ครบรอบ 50 ปี แห่งวันราชาภิเษกสมรส : ROYAL GOLDEN WEDDING ANNIVERSARY |
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเมื่อปี 2489 ขณะที่ทรงศึกษาวิชากฎหมายและวิชารัฐศาสตร์อยู่ที่มหาวิทยาลัยโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในเดือนเมษายน ปี 2491 พระองค์ได้เสด็จกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และได้ทรงพบกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาวัย 15 ปีของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร อัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ขณะนั้น กับหม่อมหลวงบัว (สนิทวงศ์) กิติยากร เป็นครั้งแรกในคราวที่เสด็จไปเสวยพระกระยาหารค่ำที่สถานทูตไทยประจำกรุงปารีส จากนั้น แทบทุกครั้งที่พระองค์เสด็จไปประทับแรม ณ กรุงปารีส หม่อมเจ้านักขัตรมงคลและครอบครัวได้เฝ้าถวายการปรนนิบัติให้เป็นที่ทรงพระเกษมสำราญด้วยความจงรักภักดีตลอดเวลาที่ประทับ นับเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับครอบครัว "กิติยากร" ขณะเดียวกันหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ก็ได้มีโอกาสเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอย่างใกล้ชิด จนเป็นที่คุ้นเคยต่อเบื้องพระยุคลบาทและเป็นที่ถูกพระราชอัธยาศัย เป็นที่ทราบกันดีว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัยเกี่ยวกับเรื่องเครื่องยนต์มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จึงโปรดที่จะเสด็จกรุงปารีสอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อทอดพระเนตรโรงงานประกอบรถยนต์ ภายหลังเมื่อหม่อมเจ้านักขัตรมงคลทรงย้ายไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำสำนักเซ็นต์เยม ประเทศอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ยังทรงขับรถพระที่นั่งไปยังคาเลย์ แล้วเสด็จทางชลมารคข้ามไปยังโดเวอร์ เพื่อเสด็จพระราชดำเนินต่อไปยังนครลอนดอนด้วยรถยนต์ |
|
ต่อมา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2491 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประสบอุบัติเหตุรถยนต์พระที่นั่งชนท้ายรถบรรทุก ที่ถนนเมืองมอนเนย์ ใกล้ทะเลสาบเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และทรงได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณพระพักตร์และพระเศียร โดยทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ในโรงพยาบาลที่ตำบลมอร์เซล์ ระหว่างนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมหลวงบัวพาธิดาคือ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ และหม่อมราชวงศ์บุษบา (ปัจจุบันคือท่านผู้หญิงบุษบา สธนะพงษ์) เข้าเฝ้าเยี่ยมพระอาการ ต่อเมื่อพระอาการเริ่มดีขึ้นแล้ว สมเด็จพระบรมราชชนนีศรีสังวาลย์ได้ทรงขออนุญาตต่อหม่อมเจ้านักขัตรมงคล ให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์อยู่เฝ้าพระอาการและถวายการปรนนิบัติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงรับเป็นธุระดูแลจัดการให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เข้าศึกษาในโรงเรียนประจำที่เมืองโลซานน์ ทำให้สัมพันธภาพระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นตามลำดับ |
![]() |
![]() |
จากนั้น เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2492 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้านักขัตรมงคล และครอบครัว เข้าเฝ้า ณ เมืองโลซานน์ สมเด็จพระราชชนนีทรงมีพระกระแสรับสั่งขอหมั้นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ต่อหม่อมเจ้านักขัตรมงคล โดยในวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 ได้มีการจัดพระราชพิธีหมั้นระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหมั้นกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ เป็นพิธีภายใน ณ โรงแรมวินด์เซอร์ เมืองโลซานน์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระธำมรงค์เพชรที่มีหนามเตยเป็นรูปหัวใจให้หม่อมเจ้านักขัตรมงคลเพื่อเป็นการหมั้น พระธำมรงค์วงนี้เป็นพระธำมรงค์ที่สมเด็จพระราชบิดาทรงหมั้นกับสมเด็จพระราชชนนี้ในอดีตนั่นเอง และราชเลขานุการประจำพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แจ้งข่าวทรงหมั้นมายังรัฐบาลไทย ซึ่งก่อให้เกิดความปลื้มปิติแก่พสกนิกรไทยโดยทั่วไปยิ่งนัก และเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2492 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จไปยังนครลอนดอนเพื่อทรงร่วมฉลองวันเกิดของหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลทรงนำพระธำมรงค์ "แหวนหมั้น" วงดังกล่าว ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงมอบต่อให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ด้วยพระหัตถ์เอง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสขณะมอบพระธำมรงค์ว่า "เป็นของมีค่ายิ่งและเป็นที่ระลึกด้วย" |