นำนั่งสมาธิโดย
หลวงปู่เทสก็ เทสรังสี
นั่งสมาธิ
คือการรวมใจให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เรียกว่าทำให้ใจเป็นสมาธิ
ใจเป็นอันเดียว
เบื้องต้นใจมันเป็นอันเดียว
แต่มันคิดนึกปรุงแต่งขยายออกไปมากมาย
ทีนี้เราจะรวมเข้ามาให้เป็นอันเดียว
โดยการนึกเอาพุทโธพุทโธ
หรือนึกตามลมหายใจเข้า-ออก
ให้เอาอันนั้นเป็นเครื่องอยู่
พุทโธอยู่อย่างนั้น
เอาอันนั้นเป็นเครื่องวัด
ถ้าจิตแวบออกไปจากนั้นก็ให้รู้จัก
จิตมันอยู่ในลมหายใจก็ให้รู้จัก
รักษาอยู่อย่างนี้
แน่วแน่อยู่อย่างนี้
มันก็เป็นสมาธิไปในตัว
คนเราหาแต่สมาธิ
อยากจะให้สมาธิแน่วแน่เป็นอันหนึ่งอันเดียว
บางทีทำจนเป็นสมาธิแล้ว
แต่ไม่รู้จักว่าเป็นสมาธิ
สมาธิ นั้นมันมีหลายอย่าง
ขั้นแรกเรียกว่า ขณิกสมาธิ
คือมันรวมเป็นครั้งคราว
จิตรวมวูบ วาบ ๆ แล้วก็ถอนออกไป
ขั้นต่อไปเรียกว่า อุปจารสมาธิ
จิตรวมเข้ามานานขึ้น
วางอารมณ์ต่างๆได้ อัปนาสมาธิ
นั้น จิตวางอารมณ์ทั้งหมด
เหลือแต่จิตสงบนิ่งเฉย
แต่ก็รู้สึกตัวอยู่
เราทำสมาธิก็อยากให้มันเป็นอัปนาสมาธิร่ำไปมันก็ไม่เป็น
แม้แต่ขณิกสมาธิ
อุปจารสมาธิก็ยังไม่ได้
อยากให้จิตลงลึกเงียบเฉยเป็นอัปนา
มันก็ไม่เป็นละซิ
เราหัดขณิกสมาธิ
หัดอุปจารสมาธิตรงนี้แหละ
กำหนดพุทโธ
พุทโธให้จิตรวมเข้ามา
ถ้ามันแวบออกไปหน่อยหนึ่ง
ก็ดึงมันกลับเข้ามาอีก
ทำเช่นนี้จนกระทั่งมันเชื่องสนิทเข้าไป
อยู่ได้นานขึ้น จิตนิ่งขึ้น
อัปนาสมาธินั่นมันเป็นเองหรอก
ไม่มีใครแต่งมันได้
ขอแต่ให้หัดอบรมเบื้องต้นอันนี้
เชื่อมั่นลงไปเถิดว่า
อันนี้ถูกต้องตามทำนองครองธรรมแล้ว
หัดทำให้ได้ มีสติ อยู่เสมอ จะยืน
จะเดินนั่ง นอนก็ตาม
จนกระทั่งเมื่อเราอยู่ในอิริยาบถใดก็ได้ทุกอิริยาบถ
นั่นเป็นการดีมาก
หากทำเช่นนั้นไม่ได้ก็เอาแต่เวลานั่งสมาธิก็ได้
เอาอิริยาบถนั่งเสียก่อน
จะเอาอิริยาบถนอนก็ได้
แต่ว่านอนมันหลับง่าย
ครั้นจิตรวมแล้ว
จิตมันอยู่คงที่แล้วมันหลับเร็วทำอยู่ไม่ได้นาน
เราหัดนั่งภาวนาวันหนึ่ง ๆ
อย่างน้อยก็ให้ได้สัก 10 นาที 20
นาที นานไปก็ได้ 30 นาที 40 นาที
หรือเป็นชั่วโมงก็ได้
หัดสามาธิให้ได้หัดอย่างนี้ให้เป็นนิสัยสืบต่อไป
หากว่าเรายังไม่ทันสิ้นภพ
สิ้นชาติเราได้สมาธิแล้วเราก็ใกล้จะถึงพระนิพพานแล้ว
ที่ประสงค์จะให้มันถึงพระนิพพานเร็วๆ
นั้น อย่างเพิ่งไปปรารถนาเลย
ปุ๊ปปั๊ปก็อยากให้มันถึงมรรคผลนิพพานทีเดียว
ครั้นไม่ถึงแล้วก็เลยชักสงสัย
มันเห็นจะไม่ถูกกระมัง
พระนิพพานนั้นเป็นอย่างไรก็ไม่รู้
แต่ก็อยากได้แต่พระนิพพาน
เราหัดไปค่อยทำอย่างนี้มันถูกทางแล้ว
จิตเป็นขณิกสมาธิ
อุปจารสมาธิมันถูกทางแล้ว
ทางที่ดำเนินตามนั้นก็เป็นมรรคแล้วยังไม่ต้องสงสัย
นิพพานนั้นไม่ใช่ใครจะบอกกันได้หรอก
ไปรู้เอง เห็นเอง
เมื่อมันจะรู้เห็นเองขึ้นมา
ตนเองก็ไม่ได้แกล้งจะให้มันเป็น
หากรู้ขึ้นมาเอง เชื่อตนเองว่า
อ๋อ! อย่างนี้หรอก
ของจิตคือพระนิพพาน
เหตุนั้นจึงให้หัดขณิกสมาธิ
อุปจารสมาธิ
นี่แหละให้มันได้เสียก่อน
เอาละหัดสมาธิกันเลย