อำนาจรัฐได้ปฏิบัติการตอบโต้สื่อมวลชน โดยอ้างความมีอยู่ของกฎหมาย เข้าตรวจสอบทรัพย์สินของเจ้าของและลูกเมียคนหนังสือพิมพ์ และมีสิทธิตามกฎหมายที่จะเข้าค้นเคหะสถาน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ไม่อาจเรียกเป็นอื่นไปได้ นั่นเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไร คำปฏิเสธนั้นย่อมไร้ค่าไร้น้ำหนักอย่างสิ้นเชิง เพราะปปง.เป็นเครื่องมือของอำนาจรัฐ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รัฐมนตรีเป็นกรรมการ ฯลฯ ตามกฎหมาย
แม้ว่าคนหนังสือพิมพ์หรือสัมมาอาชีวะอื่น ย่อมอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน แต่การตัดสินใจดำเนินการกับคนหนังสือพิมพ์ขณะที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ไม่อาจฟังเป็นอย่างอื่นได้ ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นปฏิกิริยาตอบโต้จากอำนาจรัฐ และจำต้องขีดเส้นใต้ว่า อำนาจรัฐได้ระเบิดศึกกับสื่อมวลชนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ขณะเดียวกันสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับได้พาดหัวข่าวตอบโต้กลับไปอย่างรุนแรงเช่นกัน
"ทมิฬ ! รัฐบาลเกสตาโป"
."ยุคมืด คุกคามสื่อ"
."โลกประณามกดหัวสื่อ"
.."เช็กบิลสื่อ"
."บิดอำนาจรัฐใช้ปปง.ขจัดปรปักษ์"
.."รัฐอัปยศหนัก ขึ้นบัญชีดำบิ๊ก 3 หนังสือพิมพ์"
ฯลฯ นี่เป็นส่วนหนึ่งของพาดหัวข่าวและข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับ ประจำวันที่ 7 มีนาคม 2545 หลังวันนักข่าวเพียง 2 วันเท่านั้น
เราได้กลิ่นหมอกควันของหมู่ไม้อันใกล้จะตกเป็นเพลิงกองใหญ่ ไฟอันเกิดจากการทำศึกระหว่างอำนาจเผด็จการกับน้ำหมึกจากปลายปากกาของคนทำหนังสือพิมพ์ เป็นการต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญฝ่ายหนึ่ง กับต่อสู้เพื่อกลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่ออำนาจรัฐฝ่ายหนึ่ง โดยเฉพาะมีวาระต้องแถลงผลงานในรอบ 1 ปีต่อรัฐสภา และการเปิดโปงเรื่อง"ค่าโง่"ของอำนาจรัฐและอดีดอำนาจรัฐ อันเป็นมูลเหตุอันน่าสงสัยอยู่เบื้องหลังเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะนี้
น้ำผึ้งหนึ่งหยดจาก "ฟาร์อิสต์เทิร์น อีโคโนมิคส์ รีวิว" เขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์นายกฯทักษิณ โดยบางส่วนคนไทยถือว่าจาบจ้วงเบื้องสูง อำนาจรัฐจึงมีแนวคิดจะเนรเทศ(ภายหลังให้อยู่ต่อ จนกว่าจะหมดอายุวีซ่า ค่อยมาพิจารณาใหม่ว่าจะให้อยู่ต่อหรือไม่) คนของเขาที่ประจำอยู่ในประเทศไทย ต่อเหตุการณ์นี้ สมาคมแวดวงหนังสือพิมพ์ได้ทักท้วง โดยเห็นว่า ถ้าหากเขาทำผิดกฎหมายก็ควรจะดำเนินคดีด้วยการแจ้งความและฟ้องร้อง ไม่ใช่ใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร สั่งเนรเทศ กอปรกับข้อความสั้นๆถูกแปลเป็นภาษาไทยและเผยแพร่ออกไป ซึ่งข้อความในนั้นทำให้นายกรัฐมนตรีไม่พอใจ
ข้อเขียนดังกล่าวจาบจ้วงเบื้องสูง และประเด็นที่พาดพิงถึงนายกรัฐมนตรีนี้ ดูจะขาดน้ำหนักไป และวิเคราะห์ค่อนข้างจะรุนแรงยากที่นายกรัฐมนตรีจะรับได้ พร้อมกับเห็นว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีถูกละเมิดสิทธิ ถูกหมิ่นประมาททำให้เสียหาย ก็ควรแจ้งความดำเนินคดีเสียตามครรลอง แต่ก็มิได้เลือกเดินทางนี้ กลับเลือกจะใช้อำนาจด้านการบริหารแทน
|