.............ม.41 เสรีภาพสื่อมวลชนบนพาน
โดย
โอฬาร สุขเกษม

กฎหมายรัฐธรรมนูญได้ให้หลักประกัน "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" และให้หลักประกันทางด้าน "สิทธิและเสรีภาพของมนุษย์" อีกทั้งเพื่อความชัดเจน เกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพสื่อมวลชน จึงได้ตรากฎหมายมาตรา 39,40 และ 41 ขึ้นมาอย่างที่ได้ถอดความมาให้อ่านกันแล้วข้างต้น

ความในมาตรา 39 วางหลักประกันเสรีภาพของบุคคล ครอบคลุม การแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา หรือกระทำการอย่างอื่นในลักษณะเดียวกัน เป็นตนว่า การเผยแพร่ข่าวสาร บทความที่อินเตอร์เน็ทเป็นต้น

อย่างไรก็ดี การใช้สิทธิตามหลักประกันดังกล่าว จะต้องคำนึงถึงผลกระทบหรือความเสียหายที่เกิด หรืออาจจะเกิดขึ้นแก่บุคคลอื่น ทั้งผลกระทบต่อเสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัว หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่นด้วย เพราะแม้จะมีกฎหมายรัฐธรรมนูญตราหลักประกันเสรีภาพให้ไว้ แต่ก็เปิดโอกาสให้ตรากฎหมายอื่น จำกัดเสรีภาพเอาไว้ด้วยเหมือนกัน และกฎหมายที่ตราขึ้นเฉพาะนั้น ต้องมีวัตถุประสงค์ชัดเจนเพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ อื่นๆดังที่กล่าวมาในวรรคเดียวกันนี้ โดยเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดีของประชาชน เพื่อป้องกันหรือระงับความเสื่อทรามทางจิตใจ หรือสุขภาพของประชาชน รวมถึงเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐด้วย

ความในวรรคหนึ่งและวรรคสองในมาตรา 39 นี้ ผู้เขียนไม่เห็นด้วยในประเด็น เกี่ยวกับการเปิดทางให้จำกัดเสรีภาพ ด้วยอาศัยเหตุเพื่อความมั่นคงของรัฐ เพราะถ้อยคำนี้อาจเกิดปัญหาขึ้นในอนาคตได้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คณะปฏวัติ หรือรัฐประหาร ก็มักจะใช้ประเด็น "เพื่อความมั่นคง" มาเป็นข้ออ้าง และอาจจำกัดเสรีภาพของสื่อมวลชน นอกจากนี้แล้วไม่ปรากฎว่ามี "คำนิยาม" ที่ชัดเจนว่า พฤติกรรมใดถือเป็นภยันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความจริงแล้วประวัติศาสตร์การเมืองที่ผ่านมาให้บทเรียนว่า ภัยความมั่นคงของรัฐเกิดจากผู้แสวงหาอำนาจ มากกว่ามาจากสื่อมวลชน หรือประชาชน ประชาชนไม่เคยทำให้บ้านเมืองล่มจม มีแต่เหล่าแสวงหาอำนาจรัฐเท่านั้นทำให้บ้านเมืองล่มจม

ความในวรรคอื่นในมาตรา 39 มีความชัดเจนในตัวอยู่แล้ว เป็นต้นว่ารัฐจะสั่งปิดโรงพิมพ์ หรือสั่งปิดสถานีเพื่อริดรอนเสรีภาพของสื่อมวลชนไม่ได้ จะสั่งให้ส่งข่าวให้ตรวจก่อนตีพิมพ์หรือแพร่ข่าวไม่ได้เช่นกัน ยกเว้นประเทศอยู่ในภาวะสงครามหรือการรบ

ความในวรรคแรกของมาตรา 43 นั้น เป็นการประกาศเพื่อ แสดงให้ปรากฎชัดว่า คลื่นความถี่เป็นสมบัติของชาติ และการนำไปใช้ก็เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ สาเหตุที่ต้องประกาศชัดในเรื่องนี้เพราะ คลื่นความถี่เป็นทรัพยากรอย่างหนึ่ง คล้ายกับทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่ง(BANวิทยุ/โทรทัศน์/โทรคมนาคม)มีอยู่จำกัด และการใช้สอยทรัพยากร ต้องให้เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ

เพื่อให้เป็นไปตามความ(ประสงค์)ในวรรคแรก วรรคที่สองจึงได้บัญญัติให้ตรากฎหมายเฉพาะ(ประกอบรัฐธรรมนูญ)ขึ้นมา เพื่อจัดให้มีองค์กรของรัฐทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับดูแลการประกอบกิจการ ให้เป็นไปตามเจตนารมย์กฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นในวรรคที่สามมาตราเดียวกันได้บอกแนวทางเอาไว้ เป็นต้นว่า ในการดำเนินการนั้นต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชน ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น ทั้งในด้านการศึกษา วัฒนธรรม ความมั่นคงของรัฐ และประโยชน์สาธารณะอื่น นอกจากนี้แล้วกฎหมายรัฐธรรมนูญวางหลักให้องค์กรที่จัดตั้งขึ้นนั้น ต้องเป็นอิสระ โดยมีหน้าที่กำกับดูแลการแข่งขันเสรีอย่างเป็นธรรมด้วย

.
1