การจัดการฮาร์ดดิสก์

ผมมีฮาร์ดดิสก์ขนาด 1.2 GB ใช้มาเกือบ 2 ปี ยังเหลือที่ว่างอีก 400 MB เอาละครับ ผมคิดว่าน่าจะจัดการอะไรได้ดีกว่านั้น ให้มีเนื้อที่เหลือมากกว่านั้น (อย่าบอกให้ไปซื้อใหม่นะ โกรธกันตายเชียว)

เอาละครับ 1.2 GB ผมทำเป็น 1 พาร์ติชั่นแบบ FAT16 นั่นก็คือขนาดของ Allocation unit หรือขนาดของคลัสเตอร์ 32 กิโลไบต์ต่อคลัสเตอร์ (1 Allocation Unit) นั่นก็คือ ผมสูญเสียพื้นที่ไปโดยไม่จำเป็น เพราะผมมีไฟล์เล็กไฟล์น้อยขนาด 1 กิโลไบต์ถึง 24 กิโลไบต์ อยู่เต็มไปหมด การจัดแบ่งพาร์ติชั่นที่เหมาะสมจะช่วยประหยัดพื้นที่ให้ฮาร์ดดิสก์ได้

ประเด็นแรกต้องพิจารณาก่อนว่าจะแบ่งพาร์ติชั่นเพื่อใช้กับ OS ตัวไหน DOS 6.22 , Windows 3.11 , Windows 95 OS/2 หรือ Windows NT เพราะทั้งหมดนั้นใช้วิธีการจัดการกับฮาร์ดดิสก์แตกต่างกัน สำหรับOS ที่ผมจะใช้งานนั้นคือ Windows 95 OSR1 ซึ่งระบบ FAT เป็น 16 บิต และขนาดต่อพาร์ติชั่นสูงสุดคือ 2 GB พร้อมทั้งมีข้อจำกัดคือขนาดของ Allocation Unit จะเปลี่ยนไปเมื่อขนาดของพาร์ติชั่นเปลี่ยนตามตารางต่อไปนี้

Cluster size	Partition Size	FAT Type	Note
4K (4096 bytes)	16 MB	FAT12	-
2K (2048 bytes)	32 MB	FAT16	(DOS versions < 4.0
2K (2048 bytes)	128 MB	FAT16	(DOS versions >= 4.0
4K (4096 bytes)	256 MB	FAT16	-
8K (8192 bytes)	512 MB	FAT16	-
16K (16384 bytes)	1024 MB (1GB)	FAT16	-
32 K (32768 bytes)	2 GB	FAT16	-

ตารางเปรียบเทียบขนาดของคลัสเตอร์เมื่อกำหนดขนาดของพาร์ติชั่นต่างๆ กันใน FAT16

ขั้นต่อไปคือ พิจารณาว่าจะประหยัดได้อีกเท่าไร และความต้องการที่จะใช้พื้นที่ฮาร์ดดิสก์เท่าไร ตัวอย่างการพิจารณาของผม แบ่งออกเป็น 3 พาร์ติชั่น โดยแยกตามประเภทการใช้งานดังต่อไปนี้

# พาร์ติชั่น	ชื่อไดรฟ์	ขนาดของพาร์ติชั่น	รายการใช้งาน
1	C	700 MB	OS Windows 95 และ Application
2	D	350 MB	Application Data, General Data< 4.0
3	E	150 MB	Temp Drive and Virtual Memory

ตัวอย่าง 1 ตารางแสดงรายการแบ่งพาร์ติชั่นในฮาร์ดดิสก์ 1.2 GB

# พาร์ติชั่น	ชื่อไดรฟ์	ขนาดของพาร์ติชั่น	รายการใช้งาน
1	C	500 MB	DOS Program , General DATA
2	D	800 MB	Archieve Data, Windows Program
3	E	400 MB	Windows NT , NTFS File System
4	F	200 MB	Linux
5	G	100 MB	Temp Drive and Virtual Memory

ตัวอย่าง 2 ตารางแสดงรายการแบ่งพาร์ติชั่นในฮาร์ดดิสก์ขนาด 2 GB

ข้อควรระวังเกี่ยวกับการจัดการฮาร์ดดิสก์

1. ขนาดของคลัสเตอร์และพาร์ติชั่นเล็กสุดไม่ใช่ขนาดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เวลาย้ายไฟล์ข้ามไดเรคทอรี่ หรือย้ายระหว่างพาร์ติชั่นจะใช้เวลามาก และโปรแกรมบางตัวไม่ยอมให้ติดตั้ง ถ้าขนาดของพาร์ติชั่นเล็กเกินไป

2. สำหรับผู้ที่ใช้ OS/2 ซึ่งต้องใช้ระบบไฟล์แบบ HPFS (High Performance File System) ขนาดของคลัสเตอร์จะไม่แปรผันตามขนาดของพาร์ติชั่น โดยจะมีค่าตายตัวที่ 512 Byte ตลอด

3. FAT32 ได้แก้ปัญหาเรื่องฮาร์ดดิสก์ได้ (ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ FAT 32) แต่จะแก้ได้เมื่อขนาดของพาร์ติชั่นใหญ่กว่า 512 MB

สร้างพาร์ติชั่นสำหรับหน่วยความจำเสมือน (Virtual Memory)

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องมี Temp Drive หรือ Virtual Memory Drive คงจะจำกันได้ว่าตั้งแต่ Windows 3.11 เป็นต้นมา RAM ทรัพยากรที่คอมพิวเตอร์ต้องการมากที่สุดเพื่อรันโปรแกรม แต่มักมีไม่เพียงพอ kernal.exe ของ Windows 3.11 จึงเป็นตัวจัดการหน่วยความจำ โดยใช้พื้นที่ในฮาร์ดดิสก์มาเป็นหน่วยความจำเสมือน (Virtual Memory) โดยจะเลือกให้เป็นแบบชั่วคราว (Temporary) หรือถาวร (permanent) ก็ได้ ต่อมา Windows 95 จึงกำหนดเป็นแบบ Dynamic Virtual Memory คือขนาดปรับเปลี่ยนได้ตามที่โปรแกรมต้องการ นี่คือที่มาของการสร้างพาร์ติชั่น 1 พาร์ติชั่นสำหรับหน่วยความจำเสมือน ซึ่งจะทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยขนาดของพาร์ติชั่นที่จะกำหนดเป็น Virtual Memory ควรมีขนาดประมาณ 100 - 150 MB

การสร้างพาร์ติชั่น 1 พาร์ติชั่นให้กับหน่วยความจำเสมือน มีข้อดีคือ พื้นที่ของหน่วยความจำเสมือนนั้นต่อเนื่องก็ทำให้การเข้าถึง (Access) ข้อมูลเร็วขึ้น ในขณะเดียวกันจะทำให้จัดการ Swap File ที่กระจัดกระจายในฮาร์ดดิสก์ได้ง่ายขึ้น สำหรับผู้ที่ใช้ Norton Speed Disk คงเคยสังเกตว่าเมื่อสั่งให้ Defragment หรือเรียงลำดับข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ จะมีตำแหน่งคลัสเตอร์บางอันถูกใช้เป็น Swap File ซึ่งต้องเสียเวลาในการย้าย - ลบ

อีกส่วนหนึ่งที่ควรพิจารณาก็คือ Temp File ซึ่งเกิดจากการเรียกใช้โปรแกรมต่างๆ Windows 3.11 , Windows 95 , Windows NT ต่างก็บังคับว่าต้องมี การย้าย Temp มาไว้ในพาร์ติชั่นที่สร้างขึ้นเฉพาะช่วยแก้ปัญหาได้

ดังนั้นการสร้างพาร์ติชั่น 1 พาร์ติชั่นสำหรับหน่วยความจำสำรองจะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้คอมพิวเตอร์มากที่สุด

ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อกำหนดโหมดฮาร์ดดิสก์ผิด

คุณภาพของฮาร์ดดิสก์

โหมดของฮาร์ดดิสก์

ติดตั้งซอฟต์แวร์แบบไม่เจ็บปวด

ติดตั้ง Windows หลายเวอร์ชั่นในเครื่องเดียวกัน

ล้างระบบ ติดตั้งซอฟต์แวร์ใหม่

การตรวจสอบดูแลฮาร์ดดิสก์