดเหล่านั้น ไม่ได้ เมื่อพบว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่มีหลักธรรมทรงสอนไว้ถูกต้องดีงามแล้ว จึงนำไปดัดแปลง
สัจธรรมของพระพุทธเจ้ายิ่งใหญ่นัก จึงไม่แปลกใจว่า เหตุใดผู้ที่มีความรู้กว้างขวางทางโลก โดยเฉพาะฝรั่งหัวแดง จึงทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน
มาบวชอุทิศตนเป็นพระภิกษุใน
บวร พระพุทธศาสนา เป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ถูกมหาอำนาจชาติใหญ่มองว่า เป็นโลกที่ 3 และเป็นหัวขโมย โดยเฉพาะปัญหาคดีความด้านทรัพย์สินทางปัญญา
แต่หากศึกษากันให้ถ่องแท้ จะพบว่า ประเทศไทย ถูกปล้นสดมภ์จากประเทศมหาอำนาจมาโดยตลอด ว่ากันตั้งแต่เรื่องพันธุ์พืช ที่ถูกดัดแปลงสายพันธุ์
โดยฝรั่งตาน้ำข้าวขี้โกง
เหล่านี้ อ้างว่า ได้พัฒนาเป็นสายพันธุ์ใหม่ อาศัยช่องว่างของกฎหมายเฮงซวยตรงนี้ จดทะเบียนตีตราลิขสิทธิ์ ทั้งที่ความจริงแล้ว พืชผักผลไม้เหล่านั้นเป็นของคนไทยแท้ๆ
เช่นเดียวกันกับพระพุทธศาสนา ที่ถือเป็นมหาสมบัติของประเทศชาติ กำลังจะถูกมารร้ายคุกคาม ด้วยการบิดเบือนนำหลักธรรมะของพระพุทธเจ้าไปประยุกต์เป็นคัมภีร์ เพื่อกลืนชาวพุทธ
สถานการณ์ข้างต้นไม่ใช่เรื่องที่เกินเลย ย้อนกลับไปสัก 20 ปี บนยอดเขาสูงป่าทึบในเมืองไทย ผมเชื่อว่า ชาวพุทธทุกคน คงภาคภูมิใจที่เห็นสำนักสงฆ์
และพระพุทธรูปตั้งเด่น
ตระหง่าน อยู่บนยอดเขา มีธงสีเหลืองตราธรรมจักรโบกไสวเล่นลม ทว่าวันนี้เรากลับเห็นเครื่องหมายแห่งการทำลายล้าง ประหัดประหาร กางเขนถูกนำไปวางประทับไว้บนเขาสูง ตลอดจนต้นไม้ริมทาง
นี้แหละครับ ความจริงที่ทุกคนไม่อาจปฏิเสธว่า วัดร้างของชาวพุทธ จะกลายเป็นโบสถ์ของศาสนาผู้กระหายเลือด ผมไม่แน่ใจว่าคนอย่าง "สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล"
จะเข้าใจกับ
ภัยพิบัติที่ว่านี้หรือไม่ นอกจากเก่งแต่งานมวลชน เกาะติดตามกระแส เดินตามก้นข้าราชการประจำกรมการศาสนา เพื่อจับพระสึกเช้าสึกเย็น
โซตัส