ศาสนาพุทธเผยแผ่เข้าไปในอัฟกานิสถาน ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
แห่งราชวงศ์เมาริยะ(โมริยะ) ซึ่งครองราชย์เมื่อ พ.ศ. 270
พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์
อาณาจักรของพระองค์ มีอาณาบริเวณกว้างขวาง รวมทั้งอัฟกานิสถาน
บาลูจิสถาน แคชเมียร์ เนปาล สิขิม อินเดียภาคเหนือ ตั้งแต่แม่น้ำสินธุ
ไปจดอ่าวเบงกอล ส่วนทางตอนใต้อินเดียครอบคลุมถึงแม่น้ำกฤษนา
ด้วยเหตุนี้ทำให้แผ่นดินอัฟกานิสถานมี
โบราณวัตถุและโบราณพุทธสถานหลงเหลืออยู่มาจนถึงปัจจุบัน (แต่ไม่หลงเหลืออีกต่อไปแล้วนับจากนี้)
พิพิธภัณฑ์ในนครคาบูลได้เก็บสะสมรูปปั้น ศาสนาพุทธในสมัยกรีก(Greco
Buddhist) ไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งล่าสุดได้ข่าวว่าถูกทำลายทิ้งทั้งหมด
(ดูตัวอย่างจากภาพประกอบเว็บเพจนี้) และสิ่งที่ผมรู้สึกห่วงใยที่สุดก็คือ
ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ชาวพุทธยังหลงเหลืออยู่ในอัฟกานิสถานมากน้อยเพียงใด
และเขาเหล่านั้นจะปลอดภัยหรือไม่ เพราะทราบว่ารอบนอกนครคาบูล
ยังมีชุมชนชาวพุทธอยู่(ข้อมูลปี 2521)
อัฟกานิสถานเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์
มาเป็นสาธารณรัฐเมื่อ ปี 2516 จากการยึดอำนาจของพลโท โมฮัมเหม็ด
คาอุ ข่าน ซึ่งต่อมาได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
และนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศ ตลอดระยะที่ผ่านมาประเทศนี้ สูญเสียอำนาจปกครองเด็ดขาดหลายครั้ง
บ้างอยู่ภายใต้อาณัติของอังกฤษ บ้างขึ้นกับสหภาพโซเวียต
และหลังสงครามเย็บสงบลง ก็ไม่ทำให้การเมืองการปกครองมีเสถียรภาพได้
มีการแตกแยก แบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า ต่างแย่งชิงอำนาจกัน และกลุ่มที่คนไทยอาจคุ้นชื่อกันดีคือ
กลุ่มมูจาร์ฮีดีนนั่นเอง แต่ปัจจุบันนี้ กลุ่มที่ยึดพื้นที่ได้ราว
95 % ของพื้นที่ทั้งหมด คือ กลุ่มทาลีบัน ภายใต้การนำของนายมัลลาห์
โมฮัมเหม็ด โอมาร์ กลุ่มนี้มีนักศึกษาร่วมกลุ่มด้วย
มัลลาห์ โมฮัมเหม็ด โอมาร์ ผู้นำหนุ่มแห่ง "กันดาฮาร์"
(Kandahar) ดูเหมือนจะเป็นคนลึกลับ ไม่เฉพาะแต่โลกภายนอกเท่านั้น
ยังจะดูลึกลับสำหรับชาวอัฟกันด้วย มีเสียงเล่าลือว่าเขาเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง
ในสมัยต่อต้านกองทัพสหภาพโซเวียต เขาเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2505 ณ
เมืองอูรูซกัน(Uruzgan) เรียนหนังสือโรงเรียนมุสลิมที่ประเทศปากีสถาน
ก่อนที่จะเข้ามาร่วมกองกำลังจีฮาจในปี 2523 ชายผู้นี้เชื่อว่ามีประสงค์จากพระผู้เป็นเจ้า
ให้ตนเป็นผู้นำปลดปล่อยอัฟกานิสถาน และนำสันติภาพมาสู่ดินแดนแห่งนี้
ในบัญชีต่างประเทศระบุว่า เขาได้รับการหนุนหลังจากหน่วยงานลับปากีสถาน
ส่วนฝ่ายปฏิปักษ์ของเขาก็คือ รัฐบาลรัฟบานี มัลลาห์ มัลลาห์ถูกกล่าวหาจากฝ่ายตรงข้ามว่า
เขาไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับอิสลามเลย และความจริงแล้วเขาทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ผิดกฎเสียด้วยซ้ำ
อ้างว่าเกี่ยวพันกับสิ่งผิดกฎหมาย อาทิ ค้าฝิ่น เป็นต้น
วันที่
3 เมษายน 2539 มัลลาห์ โมฮัมเหม็ด โอมาร์ ได้รับการเชิดชูให้เป็น
"อัมมิรูล มูมินีน" (ผู้นำสูงสุดมุสลิม) หากจะวิเคราะห์ตามรูปการณ์แล้ว
มัลลาห์ โมฮัมเหม็ด โอมาร์ น่าจะก้าวขึ้นสู่ทำเนียบผู้นำมุสลิมอัฟกานิสถานได้
นอกจากจะผ่านสนามรบอย่างโชกโชนแล้ว อาจเป็นเพราะ เขามีแนวคิดยืนหยัดให้สังคมมุสลิมอัฟกันปัจจุบัน
กลับไปดำรงวิถีแบบมุสลิมโบราณ โดยเคร่งครัดเป็นที่สุด เขามีความมุ่งมั่นที่จะขจัดวัฒนธรรมที่แปลกปลอมทิ้ง
และปฏิเสธรูปเคารพทั้งหลายทั้งปวง ความจริงแล้วลักษณะนิสสัยของอัฟกัน
จะมีความสุภาพอ่อนโยน มีมารยาทในการเป็นเจ้าของบ้านที่ดี มีน้ำใจโอบอ้อมอารีแก่คนแปลกหน้า
ทำให้ที่แล้วมาในยามสงบ อัฟกานิสถานจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
(อ่านต่อคลิ๊กที่นี่
>