คุณภาพของฮาร์ดดิสก์
เคยสงสัยในคุณภาพการใช้งานของฮาร์ดดิสก์กันบ้างหรือไม่ครับ เช่น จะใช้ได้นานเท่าไร หรือว่าสาเหตุใดที่ทำให้ฮาร์ดดิสก์เสียหายได้ง่ายที่สุด
หลายๆคนที่ใช้งานฮาร์ดดิสก์ความจุมากกว่า 1.0 GB คงเคยมีปัญหาฮาร์ดดิสก์เสียทั้งที่เพิ่งซื้อมาใช้งานได้ยัง
ไม่ถึงปีด้วยซ้ำไป ผมเองก็เช่นเดียวกันเมื่อฮาร์ดดิสก์ Conner ( ถูก
Seagate ซื้อกิจการไปนานแล้ว) รุ่น CFS1080A ความจุ 1.0 GB ซื้อมาใช้งานได้เพียง
8 เดือนก็ปรากฎว่ามีอัน Bad Sector สองสามบล็อคแค่นั้นก็เพียงพอที่จะให้วินโดวส์
95 มีปัญหาในการใช้งานแล้ว ผมจึงไปเปลี่ยนเป็น Quantum Bigfoot 1.2 GB มาใช้งานในขณะเดียวกันก็เริ่มหวั่นวิตกเกี่ยวกับคุณภาพของฮาร์ดดิสก์ เพราะฮาร์ดดิสก์เสียนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ผมสาบานได้
เพราะอย่างน้อย คุณต้องใช้เวลาสอง-สามวันในการติดตั้งซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่จะใช้งาน
ติดตั้งไดรเวอร์สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ กำหนดค่าติดตั้ง (Configuration)สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ
สำหรับต่อเข้าอินเตอร์เน็ต สารพัดสารเพ
เมื่อซื้อฮาร์ดดิสก์มา ถ้าหากมีคู่มืออย่างละเอียด จะมีค่า MTBF ( Mean Time Between Failure) ซึ่งคือระยะเวลาเฉลี่ยการใช้งานก่อนที่อุปกรณ์นั้นจะหมดวาระการใช้งาน
ซึ่งมัก มีหน่วยเป็นชั่วโมง เช่น 200,000 ชั่วโมง ซึ่งคำนวณเวลาได้เป็นกว่า
20 ปี จึงเป็นคำถามที่น่าสนใจไม่น้อยว่า แล้วทำไมเราเอามาใช้งานได้เพียงปีเดียวมันถึงเสียไปได้
เมื่อเปรียบเทียบแล้วปรากฎว่าฮาร์ดดิสก์ที่ผมใช้งานที่มีความจุต่ำกว่า 240
MB มาเป็นเวลา 3 - 5 ปี ยังไม่พบว่าเสีย แต่อย่างใดเป็นจำนวนกว่า 10 ตัว ฮาร์ดดิสก์พวกนั้นใช้กับดอสตั้งแต่เวอร์ชั่น
3.3 - 6.22 และมี บางตัวใช้วินโดวส์ 3.11 ในขณะที่ผมต้องส่งฮาร์ดดิสก์ขนาด
1.0 GB ขึ้นไปที่ใช้งาน วินโดวส์ 95 ไปซ่อมหลายตัว ทำให้ผมเกิดความสงสัยว่าคุณภาพการใช้งานของฮาร์ดดิสก์ปัจจุบันนี้เริ่มแย่ลง
หรือเปล่า นอกจากนี้ก็เริ่มพิจารณา หากเราใช้งานฮาร์ดดิสก์หนักมากเกินไปจะทำให้ฮาร์ดดิสก์
เสียก่อนเวลาอันควรหรือไม่ ถ้าใครมีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์เพนเทียม 100
MHz หน่วยความจำหลัก 8 MB พร้อมวินโดวส์ 95 ลองสังเกตดูว่าไฟสัญญาณ LED แสดงการอ่านข้อมูลจาก
ฮาร์ดดิสก์จะกระพริบบ่อยมาก เนื่องจากฮาร์ดดิสก์ถูกนำมาใช้งานเป็น หน่วยความจำเสมือน
(Virtual Memory) ผมว่าไม่มากก็น้อยสิ่งเหล่านี้มีโอกาสทำให้ฮาร์ดดิสก์เสียได้เสมอแม้กระทั่ง
รุ่นที่ว่ากันว่า "อึด" สักเพียงใดก็ตาม
สิ่งที่หลายๆ คนสงสัยกันมากก็คือ แล้วฮาร์ดดิสก์ยี่ห้ออะไร "ดี"
ที่สุดและคำตอบที่ได้ ก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน คนที่ใช้
Seagateแล้วไม่เคยเจอปัญหา เลยก็บอกว่านั้นแหละเยี่ยมสุด ในขณะที่อีกคนหนึ่งบอกว่าปีหนึ่งเปลี่ยนไปแล้ว
4 ตัว ผมเอง ใช้มาเกือบทุกยี่ห้อที่มีขายในตลาด Seagate, Fujitsu, Quantum
, Maxtor , Conner , Cavair, ก็ยังไม่พบว่ามียี่ห้อไหนที่ว่าเยี่ยมสุดๆ เสียที
แต่ที่ผมก็คือ ขึ้นอยู่กับว่า คุณใช้งานมันอย่างไร ดูแลรักษามันอย่างไร รวมถึง
"โชคของคุณดีขนาดไหน" นี่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำตลกนะครับเพราะ ผมเองก็เคยเจอกับสภาพที่ว่าฮาร์ดดิสก์เสียโดยที่มีข้อมูลสำคัญๆ
มาแล้ว นั่นเป็นความรู้สึก ที่แย่เอาการทีเดียว
การตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ว่าเสียหรือไม่นั้น ปกติก็ไม่ยากเย็นอะไร เพราะถ้ามันเสียก็คือ
บูตเครื่องแล้วหาฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ (Master Harddisk Fail) หรือว่าหาเจอแต่มีข้อความว่า
สื่อการเก็บข้อมูลไม่สอดคล้องกับที่กำหนดในไบออส (Media Mismatch) หรือเกิดความผิดพลาด
จากการอ่านข้อมูล (Data read Error in Drive C: )เหล่านี้เป็นอาการบ่งว่ามีอะไรสักอย่างที่
เกี่ยวข้องกับฮาร์ดดิสก์ไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว หากเจออาการแรก Master Harddisk
Fail อันนี้ลองเงี่ยหูลงไปฟังบนตัวเครื่องบริเวณใกล้ๆ ฮาร์ดดิสก์ (ผมขอเตือนคุณเสียก่อนว่าอย่าได้
เอาใบหูอันนุ่มนิ่มของคุณไปแตะกับตัวเคสของเครื่องเป็นอันขาด เพราะว่าไฟฟ้าบ้านเรานั้นมัน
ไม่มีสายดิน ดังนั้นโอกาสที่ใบหูอันเป็นเนื้ออ่อน จะถูกไฟดูด จึงมีหลายเปอร์เซ็นต์)หรือหากไม่
ลำบากก็ถอดฝาครอบเคส ออกแล้วเปิดสวิตช์เครื่อง ลองฟังเวลามอเตอร์ฮาร์ดดิสก์หมุนจะได้ยิน
เสียงแคร็กๆ เป็นจังหวะจะโคนน่าฟังทีเดียวนี่แหละจังหวะที่บอกคุณว่าข้อมูลในฮาร์ดดิสก์
ของคุณเสียไปโดยไม่มีวันกลับคืนมาอีกแล้ว ส่วนอาการ Media Mismatch ,Data
Read Error ก็ให้ตั้งสมมติฐานได้เลยว่า Bad Sector ให้เตรียมสำรองข้อมูลและ
Low Level Format เป็นลำดับต่อไป(ตรวจสอบกับคนขายก่อนว่าหากฮาร์ดดิสก์ผ่านการ
Low Level Format แล้วเขายังรับประกันต่อหรือไม่ )
การดูแลรักษาฮาร์ดดิสก์ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเพียงแต่ว่าอาจจะต้องหมั่นคอยดูแล
รักษาอย่างจริงจังเสียหน่อย เช่น หมั่นเรียงลำดับข้อมูลในฮาร์ดดิสก์
ถ้าหากกระแสไฟฟ้าในบ้าน มีการวูบวาบ (แบบเงินบาทเดือนมิถุนายน - กันยายน 2540)
ก็แนะนำให้หา UPS มาไว้ใช้งาน เสียเนิ่นๆ หากเห็นว่าฮาร์ดดิสก์ทำงานเป็นหน่วยความจำเสมือน
(Virtual Memory) มากเกินไป ก็ให้ซื้อ DRAM มาใช้งานเพิ่มเติม
เพียงเท่านี้แหละคุณก็จะใช้งานฮาร์ดดิสก์ไปได้นานอีกระยะหนึ่ง
ข้อมูลเพิ่มเติม
ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อกำหนดโหมดฮาร์ดดิสก์ผิด
การจัดแบ่งพาร์ติชั่นให้ฮาร์ดดิสก์อย่างมีประสิทธิภาพ
โหมดของฮาร์ดดิสก์