8/3/2002

 

บทวิเคราะห์วิจารณ์ของต่างประเทศ เป็นเรื่องของเขา และเราก็มีวิจารณญานว่า ข้อเขียนของเขานั้นเข้ามาตรฐานวิชาชีพเพียงใด เขามีอคติต่อผู้ที่ถูกเขียนถึงหรือไม่ ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวถึงหรือไม่ มีหลักฐานพอที่จะเชื่อถือได้หรือไม่ อีกทั้งเขามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร เหล่านี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการพิจารณาข้อเขียนโดยทั่วไป ใช่ว่าเห็นเป็นฝรั่งเขียนจะเชื่อได้ทันทีก็หาไม่ เพราะความด้อยภูมิปัญญาสามารถพบเห็นได้ทั่วไปไม่ว่าในไทยหรือต่างประเทศ และบ่อยครั้งที่หนังสือพิมพ์ไทยตอบโต้หนังสือพิมพ์ต่างประเทศ

การที่สมาคมแวดวงหนังสือพิมพ์ออกมาเครื่องไหว ต่อต้านการคุกคามสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญก็เพราะ เล็งเห็นว่า อำนาจรัฐได้ล้ำเส้นดังกล่าวไปแล้ว ต้องการให้หยุดให้ทบทวน กลับกันหากอำนาจรัฐเห็นว่า สื่อมวลชนล้ำเส้นหรือละเมิดสิทธิ ก็สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีกับสื่อมวลชนได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นว่า ได้สั่งถอดบางรายการวิทยุ แล้วเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินนักหนังสือพิมพ์ก็ปรากฎต่อสาธารณะดังที่ทราบกัน รวมถึงการคุกคามนักวิชาการผู้จัดทำโพลที่ถูกเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้เล็กน้อย

เราเห็นว่าเผด็จการกับสิทธิเสรีภาพอยู่คนละขั้ว ย่อมมิอาจลอมชอมกันได้ ถูกกฎหมายกับผิดกฎหมายมิอาจลอมชอบกันได้เช่นกัน มาถึงขั้นนี้แล้ว เราเชื่อว่าประชาชนพอใจที่จะเห็นการถูกตรวจสอบของนักหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับเล็กฉบับใหญ่ จะทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ทุนนิยมหรือไม่ก็ตาม ถ้าเห็นว่าเข้าข่ายที่จะใช้กฎหมายดังกล่าวเข้าไปจัดการ ก็ต้องทำไม่ควรละเว้นหรือหลีกเลี่ยง ปปง.เมื่อได้เริ่มต้นแล้วควรดำเนินการต่อไปให้สิ้นสุด เพื่อขจัดข้อสงสัย หรือเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของผู้ถูกตรวจสอบ ถ้าสื่อมวลชนผู้ถูกตรวจสอบมีความผิดฐานฟอกเงิน ประชาชนก็ควรจะรับรู้ ถ้าหากไม่พบว่ามีความผิดอย่างที่เชื่อไว้เป็นเบื้องต้น ยอมยากที่จะหลีกเลี่ยงว่า กฎหมายถูกใช้เป็นเครื่องมือของอำนาจรัฐในการคุกคามสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชน

ความจริงแล้วเราเชื่อว่า ประชาชนต้องการให้ปปง.ตรวจสอบทรัพย์สินของข้าราชการหลายต่อหลายคน โดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้มากด้วยทรัพย์สฤงคาร หรือตรวจสอบการฟอกเงินของนักการเมือง โดยเฉพาะรัฐมนตรีผู้อยู่ในตำแหน่ง และถูกสอบ หรือ มีผู้ร้องทุกข์ทั่วไปว่า มีพฤติกรรมน่าสงสัย มากกว่ามาตรวจสอบสื่อมวลชน เพราะดูข้าราชการดูจะร่ำรวยผิดปกติน่าสงสัยมากกว่า แต่เท่าที่เห็นรายชื่อกลับไม่ปรากฎ

ประชาชนรับรู้กันทั่วไปว่า ประเทศไทยยังมีกลุ่มอิทธิพลอยู่มาก ไม่ว่ามีสีหรือไม่มีสี แต่ก็ไม่ปรากฎรายชื่อที่ถูกตรวจสอบโดยปปง. รายชื่อที่เห็นล่าสุด กลับเห็นรายชื่อนักเคลื่อนไหวองค์กรเอกชน ทั้งคนไทยและต่างประเทศ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยหรือเข้าข่ายความผิดมูลฐาน 7 ประการตามกฎหมายฟอกเงิน

ระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า รัฐบาลจะลงไปลึกขนาดนั้นทุกเรื่องได้อย่างไร ตนจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร ทำงานทุกวันนี้ก็แย่อยู่แล้ว ขนาดหนังสือพิมพ์ยังอ่านไม่ครบเลย อ่านวันละนิดหน่อย อ่านมากก็ปวดหัว และอ่านมากไม่ได้เพราะต้องทำงาน ส่วนทรรศนะต่อสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนนั้นนายกรัฐมีตรีกล่าวว่า สื่อต้องมีเสรีภาพเป็นเรื่องที่ทุกคนเห็นด้วย เพียงแต่ขอร้องสื่อว่า ช่วยมีเสรีภาพที่สร้างสรรค์หน่อย ไม่ใช่ว่าอยากด่าว่าใครก็ไม่คำนึงถึงความสับสนในประเทศ นี่คือข้อแนะนำ ถึงจะด่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล หากไปกระทบใครเขาก็ฟ้องได้ เพียงถ้าจะให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม สิ่งที่ควรคือ สร้างสรรค์มากๆ จะเป็นสิ่งที่ดี
หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2545 ตีพิมพ์คำพูดนายกรัฐมนตรีว่า "สื่อก็คือมนุษย์คนหนึ่ง คอลัมนิสต์คือมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งจะเขียนอะไรมาจากประสบการณ์และความรู้สึกได้หมด แต่ความรู้สึกของคนคนหนึ่งกำลังจะให้คนเป็นแสนเป็นล้านคนอ่าน ซึ่งต้องคำนึงว่า อะไรเป็นประโยชน์ต่อสังคมหรือไม่ ขอเพียงแต่วันนี้เบ้านเมืองเราต้องการความสามัคคี ความสะใจอย่างเดียวไม่สามารถทำให้บ้านเมืองดีขึ้น ขอให้ทุคนคิดด้วยว่า วันนี้เราจะช่วยทำให้บ้านเมืองดีขึ้นได้อย่างไร หันหน้ามาหากัน มีอะไรก็ให้มาบอกและแนะนำรัฐบาลได้ ถ้าจะบอกว่านายกฯทำอย่างนั้นไม่ดี ผมพร้อมฟัง สื่อจะรวมกลุ่มกันเข้ามาขอคุยกับนายกฯสักวัน โดยปิดห้องคุยกันว่านายกฯไม่ควรทำเรื่องนี้ ควรแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างนี้ พวกเรารู้สึกอย่างนี้ คือ บางทีความรู้สึกไม่ตรงกัน เพราะวันนี้ใครอย่ากกด่ารัฐบาลก็ด่ามาเลย แต่ขอให้คำนึงสิทธิส่วนบุคคลด้วย รัฐบาลก็เป็นบุคคลที่สามารถจะวิจารณ์กันได้ แต่อย่ากระทบกับสิทธิส่วนบุคคล"

 

 

1